“ใครให้เธอเข้ามา!” สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยดำมืด ไม่ว่าใครมองใบหน้าของเขาในเวลานี้ก็ล้วนรับรู้ได้ถึงความเย็นเยียบที่พุ่งขึ้นมาในใจ แม้ว่าเขาจะพยายามอดทนเป็อย่างมาก แต่มันก็ยังยากที่จะควบคุมเชื้อไฟแห่งความโกรธที่พุ่งขึ้นมาในใจของเขา.......... ทุกๆคนล้วนมีเื่ต้องห้ามของตัวเอง และซูเฟยเฟยก็ถูกผลักดันด้วยความอยากรู้อยากเห็นให้ทำในสิ่งที่แทบจะพูดได้ว่าใหญ่โตเหมือนัที่ไม่ควรแตะต้องมากที่สุด
“ฉัน.........”
“ออกไป!” เย่เทียนเซี่ยตะคอกออกมาเสียงเย็นด้วยความโกรธ
ซูเฟยเฟยที่ไม่เคยถูกตะคอกมาก่อนรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจลึกๆ เธอรู้แล้วว่าตัวเองเหมือนจะได้ทำเื่ผิดมหันต์ลงไป ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะไปยุ่งย่ามกับเย่เทียนเซี่ยที่กำลังโกรธจนทำให้เธอหวาดกลัวอีก แต่เธอก็ยังเบ้ปากแล้วเถียงออกไปเสียงเบา “ฉันแค่เข้ามาดูเพราะสงสัยแค่นั้นเอง นายจะโกรธอะไรนักหนา...........”
“ออกไปซะ!!!”
น้ำตาแห่งความน้อยใจหยดแหมะๆลงมาจากดวงตาของซูเฟยเฟย เธอก้มหน้าต่ำแล้วพยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ ก่อนจะย่ำเท้าออกไปจากห้องนั้นราวกับสาวน้อยที่รู้สึกผิด
เย่เทียนเซี่ยปิดประตูเงยหน้าขึ้นแล้วหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา ห้องๆนี้เป็สถานที่ต้องห้ามที่ไม่อนุญาตให้ใครอื่นเข้ามาทั้งนั้น เพราะที่แห่งนี้เก็บรักษากลิ่นอายของเธอคนนั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์ มันคือร่องรอยสุดท้ายที่เธอทิ้งเอาไว้เมื่อเธอจากไป.......... เขาไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปในนี้ทั้งนั้น มลทินของห้องนี้ ถ้าใครกล้าขยับอะไรภายในห้องนี้แม้แต่อย่างเดียวเขาจะทำให้คนๆนั้นเสียใจไปตลอดชีวิต...........
เธอคือหนึ่งเดียวในโลกนี้ที่ทำให้เขาไม่มีเหตุผลแบบนี้ ทำให้เขากลายเป็คนบ้าแบบนี้
…………
…………
เขาตะคอกออกมาเสียงดัง.......... เพราะเข้าไปในห้องๆนั้น........ เพราะผู้หญิงที่เคยอยู่ในห้องนั้นใช่ไหม?.......... ซูเฟยเฟยวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง เธอซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มจนในที่สุดเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหวกับความน้อยใจ เธอเองก็ทำดีถึงขนาดนั้น ทำความสะอาดที่นี่ทุกซอกทุกมุม เตรียมอาหารให้เขาวันละสามมื้อ คอยบอกให้เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า.........แล้วทำไมเขาถึงได้ทำกับเธอแบบนี้
น้ำตาของเธอเปียกชุ่มผ้าห่มเป็วงเล็กๆ เย่เทียนเซี่ยที่ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเธอตอนไหนก็ไม่รู้ชะงักมือค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนเขาจะเก็บกลับไปโดยไม่วางมันลงไป ตอนที่เห็นซูเฟยเฟยเข้าไปในห้องความโกรธที่ผุดขึ้นมาก็เย็นเยียบลง เขารู้ว่าที่ตัวเองเพิ่งพูดกับเธอนั้นมันเกินไป......... จริงๆแล้วเธอแค่ทำในสิ่งที่เธออยากทำภายใต้แรกผลักดันของความอยากรู้อยากเห็น ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรทั้งนั้น เธอรู้ว่าในนั้นมีอะไรได้อย่างไรต่างหากที่สำคัญต่อเขา
ั้แ่อยู่ด้วยหันมาหลายวันเธอก็เริ่มพื้นที่ในใจของเขามากขึ้นและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งเขาก็คิดว่าถ้าเธอจากไปตัวเขาคงไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเดิมหรือเปล่านะ.......... คงไม่มีใครช่วยเขาทำความสะอาดบ้าน ไม่มีใครทำกับข้าวให้เขากิน ไม่มีใครพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม......... เขาเริ่มเคยชินกับการคงอยู่ของเธอซะแล้ว และเขาก็ค่อยๆรู้ว่านี่คือหญิงสาวที่ดีมากคนหนึ่ง เธอไม่มีความหยิ่ง ความเกียจคร้าน และความขี้โมโหเหมือนเด็กผู้หญิงที่มาจากครอบครัวร่ำรวยตามปกติ...........
