หวานหว่านถลึงตาใส่จวินเหยียนไปทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดจาราวกับ้าจะหาความเป็ธรรมให้แก่ตน“ท่านพ่อ ท่านทำเกินไปแล้ว ทั้งยามกลางวันและกลางคืนท่านก็ล้วนยึดครองท่านแม่ข้าไว้เพียงผู้เดียวหากว่าพวกท่านสามารถมีน้องชายน้องสาวให้ข้าได้เร็วๆ จะยึดนางไว้ข้างกายก็ช่างเถิด ทว่าผ่านมาหลายปีเพียงนี้แล้ว พวกท่านกลับยังไม่มีน้องชายน้องสาวให้ข้าอีก ดังนั้น ตอนนี้การที่ท่านไม่ยอมให้ข้าเข้าใกล้ท่านแม่ก็นับว่าเป็การกระทำที่ไร้คุณธรรมเกินไปแล้วใช่หรือไม่”
จวินเหยียน “...”
อวิ๋นซี “...”
สองสามีภรรยาต่างปิดปากเงียบ ทว่าเป็จี้หยวนและโอวหยางรุ่ยที่ทนไม่ไหวจนเผลอหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาจากนั้นโอวหยางรุ่ยจึงกวักมือไปทางหวานหว่าน “เด็กน้อย มาหาท่านปู่ห้าของเ้านี่มา”
ทันทีที่หวานหว่านได้ยินเช่นนั้นก็เสมองไปทางบิดาตน แล้วก็มองไปทางมารดาตนจากนั้นจึงดึงมือบิดาออก แล้วพุ่งกายไปหาคนตรงหน้า ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นแล้วโขกศีรษะให้โอวหยางรุ่ยด้วยความเคารพนบนอบ“หวานหว่านคาราวะท่านปู่ห้า”
เมื่อโอวหยางรุ่ยเห็นเช่นนั้น ดวงตาพลันสว่างไสว จากนั้นก็หัวเราะฮ่าฮ่าออกมา“ดี ดี น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งกว่าบิดาเ้าเสียอีก” เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาพิจารณาซ้ายขวา ยิ่งมองยิ่งพอใจ
“ตัวข้านี้ต้องเป็ที่รักใคร่ยิ่งกว่าบิดาอยู่แล้ว จะมีก็แต่มารดาข้าเท่านั้นที่รักใคร่บิดาข้ายิ่งกว่า”หวานหว่านยิ้มแย้มพูดอย่างไม่เกรงใจ บางครั้งตัวนางก็กินน้ำส้มสายชูเช่นกันเพราะท่านแม่ดีกับท่านพ่อมากเกินไปจริงๆ
ตอนนี้เมื่อเห็นโอกาสที่จะทำลายบิดาตนได้อยู่ตรงหน้า หวานหว่านก็ไม่คิดออมแรงสู้สุดกำลัง
จวินเหยียนมองเ้าคนตัวน้อยตรงหน้า จากนั้นก็หัวเราะหึหึ “เป็ลูกสาวที่แสนดีของเปิ่นหวางจริงๆ”
หวานหว่านได้ใจ ใบหน้างดงามน่ารักเชิดขึ้นน้อยๆ “แน่อยู่แล้ว”
ท่าทางของนาง ทำให้โอวหยางรุ่ยอดหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาอีกครั้งไม่ได้“เด็กน้อย ข้าขอถามเ้าสักหน่อย เหตุใดเมื่อท่านปู่ห้าบอกให้เ้ามาหา เ้าก็มาหาเ้าไม่กังวลหรือว่าตัวข้านี้จะเป็คนเลว? ”
