เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของชิงซีก็ราวกับหยุดเต้นไปชั่วขณะ นางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเบาๆ ว่า “เ้ามีอะไรจะบอกข้าหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาและกล่าวว่า “ชิงซี เสด็จอาคือบิดาของข้าจริงๆ น่ะหรือ?”
ในดวงตาของหญิงสาวมีร่องรอยของความคาดหวัง ความสับสน และความเ็ป
ชิงซีพยักหน้า “เ้ารู้เื่นี้ได้อย่างไร?”
อวิ๋นจื่อกระซิบชื่อของซูเจิน
ชิงซีเห็นว่าสถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ไม่ดีเท่าไหร่ นางจึงหันเหหัวข้อสนทนาไปยังเื่อื่นโดยกล่าวว่า “เมื่อพูดถึงสำนักชิงซาน เ้าอาจไม่รู้จัก แต่พวกเขามีองค์กรนักฆ่าชื่อคูหูเตี่ยด้วย”
อวิ๋นจื่อคิดว่าชิงซีกำลังอธิบายเื่ราวให้นางฟังอย่างจริงจัง ดังนั้นนางจึงฟังเงียบๆ
“ใน่ปีแรกๆ มีคนส่งคนในองค์กรคูหูเตี่ยมาฆ่าข้า แต่ทักษะของนักฆ่าย่ำแย่เกินไป ข้าจึงโต้กลับด้วยการโจมตีครอบครัวของประมุขสำนักชิงซานภายในชั่วข้ามคืน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงได้รู้จักกับประมุขคนก่อน”
อวิ๋นจื่อมองอย่างชื่นชมและกล่าวว่า “ชิงซีเป็สตรีที่กล้าหาญอย่างแท้จริง”
อวิ๋นจื่อกำลังจินตนาการถึงจิติญญาอันสูงส่งของชิงซี และนางก็เกิดความอิจฉาเป็อย่างมาก ชีวิตที่ไร้กังวลและอิสระเช่นนี้จะยอดเยี่ยมเพียงใด
ชิงซีฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้และกล่าวว่า “อันที่จริงการฝึกกระบี่นับว่าง่ายมาก เ้าจะสามารถป้องกันตัวเองจากอันตรายที่แจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งชื่อเสียงของสำนักชิงซานก็มีประโยชน์เช่นกัน”
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยความกังวลเล็กน้อย “เอาล่ะ ข้าฝึกกระบี่ก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการจัดการของชิงซี ลำบากเ้าแล้ว”
ชิงซีชวนอวิ๋นจื่อพูดคุยเรื่อยเปื่อยอยู่พักหนึ่ง เมื่อเวลาล่วงเลยจนถึงกลางดึก ชิงซีก็โน้มตัวเข้าใกล้ใบหูของอวิ๋นจื่อแล้วกระซิบบางอย่างก่อนจะจากไป
หงจินเปลี่ยนกาน้ำชาหลายรอบแล้ว
แต่อวิ๋นจื่อยังไม่มีท่าทีจะขยับตัวเลย
หงจินตัดสินใจกระซิบว่า “คุณหนู ได้เวลาพักผ่อนแล้วเ้าค่ะ”
อวิ๋นจื่อยังคงนั่งนิ่งด้วยความงุนงง นางไม่ได้ยินคำพูดของหงจินเลย นางกำลังใกับคำพูดของชิงซี
‘ในเมื่อเ้ารู้ภูมิหลังของตนเองแล้ว เหตุใดเ้าไม่บอกคนผู้นั้น’
ประโยคนี้ราวกับสายฟ้าผ่าลงมากลางแจ้ง
‘หมากที่อ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อนวางไว้เมื่อหลายปีก่อนจะปรากฏขึ้นในที่สุด และนั่นทำให้เ้าสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น’
แน่นอนว่านี่ย่อมเป็เื่ดี
แต่เหตุใดในใจลึกๆ ถึงยังลังเลอยู่?
เย่เช่อจะทำอย่างไรถ้าเขารู้?
หลังจากผ่านไปหลายปีใครจะรับประกันได้ว่าชิงซีจะยังให้ความช่วยเหลือองค์หญิงจากราชวงศ์ก่อนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างนาง?
‘ชิงซีกำลังเดิมพันกับข้าใช่หรือไม่? หรือนางรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร?’
เื่นี้อวิ๋นจื่อต้องตัดสินใจด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือนางได้
อวิ๋นจื่อตกตะลึงกับคำพูดของชิงซี อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้จะมีอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาด ชิงซีดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างแม้กระทั่งความคิดของอวิ๋นจื่อ
อวิ๋นจื่อทั้งเคารพและหวาดกลัวซิงซี
ในที่สุดอวิ๋นจื่อก็ตัดสินใจได้ นางขอให้หงจินเรียกไป๋จื่อและหงหลิงเข้ามา
แม้ว่าทั้งสองคนจะเข้านอนไปแล้ว แต่ก็รีบแต่งตัวเพื่อเข้าพบอวิ๋นจื่อทันที
เมื่ออวิ๋นจื่อส่งสายตา หงจินก็ออกไปอย่างรู้ความ
“ข้าเรียกเ้าสองคนมาที่นี่เพื่อจะบอกอะไรบางอย่าง”
บนหน้าต่างไม้แกะสลักมีเงาจากแสงเทียนวูบไหวเล็กน้อย อวิ๋นจื่อหวนนึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งอยู่ตำหนักเหวินฮวา ตอนนั้นจินเหนียงกำลังกล่อมนางนอน
‘ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เคียงข้างข้าแล้ว’
…
กลางดึก
ในตรอกเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตา แสงสลัวจากโคมไฟได้ปรากฏขึ้น
ภายใต้แสงจากโคมไฟ สตรีในชุดสีเหลืองอ่อนดูเปล่งประกายเจิดจรัส แต่คำพูดของนางกลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าศิษย์พี่จะรับศิษย์? เหตุใดต้องรับผู้หญิงคนนั้นเป็ศิษย์? เหตุใดอาจารย์อาไม่รับนางเป็ศิษย์ล่ะ?”