ตัวเขาเองไม่ควรจะทำร้ายเธอเลยจริงๆ
“เฟยเฟย........” มือของเย่เทียนเซี่ยยังคงลูบไปบนไหล่ที่สั่นไหวของซูเฟยเฟย เขาเรียกเธอว่า “คุณหนูเฟย” มาโดยตลอด แต่ชื่อที่เขาเรียกเธอออกมาในเวลานี้กลับเป็ชื่อเรียกอีกอย่างที่คุ้นเคยกันยิ่งขึ้น
เสียงร้องไห้หยุดลง ซูเฟยเฟยที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มยิ่งห่อตัวเองแน่นขึ้นไปอีก “ออกไป..........นายออกไปเลยนะ ใครให้นายเข้ามาให้ห้องฉัน...........”
“เพราะที่จริงแล้วที่นี่เป็บ้านของฉันน่ะสิ” เย่เทียนเซี่ยโค้งตัวลงมาครึ่งหนึ่งแล้วพูดออกมาใกล้ๆเธอ
“นาย.......นายออกไปเลย ฉันเกลียดนายแล้ว ฉันไม่อยากเจอนายอีกแล้ว..........”
เย่เทียนเซี่ยเหมือนเป็ไอ้โง่ และน่าจะรู้ว่าถ้าเขาเดินออกไปอย่างนั้นจริงๆ.............. เขาก็จะกลายเป็ไอ้โง่ตัวจริง แต่วิธีการง้อผู้หญิงนี่เขาไม่ถนัดเอาซะเลย ผ่านไปเป็เวลานาน เขาจึงถอนหายใจแล้วพูดออกมา “เฟยเฟย เฟยเฟยที่สวยที่สุดและขยันที่สุด เป็ความผิดฉันเอง ไม่ต้องโกรธแล้วโอเคไหม?”
เย่เทียนเซี่ยที่ง้อผู้หญิงเป็ครั้งแรก (กั่วกัวถือว่าเป็เด็กน้อย ดังนั้นไม่นับ) รู้สึกเหมือนตัวจะะเิออก ทั่วร่างของเขารู้สึกเหมือนขนแทบจะลุกชันไปทั้งร่าง
“นาย.......... นายต้องรับปากฉันเื่นึง ฉันถึงจะไม่โกรธ” ผ่านไปสักพักเสียงของซูเฟยเฟยก็ดังออกมาจากผ้าห่ม เสียงนั้นยังคงมีเสียงสะอื้นของความน้อยใจปะปนอยู่
“........ ได้ อะไรล่ะ?”
ร่างที่ซุกอยู่ในผ้าห่มเงียบไปสักพัก ในตอนนี้เย่เทียนเซี่ยไม่อาจมองเห็นสีหน้าของซูเฟยเฟยที่พยายามกดข่มความพึงพอใจเอาไว้ได้ และเสียงที่ยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ก็ดังขึ้นมาจากผ้าห่มอีกครั้ง “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันอยากให้นายพาฉันออกไปข้างนอก.......แล้วก็ห้ามเข้ามาในนี้อีก”
เย่เทียนเซี่ยถอยกลังออกไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็ถอยออกไปจากห้องอย่างเชื่อฟังแต่โดยดี จากนั้นเขาก็ส่ายหัวแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ จริงๆแล้วการง้อผู้หญิงมันเป็แบบนี้เองสินะ?
