กู่ซิ่วร้อนใจจนตาแดงก่ำ ชี้หน้าสวี่ฮุ่ยแล้วพูดว่า “แกนี่มันใจคอโเี้จริง ๆ ! กล้าใส่ร้ายน้องสาวตัวเองต่อหน้าคนเยอะแยะ!”
“เพื่อนผู้หญิงคนไหนให้มางั้นเหรอ?” สวี่ฮุ่ยไม่แม้แต่จะมองกู่ซิ่วที่เกือบจะกลายร่างเป็หมาบ้า พุ่งเข้ามากัดเธอให้ตายคามือ เดินเข้าไปใกล้พลางถามอย่างไม่ลดละ
สวี่เยว่กัดฟัน ตอบชื่อเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งออกไปมั่ว ๆ
สวี่ฮุ่ยพยักหน้า “งั้นก็ดี เราไปถามผู้หญิงคนนั้นต่อหน้ากัน”
ลู่ฉี่เสียนช่วยหนุนหลังอยู่ข้าง ๆ “ฉันขับรถจี๊ปมาพอดี นั่งรถฉันไป เร็วและสะดวกกว่า”
สวี่เยว่หน้าซีดขาวเหมือนขี้เถ้า ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ถ้าไปถามตรง ๆ ความลับก็แตกทันทีสิ เธอจะยอมร่วมมือได้อย่างไรกัน!
สวี่ฮุ่ยยิ้มเยาะ “เธอไม่กล้าไป แสดงว่าเธอกำลังโกหก!”
กู่ซิ่วรีบออกตัวแทนสวี่เยว่ “วันนี้น้องของแกไม่สบาย ถ้าจะต้องไปหน้า ไปพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้! ทิ้ง่นานขนาดนั้น สวี่เยว่ก็คงจะไปเตี๊ยมกับเธอคนนั้นเรียบร้อยแล้วน่ะสิ”
“เธอคิดว่ามีแค่เธอที่ฉลาด คนอื่นมองแผนของเธอไม่ออกงั้นเหรอ?”
“ถ้าสวี่เยว่ไม่สบายไปไม่ได้ แม่ก็ไปกับพวกเราแทนได้นี่”
สวี่ฮุ่ยพูดไม่กี่ประโยค ปิดทางหนีกู่ซิ่วกับสวี่เยว่จนหมดสิ้น
กู่ซิ่วเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไร
สวี่ฮุ่ยหัวเราะเบา ๆ สองคำรบ “แม่เองก็ไม่กล้าไปเหมือนกัน ดูท่าแม่น่าจะรู้สินะว่าสวี่เยว่กำลังโกหก”
สวี่ต้าซานทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
การแสดงของลูกสาวคนเล็กเมื่อครู่นี้ไร้ยางอายยิ่งกว่าทุกครั้ง
ไม่เพียงพูดโกหกคำโต ยังจะแสร้งทำเป็ดอกบัวขาวบริสุทธิ์ให้ตำรวจลู่ปล่อยตัวเองอีก
ท่าทางน่าอับอายพวกนี้ เพื่อนบ้านเห็นแล้ว ไม่รู้ลับหลังจะหัวเราะเยาะบ้านพวกเขายังไงบ้าง
สายตาของเขาเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง ตวาดสวี่เยว่เสียงดัง “เลิกโกหกได้แล้ว! ที่นี่ไม่มีใครโง่!”
“ขอโทษพี่สาวลูกซะ แล้วสัญญาว่าต่อไปจะไม่คิดร้ายกับพี่เขาอีก จะไม่แอบอ้างชื่อพี่เขาไปเรียนมหาวิทยาลัยด้วย!”
สวี่เยว่รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างที่สุด
สวี่ต้าซานให้เธอขอโทษยัยงั่งนั่นต่อหน้าคนมากมาย พ่อได้คิดถึงหน้าตาและความรู้สึกของเธอบ้างไหม?
สวี่เยว่เกลียดสวี่ต้าซานเข้ากระดูกดำ แต่กลับทำตัวน่ารักเชื่อฟัง น้ำตาคลอเบ้า ขอโทษสวี่ฮุ่ยด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่สาว ฉันผิดไปแล้ว พี่ให้อภัยฉันด้วย”
สวี่ฮุ่ยโบกมือ พลางพูดประชดประชัน “อย่าขอโทษฉันเลย เดี๋ยวพ่อจะหาว่าฉันใจแคบ ครอบครัวเดียวกันจะมาคิดเล็กคิดน้อยทำไมอีก”
“อีกอย่าง เธอแสร้งขอโทษทีไร หลังจากนั้นก็ยังหาทางเล่นงานฉันจนตายอยู่ดีไม่ใช่เหรอ? ”
สวี่เยว่กัดฟัน
พอเธอขอโทษเสร็จ ยัยงั่งก็มาบอกว่าไม่ต้องขอโทษ แล้วพูดจาจิกกัดเธอโต้ง ๆ เ้าเล่ห์จริง ๆ
หลังจากตอกกลับสวี่เยว่ สวี่ฮุ่ยก็รวบรวมความกล้า เงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นแล้วยิ้มให้ลู่ฉี่เสียน “พี่ลู่ ฉันขอเลี้ยงข้าวพี่ได้ไหมคะ?”
