“พวกเ้าหมายความว่าอย่างไร เห็นอยู่ว่าพวกเราเป็คนค้นพบผลิญญาสีแดงเหล่านี้ก่อน ผู้ที่ค้นพบก่อนต้องมีส่วนร่วมด้วยสิ อย่างน้อยก็ควรแบ่งผลิญญาสีแดงเหล่านี้ในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน”
มู่ขวงกล่าวด้วยความขุ่นเคือง
“ฮ่าๆ ๆ ๆ…!”
ชายฉกรรจ์ทั้งสามต่างหัวเราะออกมาดังลั่น สายตาที่พวกเขามองมานั้นมีเพียงความเหยียดหยามเท่านั้น
“แบ่งเท่ากันงั้นรึ? เด็กน้อยอย่างพวกเ้าจะนับเป็อะไรได้ ยังกล้าจะมาแบ่งของจากพวกข้า รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกข้าจะสังหารพวกเ้าเสีย!”
ชายร่างผอมสูงคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความเย้ยหยัน คนผู้นี้มีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นห้า และในสายตาของพวกเขา วรยุทธ์ของเด็กหนุ่มทั้งสามคนตรงหน้าอย่างมากก็คงไม่เกินระดับทงม่าย
“เ้า…”
ไป๋จื่อเยว่เองก็ไม่พอใจกับท่าทีของอีกฝ่ายเช่นกัน มือของเขากระชับกระบี่เล่มยาวเอาไว้แน่น เตรียมพร้อมที่จะลงมือในทุกเมื่อ
“ไอหยา ทำไม คิดจะลงมือรึ?”
ชายฉกรรจ์ทั้งสามแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ อย่างใจเย็น
ดวงตาของมู่เฟิงทอประกายเย็นเยียบ จากนั้นเขาจับมือของไป๋จื่อเยว่และมู่ขวง ก่อนจะก้าวถอยออกไปช้าๆ
เมื่อชายฉกรรจ์ทั้งสามเห็นดังนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ชายร่างผอมสูงคนเดิมยังกล่าวเย้ยหยันต่ออีกว่า “ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ริอาจมาสู้กับพวกข้า”
เด็กหนุ่มทั้งสามถอยห่างออกไปราวยี่สิบเมตรและคอยมองพวกเขาจากระยะไกล มู่ขวงกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “พี่เฟิง ท่านจะยอมมอบผลิญญาสีแดงเ่าั้ให้พวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
“ถูกต้อง พี่เฟิง ผลิญญาสีแดงพวกนั้นเป็ประโยชน์ต่อท่านมาก ท่านจะยอมมอบมันให้พวกเขาอย่างนั้นหรือ”
ไป๋จื่อเยว่เองก็รู้สึกไม่ยินยอมเช่นกัน
“พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป คนหนึ่งมีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ด ส่วนอีกสองคนมีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นสี่และขั้นห้า ดังนั้นหากเกิดการต่อสู้กันขึ้นมาคงไม่เป็ผลดีสำหรับพวกเรา ตอนนี้เราเฝ้าดูสถานการณ์กันไปก่อน ต่อให้พวกเขา้ามันมากเพียงใด แต่การจะได้รับผลิญญาสีแดงก็ไม่ใช่เื่ง่ายเช่นกัน”
มู่เฟิงหรี่ตาลงขณะกล่าวเสียงเย็น
จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสามก็คอยเฝ้ามองสถานการณ์จากระยะไกล
ทหารรับจ้างทั้งสามคนกำลังมองไปยังผลิญญาสีแดงที่อยู่บนโขดหินกลางแอ่งหินหนืด ตอนนี้พวกเขากำลังคิดหาวิธีที่จะเข้าไปใกล้ๆ มัน
“พี่ใหญ่ ท่านดูนั่นเร็ว ตรงนั้นมีโขดหินก้อนหนึ่งที่น่าจะใช้เป็ฐานส่งตัวได้”
ชายชุดเทาผู้มีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นสี่ชี้นิ้วไปยังแอ่งหินหนืดขณะกล่าวขึ้น เขาค้นพบโขดหินในตำแหน่งเดียวกันกับมู่เฟิง
ดวงตาของชายอัปลักษณ์พลันเปล่งประกายขึ้น เขาขว้างก้อนหินออกไปเพื่อสำรวจเส้นทาง จากนั้นเขาก็หยิบแส้สีดำออกมาจากเอวและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องสาม ในบรรดาพวกเราการเคลื่อนไหวของเ้ายอดเยี่ยมที่สุด เ้าเป็คนออกไปสำรวจแล้วกัน หากโขดหินนั่นไม่มั่นคง ข้าจะใช้แส้นี้คว้าร่างของเ้ากลับมา”
ชายชุดเทาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จากนั้นเขาก็รวบรวมพลังปราณไว้ใต้ฝ่าเท้าและดีดตัวออกไปในทันที ร่างที่ดูราวกับนกั์กำลังโผบินของเขาะโออกไปไกลเจ็ดถึงแปดเมตรและตกลงบนโขดหินก้อนนั้นอย่างแม่นยำ
หลังจากชายชุดเทาร่อนตัวลงบนโขดหินแล้ว เขาก็ดีดตัวขึ้นมาอีกครั้งและทะยานร่างไปยังโขดหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง
จนในที่สุดเขาก็สามารถมาถึงโขดหินก้อนใหญ่ได้สำเร็จและปลอดภัย
“ฮ่าๆ ๆ พี่ใหญ่ข้ามาถึงแล้ว พวกท่านรีบตามมาเร็วเข้า”
ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงดัง เมื่อเห็นดังนั้นชายฉกรรจ์อีกสองคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นชายร่างผอมสูงก็ะโข้ามไปก่อน แต่ในขณะที่เขากำลังจะทะยานตัวไปยังโขดหินตรงกลาง
พรึ่บ...!
