น้ำเสียงเ็าลึกลับในหัวของซุนเฟยก็รีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
ถูกหักเงินไปตั้งสองหมื่นเก้าพันเหรียญทอง สุดท้ายก็แลก ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดกลาง’ ได้สองขวด และ ‘น้ำยาความแข็งแกร่ง’ หนึ่งขวด ผลลัพธ์แบบนี้ทำให้ซุนเฟยรู้สึกขมขื่นในใจเล็กน้อย แม้ว่าจะเตรียมใจมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึก ‘สูญเสียจนยับเยิน’ อยู่ดี
แต่เมื่อหวนคิดถึงอัตราความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนที่น่าสังเวชนั้น การที่ได้รับ ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดกลาง’ สองขวด และ ‘น้ำยาความแข็งแกร่ง’ หนึ่งขวด มันก็ไม่เลวเลยนี่
ซุนเฟยหายใจเข้าลึกๆ พลางคำนวนเวลาที่เหลือ
ขีดจำกัดการเล่นเกมสี่ชั่วโมง เขาเหลือเวลาเล่นเกมไม่ถึงสองชั่วโมง เขาตัดสินใจออกจากตัวละครคนเถื่อน สภาพไร้แรงโน้มถ่วงเวลาที่กำลังทะลุอุโมงค์มิติ ภาพตรงหน้าพร่ามัว ก่อนที่จะกลับมาที่หน้าจอเลือกแบบโฮโลแกรมสามมิติอันเดิมก่อนที่จะเข้าสู่โลก Diablo
ตอนนี้ ซุนเฟยพบการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นบนหน้าจอโฮโลแกรมสามมิติ ไอเทมบนร่างของตัวละครคนเถื่อนและรูปร่างหลังจากเลเวล 12 ได้เปลี่ยนไป มันดูแข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้น เห็นได้ชัดหากเทียบกับตัวละครที่อยู่ข้างๆ ทั้งหกตัวที่ยังอยู่เลเวล 0
ดูเหมือนว่าทุกอย่างบนหน้าจอนี้จะสะท้อนภาพตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงในโลก Diablo
ซุนเฟยพยายามสร้างตัวละครเดิมซ้ำก็พบว่าตัวละครทุกตัวสามารถสามารถสร้างได้เพียงหนึ่งตัว ในกรณีที่ตัวละครคนเถื่อนและจอมเวทได้เข้าสู่โลก Diablo หากอยากสร้างตัวละครตัวที่สองซ้ำกับตัวละครเดิมสองตัวที่เล่นไปแล้วไม่สามารถทำได้
ดูเหมือนว่าจะพออธิบายอะไรได้
แต่ซุนเฟยไม่มีเวลามานั่งพิจารณามาก
เขาคิดอยู่ครู่เดียวก็เลือกตัวละครจอมเวทแล้วเข้าสู่โลก Diablo ทันที
เสียงวิ้งดังขึ้นเบาๆ สภาพไร้แรงโน้มถ่วงเวลาที่กำลังทะลุอุโมงค์มิติกลับมาอีกครั้ง จอมเวทมือใหม่ซุนเฟย กลับเข้ามาในโลก Diablo อีกครั้งที่แผนที่ ‘ค่ายโร้ก’
หลังจากวิเคราะห์อย่างละเอียด ค่ายนี้ดูเหมือนว่าจะเป็มิติคู่ขนานอีกโลกที่ไม่เหมือนกับค่ายที่ตัวละครคนเถื่อนเล่นก่อนหน้านี้ เนื้อเื่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เควส ‘กำจัดสัตว์ร้ายในถ้ำชั่วร้าย’ ‘สังหารบลัด เรเว่นที่ทรยศ’ และ ‘ช่วยชีวิตเคน’ ก็ยังไม่มีใครเคลียร์ ทุกอย่างรอให้ตัวละครจอมเวทซุนเฟยไปทำเควสอีกครั้ง