ลู่ฉี่เสียนยิ้มรับ “ได้สิ”
สวี่เยว่มองปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคนแล้วลอบกัดฟันกรอด
เธอเรียกลู่ฉี่เสียนว่าพี่ลู่ ลู่ฉี่เสียนก็ทำท่ารังเกียจกันสุดๆ
แต่พอยัยงั่งเรียกเขาว่าพี่ลู่ เขากลับยิ้มหน้าบาน!
สวี่ต้าซานพูดอย่างกระอักกระอ่วน “พวกเธอกินข้าวที่บ้านเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปซื้อกับข้าวมา”
สวี่ฮุ่ยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย เดินขึ้นรถจี๊ปไปกับลู่ฉี่เสียน
สวี่ต้าซานมองลูกสาวคนโตนั่งรถจี๊ปออกไปจากประตูบ้านพักกับลู่ฉี่เสียนอย่างรู้สึกเสียหน้า ก่อนจะเดินคอตกเข้าบ้าน
ในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่เลย กู่ซิ่วเข้าไปทำอาหารกลางวันในครัว ส่วนสวี่เยว่หนีเข้าห้องตัวเอง
ไม่นาน กู่ซิ่วก็ยกบะหมี่สามชามใหญ่มาวางบนโต๊ะ
สามีภรรยาได้บะหมี่เปล่าโรยต้นหอมคนละชามใหญ่ มีเพียงสวี่เยว่ที่ได้บะหมี่ใส่ไข่ดาวสามฟอง
สวี่ต้าซานเห็นว่าสวี่เยว่ทำผิด แต่ภรรยาไม่ตำหนิแม้แต่คำเดียว แถมยังทำไข่ดาวให้อีก คิดว่าลูกสาวคนเล็กจะน้อยใจหรือไง!
สวี่ต้าซานรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาสะบัดมือปัดชามบะหมี่ของสวี่เยว่ตกพื้นเสียงดังเพล้ง “ทำผิดแล้วยังอยากกินของดี ๆ อีก ต่อไปบ้านเราจะไม่มีกฎแบบนี้อีกแล้ว!”
กู่ซิ่วกับสวี่เยว่ใจนตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับเขยื้อน
สวี่ฮุ่ยกับลู่ฉี่เสียนขับรถมาถึงในตัวตำบล เลือกร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง
สวี่ฮุ่ยถามลู่ฉี่เสียนด้วยรอยยิ้มว่ามีของที่กินไม่ได้บ้างไหม
ลู่ฉี่เซียนส่ายหน้า “ฉันเป็ผู้ชายหยาบ ๆ จะเื่มากอะไร ฉันกินได้ทุกอย่าง”
สวี่ฮุ่ยพูดเบา ๆ “พี่ไม่ใช่ผู้ชายหยาบ ๆ สักหน่อย”
เธอเงยหน้ามองเมนูที่ติดอยู่บนผนัง อาหารที่ดีที่สุดคือหมูสามชั้นผัดน้ำแดง
เธอถามเถ้าแก่เนี้ย “ทำผัดกระเพาะหมูกับซี่โครงหมูผัดน้ำแดงได้ไหมคะ?”
เถ้าแก่เนี้ยเช็ดโต๊ะให้พวกเขาพลางพูด “ทำได้สิ เธอจะสั่งสองอย่างนี้เหรอ?”