“หวานหว่านไม่เคยพบคนเลวที่ปรีชาสามารถโดดเด่นเหนือใคร”หวานหว่านตอบด้วยท่าทีจริงจัง ซี่งที่จริงแล้วตอนที่ท่านอาฮ่าวฟานพานางกลับมาท่านลุงพ่อบ้านก็บอกความจริงแล้วว่า บิดาตนเป็ญาติผู้พี่ฝั่งพ่อของท่านอาฮ่าวฟาน ดังนั้นบุคคลที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักผู้นี้ก็จักต้องเป็บิดาแท้ๆของท่านอาฮ่าวฟานอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันบิดาแท้ๆ ของเขาก็ต้องนับเป็ท่านปู่ของนางด้วยเช่นกันถึงแม้คนจะเป็น้องของเสด็จปู่สายตรง แต่ก็ยังถือเป็ท่านปู่ที่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเื
ท่านอาฮ่าวฟานเป็คนดีเพียงนี้ แน่นอนว่าบิดาเขาก็คงไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรหรอกกระมัง
โอวหยางรุ่ยยังไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงแต่เมื่อได้ยินเด็กน้อยตอบเช่นนี้ก็อดดีใจไม่ได้...ปรีชาสามารถโดดเด่นเหนือใคร?ฮ่าฮ่า ช่างเป็ปากน้อยๆ ที่หวานจับใจเสียจริง
อวิ๋นซีและจวินเหยียนพร้อมใจกันกลอกตามองบน ลูกสาวผู้นี้ไม่รู้ว่าไปได้นิสัยนี้มาจากใครช่างพูดช่างเจรจาเสียเหลือเกิน
“จริงสิ มิใช่ว่าเ้าออกไปกับท่านอาฮ่าวฟานหรอกหรือ? แล้วตอนนี้ตัวเขาไปอยู่ที่ไหนเสียแล้วเล่า? ” โอวหยางรุ่ยถามหวานหว่าน
เมื่อหวานหว่านได้ยินก็ยิ้มออกมา ตอบตามความจริง “ท่านอาบอกว่า จู่ๆ เขาก็พาตัวข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตบิดามารดาข้าก่อนยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เมื่อได้ทราบแล้วว่าบิดาข้าเป็ญาติผู้พี่ฝั่งบิดาของเขา ทำให้ความเหนือกว่าเพียงอย่างเดียวของเขาไม่มีเหลือหากยังไม่รีบหลบ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกจัดการอย่างน่าอนาถ”
ทุกคนที่นั่งอยู่ล้วนเข้าใจแจ่มแจ้งความเหนือกว่าที่หวานหว่านหมายถึงก็คือสถานะอวี๋อ๋องซื่อจื่อของอีกฝ่าย ทว่า มิคาดหลังจากที่โอวหยางฮ่าวฟานพาตัวเด็กคนหนึ่งไปความจริงที่ปรากฏออกมาจะกลับกลายเป็ว่าบิดาของผู้อื่นแท้จริงแล้วเป็ญาติผู้พี่ฝั่งบิดาของตนอ๋องแห่งหานโจว
สถานะนี้แตกต่างกันเกินไปแล้ว คนเช่นเขาย่อมหาเื่ไม่ได้ ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็แค่แอบซ่อนตัวแล้วเท่านั้น
โอวหยางรุ่ยคิดไม่ถึงว่าลูกชายตนจะกระทำตัวน่าขายหน้าเพียงนี้เขาแค่นเสียงเ็าพูดว่า “เ้าเด็กสารเลวนั่นอยากจะทำให้พ่อตัวเองต้องโกรธจนตายแล้วจริงๆ” เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็แทบอยากจะออกไปลากลูกชายมา หลังจากนั้นก็ลงโทษด้วยการตีต่อหน้าสาธารณชนเสียสักรอบให้เด็กคนนี้ได้จดจำให้ขึ้นใจ