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ภายในแอ่งหินหนืดอันเงียบสงบได้ปรากฏร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกระโจนขึ้นมากัดชายร่างผอมผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก…!”
ชายร่างผอมผู้นั้นใบหน้าซีดเผือดด้วยความใ ร่างของเขายังคงลอยอยู่กลางอากาศ
งับ!
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตัวนั้นกัดเข้าที่เอวของเขาอย่างแรงและไม่มีทีท่าว่าจะหลุดพ้นได้เลย
มันคืองูเหลือมั์ที่มีความหนาเท่ากับเอวของผู้ใหญ่ ทั่วทั่งร่างมีเกล็ดสีแดงเข้ม ในตอนที่มันโผล่พ้นออกมาจากผิวของหินหนืด ลำตัวของมันก็มีความสูงห้าถึงหกเมตรแล้ว ปากของมันกัดเข้าที่ร่างของชายร่างผอมซึ่งกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ในขณะที่ดวงตาอันเย็นะเืของมันก็กำลังจ้องมองไปยังชายอีกคนที่อยู่บนโขดหินตรงกลาง
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของงูเหลือมั์ตัวนี้สามารถบ่งบอกได้ว่าพลังปราณของมันอยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นเก้า!
เห็นได้ชัดว่างูเหลือมั์ตัวนี้แข็งแกร่งเป็อย่างยิ่ง
“อ๊าก... พี่ใหญ่ช่วยด้วย พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย!”
ชายร่างผอมซึ่งถูกงูเหลือมไฟกัดยังคงดิ้นรนขอความช่วยเหลือ
“เ้าสอง”
เมื่อเห็นฉากนี้ชายอัปลักษณ์ก็ใกลัวเช่นกัน เขารีบถอยห่างออกไปทันที แรงกัดของงูเหลือมไฟตัวนั้นทรงพลังมาก ชายร่างผอมกรีดร้องโหยหวนออกมา ในที่สุดร่างกายของเขาก็ถูกกัดขาดเป็สองส่วนและตกลงไปในแอ่งหินหนืด
“อ๊าก…”
เมื่อเห็นภาพนั้น ชายชุดเทาที่กำลังยืนอยู่บนโขดหินตรงกลางก็แข็งทื่อด้วยความตกตะลึง
“โฮก...!”
งูเหลือมไฟส่งเสียงคำรามออกมาและพุ่งตัวหมายจะกัดร่างของชายชุดเทาต่อ แต่อีกฝ่ายกลับะโหลบได้อย่างว่องไว พร้อมกับดึงดาบออกมาจากเอวและฟันไปยังร่างของงูเหลือมไฟตัวนั้นอย่างแรง
แกร๊ง…!
คมดาบกระแทกลงบนผิวที่ปกคลุมด้วยเกล็ดของงูเหลือมไฟอย่างรุนแรงจนเกิดเป็ประกายไฟขึ้น แต่ก็ไม่อาจเฉือนถึงผิวของมันได้แม้แต่น้อย งูเหลือมไฟบิดลำตัวก่อนจะดึงหางขนาดใหญ่ของมันออกมาจากแอ่งหินหนืดและตวัดไปทางชายชุดเทาอย่างดุดัน
ตูม…!
ชายชุดเทากรีดร้องโหยหวน จากนั้นร่างของเขาก็ตกลงไปในแอ่งหินหนืด
“อ๊าก...!”
ร่างของชายชุดเทาที่ตกลงไปในแอ่งหินหนืดพยายามดิ้นรนอย่างถึงที่สุด ในขณะเดียวกันเขาก็กรีดร้องออกมาไม่หยุด แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ ร่างของเขาที่จมอยู่ในหินหนืดก็ถูกความร้อนแผดเผาจนตาย
มู่เฟิงและคนอื่นๆ ที่เฝ้ามองสถานการณ์จากระยะไกลต่างใกับเหตุการณ์นี้ พวกเขารีบหนีไปซ่อนตัวด้านหลังหินก้อนใหญ่อย่างรวดเร็ว
“พี่เฟิง นั่นมันอะไรกันขอรับ?”