“ค่ะ” สวี่ฮุ่ยพยักหน้า
เถ้าแก่เนี้ยรีบบอกสามีตัวเองให้ไปซื้อซี่โครงหมูกับกระเพาะหมูมา
สวี่ฮุ่ยสั่งแกงจืดฟักสาหร่ายใส่กุ้งแห้งอีกอย่างหนึ่ง
ตอนที่กำลังจะสั่งจานที่สี่ ลู่ฉี่เซียนก็รีบห้ามไว้ “พวกเรามีกันแค่สองคน กับข้าวสองอย่างกับแกงหนึ่งอย่างก็พอแล้ว”
จริง ๆ สวี่ฮุ่ยก็คิดว่าพอแล้ว แต่เธอเป็เ้ามือไม่ควรขี้งกเกินไป เลยอยากสั่งเพิ่มอีกสักสองอย่าง
เธอพูดกับเถ้าแก่เนี้ย “งั้นเอาแค่นี้ค่ะ ขอผักชีเยอะหน่อยนะคะ”
ลู่ฉี่เสียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่กินผักชี เพราะไม่ชอบกลิ่นผักชี
แต่เด็กสาวชอบกิน ก็ตามใจเธอเถอะ
แม้จะสั่งอาหารไม่กี่อย่าง แต่ยังต้องใช้เวลาทำ
ระหว่างรออาหาร ลู่ฉี่เสียนไม่พูดอะไรเลย บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด
สวี่ฮุ่ยจึงทำลายความเงียบด้วยการกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “พี่ลู่ ขอบคุณที่ช่วยฉันอีกครั้งนะคะ”
“ถ้าเป็ผู้หญิงคนอื่นเจอเื่แบบนี้ ฉันก็ช่วยเหมือนกัน นี่คือหน้าที่ของฉัน”
หัวข้อแรก ล้มเหลว
โชคดีที่สวี่ฮุ่ยไหวพริบดี เลยหาหัวข้อสนทนาใหม่ทัน “พี่ลู่ผ่านมาทำคดีแถวตำบลเถาฮวาเหรอคะ ฉันโชคดีจัง ที่ได้บังเอิญเจอพี่ลู่”
“เปล่า วันนี้ฉันหยุด” ลู่ฉี่เซียนพูดอย่างใจเย็น
หัวข้อที่สอง เดดแอร์อีกครั้ง
สวี่ฮุ่ยนึกถึงคำพูดของตำรวจหญิงที่รับโทรศัพท์เมื่อกี้
สัญชาตญาณของผู้หญิง ร้องเตือนว่าตำรวจหญิงคนนั้นจงใจบอกว่าลู่ฉี่เสียนไปทำคดีข้างนอก เพื่อไม่ให้เธอโทรหาเขาอีก
ที่ตำรวจหญิงคนนั้นทำแบบนั้น คงเป็เพราะชอบลู่ฉี่เสียนแน่ ๆ
เธอควรจะบอกเื่นี้กับพี่ลู่ไหมนะ?
สวี่ฮุ่ยครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
เผื่อว่าสัญชาตญาณของเธอทำงานผิดพลาด ตำรวจหญิงคนนั้นอาจจะไม่รู้ว่าพี่ลู่หยุดงานวันนี้ก็ได้
ถ้าเป็อย่างนั้นเธอจะกลายเป็คนขี้นินทาแล้วทำให้พี่ลู่รำคาญ
และสวี่ฮุ่ยยังกังวลอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ตำรวจหญิงคนนั้นแอบชอบพี่ลู่ แต่พี่ลู่ไม่รู้
ถ้าเธอไปบอกเขาตอนนี้ พี่ลู่คงรู้ความในใจของตำรวจหญิงคนนั้น แล้วหันไปชอบเธอแทนก็ได้ เพราะเพื่อนร่วมงานมักจะเกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกันได้ง่าย
สวี่ฮุ่ยไม่อยากเป็แม่สื่อ ให้พี่ลู่กับตำรวจหญิงคนนั้นลงเอยกัน
ลู่ฉี่เสียนไม่รู้เลยว่าในใจสวี่ฮุ่ยเป็ตุเป็ตะอยู่มากมาย พอเห็นว่าจู่ ๆ เธอก็เงียบไป แล้วทำท่าทางครุ่นคิดบางอย่าง เขาก็ยิ่งไม่กล้าพูด กลัวจะรบกวนเธอ
เ้าของร้านทั้งสองช่วยกันทำอาหาร หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ อาหารสองอย่างกับแกงที่สวี่ฮุ่ยสั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
เถ้าแก่เนี้ยใส่ผักชีเยอะทุกจานตามที่สวี่ฮุ่ยขอ กลิ่นผักชีลอยอบอวลไปในอากาศ
สวี่ฮุ่ยสูดดมอย่างมีความสุข “หอมจัง!”
เธอคีบซี่โครงหมูผัดน้ำแดงสองชิ้นใส่ชามของลู่ฉี่เสียน เอ่ยหน้าแดงก่ำว่า “พี่ลู่ ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดนะคะ”
ลู่ฉี่เสียนเขี่ยผักชีออกจากซี่โครงหมูอย่างเนียนๆ “เธอกำลังพูดถึงกำไลเงินนั่นเหรอ?”
สวี่ฮุ่ยพยักหน้า “แล้วก็เค้กวันเกิดด้วยค่ะ”
“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพื่อจะอธิบายเื่นี้ ของขวัญพวกนั้นน้องชายสามคนของฉันเป็คนจัดการ ไม่เกี่ยวกับฉัน พวกเขาแค่อ้างชื่อฉันเฉย ๆ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของสวี่ฮุ่ยแข็งค้างไป