“เสด็จอา ท่านจะลองพิจารณา นำตัวเขาไปทิ้งไว้ในกองทัพเมืองหานโจวของข้า ดีหรือไม่”จวินเหยียนพินิจสีหน้าของอีกฝ่ายพลางคิดไปว่า หากเสด็จอาของตนมีหนวดสักหน่อย ยามนี้คงได้โกรธจนหนวดชี้ขึ้นมาแล้วเป็แน่
คำแนะนำนั้น ทำให้โอวหยางรุ่ยได้แต่แค่นเสียงเ็า “คิดว่าอาเ้า ตัวข้าน่ะไม่มีกองทหารของตัวเองหรือไร”
“ข้ารู้ดี ทว่า ตัวท่านน่ะเป็บิดาเมตตาพ่ายแพ้บุตร” จวินเหยียนพูดตรงๆอย่างไม่เกรงใจ “ท่านลองดูบุตรสาวที่หลานผู้นี้สอนสั่งมาเถิด นี่สิถึงจะเรียกว่าเชื่อฟังเป็ที่สุด”ยามนี้คนบางคนก็เริ่มแสดงความปากร้ายที่ถือเป็ความสามารถเฉพาะตัวของตนออกมาอย่างไร้ยางอายแล้ว
อวิ๋นซีทำได้เพียงกลอกตามองบนให้กับคำโอ้อวดนั้น อันที่จริงตัวนางถือเป็ผู้บริสุทธิ์นะอันที่จริงนางอยากจะพูดยิ่งว่า บุรุษผู้นี้มิใช่สามีนาง และเด็กคนนี้ก็มิใช่ลูกสาวของนาง
คนหนึ่งหน้าหนายิ่งกว่าอีกคนหนึ่งราวกับเป็คลื่นลูกใหม่แม่น้ำแยงซีซัดคลื่นลูกเก่า[1] จริงๆ
“เ้าเด็กสารเลว นิสัยตอนเด็กนั่นจนตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนเลยสักนิด”เ้าสารเลวน้อยนี้ตอนอยู่ในเมืองหลวง ยามอยู่ต่อหน้าผู้คนก็มักจะมีท่าทีไม่เป็พิษเป็ภัยต่อผู้คนและสรรพสัตว์เป็ท่าทีที่มีมารยาทยิ่ง ใส่ใจชาวประชา ทว่า เมื่ออยู่ในที่ลับกลับเป็เ้าท้องดำอย่างแท้จริง
เขายังจำได้ ตอนเด็กจวินเหยียนอยากเรียนขี่ม้ายิงธนู แต่เป็เขาที่ไม่ยินดีจะสอนถึงกระนั้นใครเล่าจะไปรู้ เ้าสารเลวน้อยนี่จะถึงกับพูดจาท้าพนันกับเขาว่า หากภายในห้าวัน คนสามารถขี่ม้าเป็ และเอาชนะเขาได้ในฐานะของเสด็จอาจักต้องยอมเป็อาจารย์ให้ อีกทั้ง ก่อนที่จะแข่งขัน คนทั้งสองจำต้องเลือกม้าไว้ก่อนล่วงหน้าและจักต้องใช้ม้าตัวนั้นในการแข่งขัน
ยิ่งกว่านั้น ใครจะไปรู้ คืนก่อนการแข่งขันเ้าสารเลวน้อยนั่นให้คนวางยาม้าของตน ทำให้วันถัดมา ม้าตัวนั้นท้องเสียจนไร้เรี่ยวแรงทว่า คนกลับบอกเขาเพียงว่า ศึกไม่หน่ายเล่ห์ [2] อันใดก็ไม่รู้แล้วยังให้เขาผู้เป็อาหัดเรียนรู้เอาไว้หน่อย ด้วยลูกไม้นี้หากนำไปใช้ในสนามรบจักต้องให้ผลดีอย่างแน่นอน
จำได้ว่า ตอนนั้นเ้าสารเลวน้อยนี่เพิ่งจะมีอายุได้เจ็ดขวบเท่านั้น
“ตอนเด็กข้าเป็เยี่ยงไรนั้น ตัวข้านี้ล้วนลืมไปหมดแล้ว ทว่า เื่ที่เกี่ยวกับเสด็จอายังคงจดจำได้อยู่เื่สองเื่หลานคิดว่า หากให้กล่าวถึงเื่เหล่านี้ก็ควรจะกล่าวต่อหน้าเสด็จอาสะใภ้สักหน่อยเช่นว่า ตอนนั้นที่เสด็จอาตามเสด็จพ่อไปล่าสัตว์ ท่านเกิดชอบพอสตรีงามที่อาศัยอยู่ตีนเขาของเขตล่าสัตว์สำหรับเชื้อพระวงศ์และถือโอกาสที่สามีผู้อื่นไม่อยู่บ้าน ปีนกำแพงไปเพื่อแอบดูผู้อื่นอาบน้ำ”จวินเหยียนทำเป็กล่าวถึงเื่ที่ไม่รู้ว่าผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว
ด้วยเื่นี้อาจกล่าวได้ว่า สมัยที่โอวหยางรุ่ยยังเป็หนุ่มแน่นถือได้ว่าเป็ชายที่เ้าชู้ยิ่งถึงแม้คนจะไม่ถึงขั้นไปหลับนอนกับสตรีที่ไหนก็ไม่รู้ไปทั่ว ทว่า ในยามที่ได้เห็นสาวงามดวงตาทั้งสองข้างเป็ต้องเปล่งประกาย โดยปกติแล้วราชนิกูลชายที่มีอายุได้สิบหกปีจักต้องออกนอกวังเพื่อไปสร้างจวนของตนเองจากนั้นจึงจะรับสตรีเข้ามาเพื่อสอนเื่ระหว่างชายหญิง ทว่า เสด็จอาผู้นี้บางทีคงจะไปแอบฟังผู้อื่นมามากด้วยเื่พรรค์นี้กลับล่วงรู้ได้เองโดยไร้อาจารย์ ยิ่งกว่านั้น ในคืนที่สร้างจวน คนยังถึงขนาดว่าท่านอาที่ไทเฮาหามาให้เสียจนยับเยินบอกว่าผู้อื่นงดงามเย้ายวนไม่พอ บอกว่าทักษะผู้อื่นไม่ดี
และเพราะเื่นี้ เสด็จอาที่มีอายุยี่สิบกว่าปีจึงยังไม่ได้แต่งงาน ทำให้ไทเฮาโกรธเสียจนหนีไปพำนักอยู่ที่เขาอู่ไถเสียหลายปีในตอนหลังเสด็จอาได้ให้คนนำสาส์นไปส่งยังเขาอู่ไถและในวังว่าตัวเขาได้กลายเป็พ่อคนแล้วท้ายที่สุดไทเฮาถึงได้รีบร้อนลงมาจากเขาอู่ไถ่ และเร่งรุดไปยังเมืองที่เสด็จอาพำนักอยู่ในตอนนั้น
ดังนั้น เสด็จอาของเขาผู้นี้ ตอนยังหนุ่มมีเื่เสเพลอยู่ไม่น้อย หากจะให้พูดจริงๆสามวันสามคืนก็ยังพูดไม่หมด อีกทั้ง หากคนคิดยุ่งเื่ชาวบ้านละก็ จวินเหยียนก็คงจะใช้ไม้ตายนี้บอกกล่าวกับชายาอวี๋อ๋องเกี่ยวกับเื่ของเสด็จอาที่ไม่มีใครล่วงรู้เ่าั้
เมื่อหวานหว่านฟังคำของบิดาจบ ก็เงยหน้ามองโอวหยางรุ่ยที่อุ้มตนอยู่ และเป็นานถึงพูดขึ้นว่า“ท่านปู่ห้า ที่แท้ตัวท่านก็เคยชมชอบเสี่ยวเหนียงเหมิน [3] ข้างบ้านมาก่อนหรอกหรือ”
คำที่ว่าสาวน้อยข้างบ้านนี้ เด็กน้อยเคยได้ยินคนในจวนพูดมาอีกทีหนึ่ง และถึงแม้ตัวนางจะไม่ได้เข้าใจในความหมายที่แท้จริงของเื่นี้แต่ทุกสิ่งก็ไม่ยากเกินความฉลาดของนางที่จะหยิบยืมคำมาใช้สักเล็กน้อย
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] คลื่นลูกใหม่แม่น้ำแยงซีซัดคลื่นลูกเก่า(长江后浪推前浪)หมายถึง คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถมากกว่า
[2] ศึกไม่หน่ายเล่ห์(兵不厌诈)หมายถึง การทำศึกาย่อมต้องใช้กลอุบายหลอกอีกฝ่ายหนึ่งแม้ว่าจะเป็อุบายร้ายกาจก็ต้องทำ เพราะหากเราไม่หลอกเขา เขานั่นแหละจะหลอกเรา
[3] เสี่ยวเหนียงเหมิน(小娘们)หมายถึง สตรีที่แต่งงานแล้ว เป็ภรรยาของผู้อื่น(ความหมายในเชิงลบ)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้