ออกไป..........ดูเหมือนตัวเขาควรจะออกไปได้แล้ว เขาคุ้นเคยกับการอยู่บ้านหลังนี้แล้ว แต่เธออาจจะอึดอัด แต่เพราะมันไม่กระทบกับตัวเขาเองเขาจึงไม่เคยเสนอเื่นี้ออกมาเลย และเธอเองก็คงไม่กล้าออกไปคนเดียว......... เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เย่เทียนเซี่ยก็รู้สึกผิดหน่อยๆ เขาเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดที่สามารถออกไปข้างนอกได้
อาหารเที่ยงที่ซูเฟยเฟยเตรียมไว้เย็นชืดหมดแล้ว ทว่าภายใต้สภาพอากาศอันร้อนอบอ้าวมันยังคงมีแรงดึงดูดทำให้คนมองรู้สึกอยากกินอยู่เหมือนเดิม เขาเพิ่งจะยกถาดผลไม้ขึ้นมาห้องของซูเฟยเฟยก็เปิดออก เมื่อเย่เทียนเซี่ยเงยหน้าขึ้นมาทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกค้าง
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของเธอ ซูเฟยเฟยในเวลานี้ถึงได้สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีม่วงรัดรูปขับเน้นหน้าอกอวบทั้งสองข้างให้โดดเด่นขึ้นมาจนกระดุมสามเม็ดดูจะตึงแน่นขึ้นมาเช่นกัน มันทำให้คนมองอดจะคิดถึงยอดเขาสูงที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้และอยู่ต่ำกว่าไหล่ลงมาคู่นั้นไม่ได้ ความสวยงามที่ไม่ถูกปกปิดเลยแม้แต่น้อยนั้นมีลักษณะเป็เนินสูงที่ชวนให้ผู้คนจินตนาการต่อไป เส้นผมสีดำที่ยาวสยายนั้นเหมือนผ้าซาตินที่ดูนุ่มลื่นเผยให้เห็นลำคอระหงงดงามเหมือนคริสตัลวูบไปวูบมา
ในสายตาของเขาขาขาวราวหิมะที่ถูกห่อหุ้มด้วยกระโปรงสั้นสีขาวนั้นมีเสน่ห์ชวนลุ่มหลง ด้านในขาขาวนั้นยังมีถุงน้องตาข่ายสีดำทำให้ขาขาวเรียวยาวของเธอโผล่ออกมาวับแวมๆชวนดึงดูดสายตาอย่างอดไม่อยู่ ท้ายที่สุดด้านล่างของถุงน้องสีดำนั้นยังมีรองเท้าลูกไม้สีขาว คริสตัลระยิบระยับห่อหุ้มเท้าขาวเปลือยเปล่า ส่วนเชือกที่เลื้อยพันที่ข้อเท้าก็ให้ความรู้สึกเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก ที่ส้นของรองเท้าคู่นั้นเป็ส้นเข็มสูงประมาณสามนิ้วทำให้เท้าของเธอดูเซ็กซี่จนคนมองแทบห้ามใจไม่อยู่
สิ่งล่อใจสีดำ?