มู่ขวงถามด้วยความประหลาดใจ
“นั่นคืองูเหลือมไฟ เป็อสูรร้ายผู้พิทักษ์ผลิญญาสีแดง”
มู่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนหน้านี้ซีเยว่ได้บอกเขาเอาไว้ก่อนแล้วว่ามีสิ่งมีชีวิตดังกล่าวอยู่ในแอ่งหินหนืดด้วย
“โชคดีที่พวกเรายังไม่ได้ลงมือ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตายแน่แล้ว”
ไป๋จื่อเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เ้าสอง เ้าสาม!”
เมื่อเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนถูกสังหารต่อหน้าต่อตา สีหน้าของชายอัปลักษณ์ก็พลันเปลี่ยนเป็หวาดกลัว เขาก้าวถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มือก็กำดาบเอาไว้แน่น
หลังจากงูเหลือมไฟสังหารมนุษย์ทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว ดวงตาอันเย็นะเืของมันก็สังเกตเห็นชายอัปลักษณ์ที่อยู่ริมฝั่งในทันที
พรึ่บ!
หลังจากนั้นร่างของงูเหลือมไฟก็เลื้อยออกมาจากแอ่งหินหนืด ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าหาอีกฝ่ายในทันที
งูเหลือมไฟตัวนี้มีความยาวเกือบยี่สิบเมตร และขนาดของมันก็น่าทึ่งเป็อย่างมาก
“เ้าอสูรร้าย ข้าจะสู้กับเ้าเอง!”
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นคำรามออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็ใช้ดาบในมือฟันไปยังร่างของงูเหลือมไฟอย่างแรง
เปรี้ยง!
ดาบเล่มนี้ทะลวงผ่านเกล็ดของมันจนเกิดเป็ปากแผลขนาดใหญ่ และมีเืสีแดงสดไหลทะลักออกมา งูเหลือมไฟร้องคำรามก่อนจะพุ่งตัวออกไปหมายจะกัดอีกฝ่าย แต่ชายฉกรรจ์ผู้นั้นก็หลบหลีกได้อย่างว่องไว
แต่ทันใดนั้นเอง งูเหลือมไฟก็ได้รวบรวมพลังปราณในร่าง ก่อนจะพ่นเปลวเพลิงที่มีอุณหภูมิสูงออกมาทางปาก เปลวเพลิงสีแดงนั้นได้กวาดไปทางชายฉกรรจ์อย่างรวดเร็ว
ชายฉกรรจ์จำต้องก้าวถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง
พรึ่บๆ!
แต่ฉับพลันนั้นงูเหลือมไฟก็เหวี่ยงหางของมันออกมา ซึ่งหางของมันนี้ก็เปี่ยมล้นด้วยพลังมหาศาล หากถูกกระแทกเข้าโดยตรงก็อาจจะถึงตายได้เลยทีเดียว
ชายฉกรรจ์ดีดฝ่าเท้าพุ่งทะยานตัวหลบหลีกการโจมตีอย่างว่องไว ส่งผลให้หางของงูเหลือมไฟกระแทกลงบนโขดหินอย่างแรงจนมันแตกออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย หากว่าหางนี้กระแทกเข้าที่ร่างของชายฉกรรจ์ผู้นั้นโดยตรง เกรงว่ากระดูกของอีกฝ่ายคงถูกบดขยี้ในทันที
ดวงตาของชายฉกรรจ์ฉายชัดถึงร่องรอยของความตื่นตระหนก ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึง้าจะหันหลังกลับเพื่อหลบหนี
แต่ดวงตาของงูเหลือมไฟยังคงทอประกายความดุร้าย มันตวัดหางไปยังโขดหินก้อนหนึ่ง ทำให้โขดหินที่มีน้ำหนักมากกว่าสองร้อยถึงสามร้อยจินพุ่งออกไปกระแทกกลางหลังของชายผู้นั้นอย่างแรง
เปรี้ยง...!
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นกระอักเืออกมาเต็มปาก ร่างของเขากระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตรและล้มคะมำลงบนพื้นอย่างแรง
งูเหลือมไฟเลื้อยเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และกัดศีรษะของชายฉกรรจ์ผู้นั้นจนขาดในครั้งเดียว เืสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา ในขณะที่ศีรษะของอีกฝ่ายก็ถูกกลืนลงไปในท้องของมันโดยตรง
ด้านมู่เฟิงและคนอื่นๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโขดหินอีกฝั่งหนึ่งนั้นถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นฉากนี้
จากนั้นงูเหลือมไฟก็อ้าปากกว้างและกลืนกินร่างของชายฉกรรจ์ผู้นั้นอย่างช้าๆ