เสี่ยวจิ่วฮวารู้สึกเหมือนว่ามีใครจ้องมองตนอยู่ นางจึงหันกลับไปมองเช่นเดียวกัน แต่กลับพบว่าไม่มีใครเสียแล้ว นางส่ายหน้าไปมาคิดว่าตนเองคงจะคิดมากเกินไป เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเดินขึ้นรถม้า ก่อนจะออกเดินทางกลับจวนในทันที
ระหว่างทางนางครุ่นคิดเื่ต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย รวมถึงเื่ในจวนของนางเอง
นางจำได้ว่าตอนที่มีอายุเพียงสิบขวบปี ปีนั้นท่านพ่อเดินทางกลับจากชายแดนเพื่อมาเยี่ยมบ้านและคิดจะพาพี่ชายนางเข้าสู่เส้นทางของทหาร นั่นเป็ครั้งแรกที่นางได้เห็นหน้าของท่านพ่อ ท่านพ่อของนางใจดีมาก ไม่ว่าจะเป็บุตรที่เกิดจากภรรยาเอกหรืออนุ ท่านพ่อก็รักไม่ต่างกัน อีกทั้งยังสอนวรยุทธ์ให้นางหลายกระบวนท่า เสี่ยวจิ่วฮวาเองก็พอจะมีวรยุทธ์ป้องกันตนเองได้อยู่ไม่น้อย แต่น่าเสียดายในชาติก่อนนางใช้มันแบบผิดๆ เอามารังแกเสี่ยวเย่วหยาที่เรียนวรยุทธ์ไม่ได้เื่ บอบบางอ่อนแอเป็อย่างมาก นานวันเข้าสิ่งที่เรียนรู้มาก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
นับว่าเป็โชคดีของนางก็ได้กระมัง ที่จวนตระกูลเสี่ยวไม่ได้ลำเอียงรักบุตรภรรยาเอกข่มเหงบุตรอนุ
เสี่ยวจิ่วฮวาดึงตนเองออกจากความคิดก่อนหน้า แล้วจึงหันมาเอ่ยกับหูเป่า
"เ้าแวะร้านขนมให้ข้าที"
"เ้าค่ะคุณหนู"
หูเป่ารับคำ ก่อนจะเปิดผ้าม่านรถม้าออกและสั่งคนขับรถม้าให้ไปที่ร้านขนมก่อนกลับจวน ไม่นานรถม้าก็หยุดลง เสี่ยวจิ่วฮวาลงมาจากรถม้า และเดินเข้าไปในร้านขนม ก่อนจะเลือกซื้อขนมกลับมาหลายอย่าง และส่งให้หูเป่าช่วยถือเอาไว้
ระหว่างนั้นนางได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ที่ด้านหน้าร้านหมอ นางจึงหันไปมอง ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น
นั่นใช่ หลี่จิ่ง หรือไม่?
เสี่ยวจิ่วฮวาจ้องมองหลี่จิ่งอย่างไม่ละสายตา ความทรงจำของชาติก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง
ในชาติก่อนนั้น มีวันหนึ่งนางออกมาเดินเล่นที่ตลาด และพบกับหลี่จิ่งที่พาท่านพ่อของเขามาหาหมอ เขาเป็บุตรชายที่เกิดจากตระกูลบัณฑิตตกอับ อีกทั้งยังถูกไล่ออกจากร้านหมอเพราะไม่มีเงินรักษา ยามนั้นเพราะอยากให้มีชื่อเสียงที่ดีในหมู่ผู้คนว่าคุณหนูรองจวนตระกูลเสี่ยวใจดีมีเมตตาไม่ด้อยไปกว่าคุณหนูใหญ่เลยแม้แต่น้อย นางจึงยื่นมือเข้าช่วยหลี่จิ่งในครั้งนั้น จากนั้นก็ใช้เขาเป็วัวเป็ควายใต้เท้านาง ยกเื่บุญคุณขึ้นมาอ้าง ให้เขาช่วยตนหาทางกลั่นแกล้งเสี่ยวเย่วหยายามที่นางออกมาด้านนอกจวน จนพี่สาวมีชื่อเสียงย่ำแย่แต่งเข้าจวนใดไม่ได้อีก
วันหนึ่งเขามาสารภาพรักกับนาง แต่นางไม่แม้แต่จะชายตามองเขา สิ่งที่นาง้าคืออำนาจที่สูงส่ง ตำแหน่งพระชายารององค์รัชทายาทเท่านั้น เขาตามตื๊อนางอยากให้นางเปลี่ยนความคิด เขายินดีทำทุกอย่างให้นางสุขสบาย แต่นางกลับตบหน้าเขาไปหนึ่งฉาด และบอกกับเขาว่า
หัดเจียมกะลาหัวเสียบ้าง คนต่ำต้อยเช่นเ้าน่ะหรือจะคู่ควรกับข้า ข้าไม่ยอมไปลำบากกับเ้าหรอก เชิญไปลำบากคนเดียวเถอะ ไสหัวไปเสีย!!