เนื่องจากได้สั่งสมประสบการณ์จากตอนที่เล่นตัวละครเถื่อนไว้มาก ซุนเฟยจึงเริ่มดำเนินการทันที ภายในเวลาสั้นๆ เขารับเควส ‘กำจัดสัตว์ร้ายในถ้ำชั่วร้าย’ จากนั้นก็รีบไปฆ่ามอนสเตอร์ใน ‘บลัดมอร์’ เริ่มวางแผนอัพเลเวลจอมเวท
สามสิบนาทีต่อมา
‘จอมเวทซุนเฟย’ ก็ทำเควสแรกของมือใหม่เสร็จ คือการกวาดล้างมอนสเตอร์ใน ‘บลัดมอร์’ หลังจากนั้นก็ไปหาแม่ชีอาคาร่าเพื่อส่งเควส และรับรางวัลเป็คะแนนทักษะ 1 คะแนน
ตอนนี้ซุนเฟยได้อัพเลเวลตัวละครจอมเวทเป็เลเวล 3
ในระหว่างสังหารมอนสเตอร์ที่ ‘บลัดมอร์’ ก็ได้รับไอเทมมากมาย ไม่ว่าจะเป็เกราะหนังธรรมดา ถุงมือหรือหมวก ไอเทมที่สามารถใช้งานได้เขาก็จะสวมไอเทมที่ร่างตัวเอง นอกนั้นก็จะเอาไปขาย
ตอนนี้สะสมคะแนนทักษะได้ 4 คะแนน
ซุนเฟยคิดอยู่นานจากนั้นเริ่มแบ่งคะแนนทักษะ 1 คะแนนกับเวทมนตร์เพลิง ‘ะุเพลิง’ 1 คะแนนกับเวทมนตร์อสนีบาต ‘ะุพลังงาน’ และ 2 คะแนนกับเวทมนตร์น้ำแข็ง ‘ะุน้ำแข็ง’
เมื่อจัดการเรียบร้อย ซุนเฟยก็ไม่คิดจะกลับไปไล่ฆ่ามอนสเตอร์ในถิ่นทุรกันดารอีก
เขาออกไปเลือกตัวละครอีกครั้ง เมื่อกลับมาที่หน้าจอเลือกแบบโฮโลแกรมสามมิติ ครั้งนี้เขาเลือกตัวละครพาลาดิน จากนั้นก็เข้าสู่โลก Diablo อีกครั้ง
ตาพร่ามัว ภาพไร้แรงโน้มถ่วงกลับมาอีกครั้ง เขาเริ่มมีประสบการณ์ทะลุอุโมงค์มิติแล้ว
เป็ไปตามคาด มันเป็มิติคู่ขนานอีกโลกหนึ่ง
เนื้อหาของ ‘ค่ายโร้ก’ และเควสทั้งหมดต่างอยู่ในระยะเริ่มต้น แม่ชีอาคาร่าก็มอบเควสสำหรับมือใหม่นั่นก็คือ ‘กำจัดสัตว์ร้ายในถ้ำชั่วร้าย’
‘พาลาดินซุนเฟย’ ตรงไปทำเควสอย่างกระตือรือร้น
เนื่องจากมีประสบการณ์ของ ‘คนเถื่อนซุนเฟย’ และ ‘จอมเวทซุนเฟย’ มาก่อนหน้านี้ คราวนี้จึงทำเควสได้อย่างคล่องแคล่วและราบรื่น ไม่ถึงสิบห้านาที ‘พาลาดินซุนเฟย’ ก็กวาดล้างมอนสเตอร์และปีศาจทั้งหมดใน ‘ถ้ำที่ชั่วร้าย’ จนเกลี้ยงและยังหาโอกาสไปเที่ยวชม ‘บลัดมอร์’ และล้างบางที่นัjนด้วย ทุกที่ที่เขาผ่านไปก็ปฏิบัติตามนโยบายสามเกลี้ยงอย่างแน่วแน่ นั่นคือ สังหารมอนสเตอร์ให้เกลี้ยง ปล้นเงินให้เกลี้ยง และเก็บไอเทมให้เกลี้ยง
เมื่อเขากลับมาที่ ‘ค่ายโร้ก’ ก็เลื่อนเลเวลเป็เลเวล 3 แล้ว
ส่งภารกิจก็ได้รับคะแนนทักษะ 1 คะแนนจากแม่ชีอาคาร่า รวมแล้วได้ 4 คะแนนทักษะ
ซุนเฟยเปิดตารางทักษะของพาลาดิน ครุ่นคิดเล็กน้อย ในที่สุดก็เลือกเพิ่มทักษะ ‘พละกำลัง’ 2 คะแนน ทักษะนี้สามารถเพิ่มพลังความเสียหายของสมาชิกในทีมที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ และเพิ่มอีก 2 คะแนนกับทักษะ ‘ภาวนา’ ทักษะนี้สามารถเพิ่มพลังชีวิตของสมาชิกและคุณในระยะห่างได้
จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ซุนเฟยก็คำนวณเวลาที่เหลือว่าน่าจะเหลือเวลาเล่นเกมไม่ถึงสามสิบนาที
เขาออกจากโลก Diablo มาที่หน้าจอเลือกแบบโฮโลแกรมสามมิติก่อนเข้าเล่นเกม ครั้งนี้เขาเลือกเนโครแมนเซอร์ เสียงวิ้งขึ้นเบาๆ แล้วความรู้สึกไร้แรงโน้มถ่วงยามทะลุอุโมงค์มิติก็กลับมา ซุนเฟยเข้าสู่โลก Diablo อีกครั้ง
‘ค่ายโร้ก’
มาที่มิติคู่ขนานอีกโลกหนึ่ง
‘เนโครแมนเซอร์ซุนเฟย’ ก็ตรงไปรับเควสกับแม่ชีอาคาร่า เหมือนไฟลนก้น เขารีบไปทำเควสที่ ‘ถ้ำที่ชั่วร้าย’ ใน ‘บลัดมอร์’
เนื่องจากทำเควสเดียวกับมาแล้วlujรอบ คราวนี้ความเร็วในการทำเควสของเขายิ่งเร็วขึ้นอีก ไม่ถึงสิบนาทีก็สามารถจัดการบอส ‘ซอมบี้ไฟ’ ของ ‘ถ้ำที่ชั่วร้าย’ และกลับ ‘ค่ายโร้ก’
ปัจจุบัน ตัวละครเนโครแมนเซอร์ก็ถูกซุนเฟยอัพเลเวลมาถึงเลเวล 3
ซุนเฟยกดเพิ่มคะแนน
เนื่องจากในบรรดาไอเทมเริ่มต้นของเนโครแมนเซอร์มีไม้เท้ามาให้หนึ่งอัน ทำให้สามารถเพิ่ม 1 คะแนนกับทักษะ ‘อัญเชิญโครงกระดูก’ สามารถอัญเชิญ ‘โครงกระดูกดาบ’ หนึ่งตัวจากในบรรดาศพของมอนสเตอร์และต่อสู้เพื่อตัวเอง
เหตุผลที่เลือกแบบนี้ เพราะว่าซุนเฟยจำเป็ต้องใช้สองทักษะนี้ในการต่อสู้ครั้งต่อไปในโลกแห่งความจริง
แน่นอนว่าความจริงแล้วทักษะที่ซุนเฟย้าที่สุดคือ ‘ศพะเิ’
เมื่อพิจารณาถึงการดำรงอยู่ของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ในโลกแห่งความจริง ซุนเฟยคาดการณ์ว่าการมีอยู่ของเนโครแมนเซอร์อาจจะถูกคิดว่าเป็สิ่งชั่วร้าย หากพบก็อาจจะถูกนักบวชที่บ้าคลั่งเหมือนในสมัยยุคกลางของยุโรปโลกเก่าใส่ร้ายว่าเป็พวกนอกรีตแล้วจับไปเผาก็ได้
แม้ว่าเื่พวกนี้จะเป็เพียงการคาดเดา แต่ซุนเฟยก็ต้องป้องกันไว้ก่อน
ความจริงแล้ว ตามคำอธิบายของแองเจล่าและบรู๊ค บนแผ่นดินอาเซรอท โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์มีอำนาจอย่างมากและไม่มีใครต้านทานได้ หากยังไม่แข็งแกร่งก็อย่าเพิ่งไปงัดข้อด้วยจะดีกว่า
ทักษะบางส่วนของเนโครแมนเซอร์มีคุณสมบัติที่โจ่งแจ้งเกินไป เช่น ‘อัญเชิญโครงกระดูก’ คงไม่สามารถนำไปใช้ในโลกจริงอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน แต่ทักษะ ‘ศพะเิ’ นี้กลับปิดบังได้และมีประโยชน์อย่างมากในา ศพเป็สิ่งที่ไม่เคยขาดในา ในสายตาของเนโครแมนเซอร์ ศพเ่าั้ก็เป็เพียงะเิมือรูปร่างมนุษย์เฉยๆ มีพลังโจมตีที่น่าใ มันคงเป็เื่ยากที่ศัตรูจะสามารถป้องกันได้ และจะทำให้พวกมันเกิดความระส่ำระส่าย
ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าแผ่นดินอาเซรอทมีโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ดำรงอยู่ แต่ก็ยังเลือก ‘อาชีพมีความเสี่ยงสูง’ อย่างเนโครแมนเซอร์มา เพราะซุนเฟย้าทักษะ ‘ศพะเิ’ นี้
แต่เมื่อครู่นี้ที่เพิ่มคะแนน ซุนเฟยก็พบความผิดพลาด ทักษะ ‘ศพะเิ’ นี้ต้องรอให้ผู้เล่นเลเวลถึง 6 ก่อนถึงจะสามารถเรียนได้
ซุนเฟยคำนวนเวลาที่เหลือ
เขาพบว่าขีดจำกัดเวลาเล่นเกมน่าจะเหลือไม่ถึงสามสิบนาที ในเวลาสามสิบนาทีหากจะอัพเลเวลตัวละครจากเลเวล 3 ไปเลเวล 6 คงเป็เื่ที่ยาก นอกจากจะหาสถานที่ที่พวกปีศาจไปรวมตัวกัน
ซุนเฟยครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจไปกำจัด ‘บลัด เรเว่น’
สุสานของ ‘บลัด เรเว่น’ มีพวกมอนสเตอร์ไปรวมอยู่ที่นั่นและมีมอนสเตอร์ระดับสูงมากเยอะมาก ฮึๆ แหล่งรวมค่าประสบการณ์ชั้นดี แม้ว่าเลเวลปัจจุบันของเนโครแมนเซอร์คือเลเวล 3 และมันคงอันตรายไม่น้อยเลย แต่ซุนเฟยก็ได้สั่งสมประสบการณ์ในตอนที่เล่นตัวละครคนเถื่อนก่อนหน้านั้นไว้ไม่น้อย หากเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ มันคงจะไม่มีปัญหาอะไร
สถานการณ์กำลังเข้าขั้นวิกฤติ ศัตรูที่โลกแห่งความจริงกำลังโอบล้อมเมืองจะให้ซุนเฟยจำเป็ต้องสู้
หลังจากรับเควสกับผู้นำทหารรับจ้างคาเชียของ ‘ค่ายโร้ก’ ซุนเฟยก็นำเงินแปดร้อยเหรียญทองไปซื้อไอเทมที่จำเป็เช่น ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดเล็ก’ ‘น้ำยาฟื้นฟูมานาขวดเล็ก’ และ ‘น้ำยาฟื้นฟูความแข็งแกร่ง’ จากนั้นก็ริบเดินทางทันที
ตอนนี้ เวลาในโลก Diablo เข้าสู่ยามกลางคืนแล้ว
ความมืดปกคลุมทุกที่ในถิ่นทุรกันดาร มีเสียงคำรามของมอนสเตอร์ดังแว่วมา
หลังจากที่ซุนเฟยออกจาก ‘ค่ายโร้ก’ ก็ดื่ม ‘น้ำยาฟื้นฟูความแข็งแกร่ง’ มองหาทิศทางไปที่สุสานของ ‘โคลด์เพลส’ แล้ววิ่งตรงไป เสียงคำรามน่ากลัวของเหล่ามอนสเตอร์ดังขึ้นรอบบริเวณ ซุนเฟยไม่แม้แต่จะสนใจ ทุกเวลาทุกนาทีมีค่า ซุนเฟยจะต้องรีบเร่ง
แต่ทันใดนั้น เื่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
มอนสเตอร์และปีศาจในถิ่นทุรกันดารตอนกลางคืนดูเหมือนจะคึกคักเป็พิเศษ หลังจากถูกรบกวนก็แสดงอาการบ้าคลั่ง ราวกับกินไวอาก้าแล้วเห็นสาวงามเปลือยกายวิ่งผ่าน ทันใดนั้นสายตาของพวกมันเป็ประกาย คำรามอย่างยินดีแล้ววิ่งตามหลังซุนเฟยมาติดๆ ด้วยความมุ่งมั่น
ไม่ช้า มอนสเตอร์ทุกชนิดไม่ว่าจะ ‘ชาแมน’ ‘โร้กมืด’ ‘เวนดิโก’ …พวกมันเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจัดงานขบวนแห่มอนสเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ พวกมันไล่จี้ตูดซุนเฟยมาติดๆ
----------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้