ชายเสื้อเขียวที่นั่งอยู่ข้างๆ มีใบหน้าที่หล่อเหลาและอ่อนวัย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “วันที่อาจารย์จะตาย อาจารย์อาได้ทำข้อตกลงกับอาจารย์ว่าจะไม่รับศิษย์อีก”
หญิงสาวคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “เหตุใดข้าต้องยอมรับผู้หญิงคนนั้น? ข้าเกลียดนางที่สุด หากเื่เป็เช่นนี้นางก็จะกลายเป็ศิษย์น้องของข้า เหตุใดข้าต้องยอมรับเื่นี้? ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่ข้าเฝ้ารอมาหลายปีก็จะหายวับไปโดยสิ้นเชิง”
ในที่สุด ชายคนนั้นก็ถามเบาๆ “หลังจากผ่านไปหลายปี เ้ายังคงห่วงใยเขาอีกหรือ? เสี่ยวยี่ปล่อยวางเสียเถิด อวิ๋นเซียวตายไปหลายปีแล้ว”
หญิงสาวคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ้างว้างมาก “ศิษย์พี่ ในชีวิตของข้า ข้ารักเขาเพียงคนเดียว ข้าอยากปล่อยวางเช่นกัน แต่ก็ทำไม่ได้!”
ในค่ำคืนที่เงียบงันเช่นนี้ การโต้เถียงกันระหว่างคนทั้งสองนับว่าก่อให้เกิดเสียงดังเล็กน้อย
…
ในตอนเช้าของวันถัดมา หงจินกำลังจะพยุงอวิ๋นจื่อลุกจากเตียง ไป๋จื่อห้ามนางไว้และกล่าวว่า “จากนี้ไปข้ากับหงหลิงจะรับผิดชอบเื่ของคุณหนู เ้าเพียงแค่ต้องช่วยเราบางเื่เท่านั้น”
น้ำเสียงของไป๋จื่อมีความเด็ดขาดคล้ายกับว่าหงจินจะต้องทำตามนางอย่างแน่นอน หงจินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและถามว่า “แล้วคุณหนูว่าอย่างไรบ้าง?”
ก่อนที่ไป๋จื่อจะพูดอะไรต่อ อวิ๋นจื่อก็เรียกหงจินมาใกล้ๆ
“หงจินอย่าคิดมาก ในอนาคตข้าจะย้ายไปอยู่ที่จวนผู้ว่าการ เ้าเป็คนที่มนุษยสัมพันธ์ดีที่สุด ข้าจะให้เ้ารับใช้ข้าอย่างใกล้ชิด เ้าอาจวางตัวลำบากเล็กน้อย แต่หลังจากไตร่ตรองดูแล้วข้าคิดว่าไป๋จื่อและหงหลิงไม่ค่อยละเอียดอ่อนเื่งานในเรือนนัก ดังนั้นให้พวกนางทำงานยากๆ จะดีกว่า ตอนนี้ข้าอยากถามเ้าว่าจากนี้ไปเ้าเต็มใจที่จะติดตามข้าหรือไม่?”
ในตอนเช้าที่ทุกคนยังตื่นไม่เต็มที่ หงจินย่อมไม่คาดคิดว่าคุณหนูของนางจะถามคำถามเช่นนี้ นางจึงตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะอุทานด้วยความใ “เหตุใดจู่ๆ คุณหนูจึงถามเช่นนี้เ้าคะ?”
อวิ๋นจื่อกล่าวเบาๆ “ข้าแค่อยากถามเ้าเท่านั้น จากนี้ไปเ้าเต็มใจที่จะติดตามข้าหรือไม่?”
ตอนนี้หงจินตระหนักได้ว่าคุณหนูของนางดูเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว นางคุกเข่าลงด้วยความใ จากนั้นก็โขกศีรษะและกล่าวว่า “คุณหนู ข้าเต็มใจเ้าค่ะ”
หงจินรู้ว่าการติดตามคุณหนูไปอยู่ในจวนผู้ว่าการย่อมดีกว่าการใช้ชีวิตในหอจุ้ยฮวนมากชนิดเทียบกันไม่ติด
แต่นางยังไม่รู้ว่ามีบางอย่างที่นางคาดไม่ถึง
“แม้ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟเ้าก็เต็มใจหรือ?”
อวิ๋นจื่อถามกลับ
หงจินพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ดวงตาของนางลุกโชนราวกับดอกท้อสีแดงเข้ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้