หลี่จิ่งเศร้าใจไม่น้อย แต่เขาไม่ได้เกลียดนาง กลับกัน วันหนึ่งนางเกิดเื่และถูกพวกคนอันธพาลทำร้าย เขาก็มาช่วยนางจนตนเองถูกทำร้ายและตายอย่างน่าเวทนา
แต่ครั้งนั้น นางกลับทำเพียงปรายตามองร่างไร้ลมหายใจของเขา และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เ็าไร้หัวใจ
ข้าไม่ได้ขอให้เ้ามาตายแทนเสียหน่อย เ้ามาเอง ถือว่าการตายของเ้าเป็การตอบแทนค่าหมอที่ข้าช่วยรักษาพ่อเ้าก็แล้วกัน!!
เสี่ยวจิ่วฮวาถอนหายใจออกมา เมื่อคิดถึงภาพเ่าั้นางก็รู้สึกเกลียดชังตนเองไม่น้อย หลี่จิ่งไม่ควรพบจุดจบเช่นนั้น และนางเองก็ไม่มีสิทธิ์ยกบุญคุณเท่าหยิบมือเช่นนั้นมาเอาเปรียบผู้อื่น
อย่างที่บอกว่า ผีไม่น่ากลัวเท่าใจคน นั้นไม่เกินจริง ใจคนนี่แหละที่น่ากลัวยากจะหยั่งถึง!!!
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาจึงล้วงหยิบถุงเงินออกมา ก่อนจะหันไปเอ่ยกับหูเป่า
"เ้านำเงินนี่ไปจ่ายค่ายาให้สองพ่อลูกคู่นั้น ไม่ต้องบอกว่าข้าเป็คนช่วย บอกเพียงว่าเ้าสงสารเห็นใจคนจึงอยากช่วยก็พอ"
"เอ่อ คุณหนู"
"ไปสิ"
"เ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้"
หูเป่ารับเงินมาจากเสี่ยวจิ่วฮวาและรีบนำไปมอบให้หลี่จิ่ง เสี่ยวจิ่วฮวารีบเดินกลับขึ้นมาบนรถม้า ก่อนจะแอบเปิดผ้าม่านหน้าต่างมองดูสองพ่อลูก เห็นว่าหลี่จิ่งกำลังคำนับหูเป่าอย่างตื้นตันใจ เสี่ยวจิ่วฮวายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะคิดในใจ
ชาตินี้ เ้าอย่าได้มาพัวพันกับข้าเลย เ้ารู้จักข้าเพียงชาติเดียวก็เกินพอแล้ว คนดีๆ อย่างเ้า ควรได้พบเจอคนที่ดีกว่าข้า
นางปิดผ้าม่านในมือลง เป็จังหวะที่หูเป่ากลับมาพอดี เสี่ยวจิ่วฮวาจึงสั่งให้รถม้ากลับจวนตระกูลเสี่ยวทันที หลี่จิ่งมองตามรถม้าคันนั้นไปจนลับสายตา ผู้มีพระคุณของเขาอยู่ในรถม้าคันนั้นใช่หรือไม่
มีหรือเขาจะไม่รู้ สาวน้อยที่นำถุงเงินมามอบให้ดูแล้วแต่งตัวเหมือนกับสาวใช้ทั่วๆ ไป แต่ก่อนที่ตระกูลหลี่ยังร่ำรวยก็เคยมีสาวใช้เช่นเดียวกัน เขาจึงมองออกว่า นี่ต้องไม่ใช่เงินของสาวน้อยนางนั้นเป็แน่
จะเป็ใครก็ช่างเถิด บุญคุณครั้งนี้เขาจดจำเอาไว้ในใจแล้ว ผู้มีพระคุณของเขา หากวันใดได้พบเจอ เขาจะตอบแทนอย่างไม่มีข้อแม้เลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้