สายตาของเย่เทียนเซี่ยมองตามขาเรียวยาวที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องสีดำของซูเฟยเฟยขยับเดินไปมา ความรู้สึกกระหายนั้นบอกเขาว่านี่คือความเซ็กซี่แบบในนิยาย
ซูเฟยเฟยแอบมองปฏิกิริยาตอบสนองของเย่เทียนเซี่ย เธอรับรู้ได้ถึงสายตาของเขาที่จ้องมาและเธอก็กำลังเพลิดเพลินกับสายตาของเขาในเวลานี้ เธอจงใจเดินช้าๆเข้าใกล้เขาทีละก้าวๆ จากนั้นก็ใช้มือจับกระโปรงก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเขาอย่างระมัดระวัง
“ฮึ้ม รีบกินเร็วเข้าแล้วจะได้ออกไปกัน นายรับปากฉันแล้วห้ามกลับคำเด็ดขาด!” มุมปากของเธอกระตุกขึ้นแสดงให้เย่เทียนเซี่ยเห็นว่าเธอยังไม่หายโกรธ จริงๆแล้วตอนที่เย่เทียนเซี่ยเรียกเธอว่า “เฟยเฟย” เธอก็หายโกรธไปเป็ปลิดทิ้งแล้ว ในทางกลับกันเธอยังมีความรู้สึกมีความสุขแบบแปลกๆ แต่เพราะความภูมิใจและความสำรวมแบบผู้หญิง.......... เธอจึงต้องแสดงใบหน้าแบบนั้นให้เขาเห็น
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้เบนสายตากลับมา มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาช้าๆ “สวยมาก”
ใบหน้าของซูเฟยเฟยขึ้นสีแดงระเรือ ความร้อนที่แล่นริ้วไปบนใบหน้าทำให้เธอก้มหน้าลงอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อได้รับคำพูดจริงใจจากเขาเธอก็รู้สึกพอใจสุดๆ
“......แล้ว เธอจะออกไปข้างนอกแบบนี้เนี่ยนะ? ไม่กลัวแดดหรอ?” เย่เทียนเซี่ยมองไปที่กระโปรงสั้นๆของเธอก่อนจะถามออกมาอย่างจริงจัง
ซูเฟยเฟยใช้แรงดึงกระโปรงโดยไม่รู้ตัว “เอ่อ ฉันใส่กางเกงซับในแล้ว นายคิดว่าคนอื่นเขาจะหน้าหนามองไอ้ที่ที่ไม่ควรมองเหมือนนายหรือยังไง” เธอก้มหน้าลงแล้วพูดออกไปเสียงต่ำ ไม่รู้ว่าพูดให้เย่เทียนเซี่ยฟังหรือพูดให้ตัวเองฟังกันแน่ “กระโปรงแบบนี้ปกติฉันก็ใส่ให้ตัวเองดู ออกไปข้างนอกก็ไม่ใส่หรอก”
“...........”
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วซูเฟยเฟยก็ไปแต่งหน้าเพิ่มอีกหน่อย การออกไปข้างนอกกับเย่เทียนเซี่ยเป็ครั้งแรกนี้พูดได้ว่าเป็ครั้งแรกเลยที่มีผู้ชายพาเธอออกไปเที่ยวจริงๆโดยไม่ได้ไปกับบอดี้การ์ด และยิ่งไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เธอต้องคอยหวาดกลัว ความตื่นเต้นในใจของเธอทั้งหมดค่อยๆเผยออกมา
มือของเย่เทียนเซี่ยววางอยู่ที่ลูกบิดประตูแต่เย่เทียนเซี่ยกลับไม่ได้รีบเปิดมันออกโดยทันที เขากลับยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “คุณหนูซู ระดับความนิยมของเธอนี่ทำให้คนอื่นอิจฉาจริงๆ เธอเชื่อไหมว่าแค่เธอเดินออกจากประตูนี้ไปก็จะมีคนรีบมาต้อนรับเธอเลยล่ะ”
ซูเฟยเฟยงุนงงจากนั้นก็พูดออกไปอย่างไม่เกรงกลัว “ฉันมาอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่มีใครมาจับตามองสิแปลก แต่แค่มีนายอยู่ฉันก็ไม่กลัวพวกมันหรอก.......คิก” ซูเฟยเฟยหัวเราะเล็กน้อย ดูเหมือนเธอจะคิดไปถึงฉากในเย็นวันนั้น เธอจัดการดันประตูออกไปเองแล้วก็เดินออกไปด้านนอกอย่างไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้ขู่เธอและยิ่งไม่ได้ล้อเล่น เมื่อประมาณสองสามวันก่อนเย่เทียนเซี่ยสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มมนุษย์จำนวนหนึ่งเฝ้าจับตาสังเกตที่แห่งนี้ สาเหตุน่าจะเป็เพราะซูเฟยเฟย ศัตรูของซูลั่วมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่เป้าหมายของคนเหล่านี้เกินกว่าครึ่งคือซูเฟยเฟย ในสายตาคนอื่นลูกสาวของซูลั่วแยกจากพ่อและตกลงที่จะอยู่ร่วมกันกับชายแปลกหน้า ข้างกายของเธอตอนนี้ก็ไม่มีบอดี้การ์ดแม้แต่คนเดียว โอกาสงามๆแบบนี้คนที่ตั้งตารออยู่จะพลาดได้อย่างไร
