ก่อนหน้าที่จะเกิดการลอบสังหารขึ้น เฮ่อเหวินเจ๋อได้มาพบกับกู้จิ่งเหยียนที่เรือนพักของเขา บุรุษทั้งสองได้พูดคุยกันเล็กน้อยน่าจะเรียกว่าเป็องค์รัชทายาทแห่งแคว้นจิ้นเป็ผู้ที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวเสียมากกว่า เพราะชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นไม่ปริปากเอ่ยคำใดแม้แต่คำเดียว ต่อมาด้านนอกเรือนก็ได้รับรายงานมาว่ามีมือสังหารบุกเข้ามา ตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิดแล้วว่าพวกมันมาตามฆ่าใคร เพราะหากปล่อยให้เ้าหนุ่มอยู่ที่นี่เพียงลำพังไม่แน่ว่าเขาอาจจะโดนลูกหลงจนได้รับอันตราย มือไวเท่าความคิดเขาคว้าตัวของกู้จิ่งเหยียนมาแบกเอาไว้ ก่อนที่จะใช้วิชาตัวเบาทะยานออกไปทางด้านหลังเรือน
“ซือจิ่ง เ้านำร่างของนักฆ่าไปวางเอาไว้บนเตียง จากนั้นจุดไฟเผาซะ”
องครักษ์คนสนิทของเฮ่อเหวินเจ๋อรับคำ ก่อนที่จะรีบทำตามคำสั่ง แม้ว่าพวกเขาจะหนีออกมาจากอำเภอถงอันแล้ว แต่มือสังหารกลุ่มนั้นก็ยังคงตามติดอย่างไม่ลดละ เฮ่อเหวินเจ๋อไม่มีทางเลือกเขาจำต้องแยกกันหนีกับคนของตน เพราะทางนั้นมีคนที่มากกว่า คนของเขาหกคนสวมชุดดำทั้งหมดรวมถึงตัวเขาด้วย ดังนั้นจึงวางแผนแยกกันออกเป็สี่ทิศทาง กลุ่มละสองคนเพื่อให้มือสังหารเ่าั้แยกออกเป็กลุ่มเล็กเพื่อง่ายต่อการจัดการ เขามั่นใจในฝีมือคนของเขาว่าจะต้องเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน
เฮ่อเหวินเจ๋อพากู้จิ่งเหยียนหนีออกไปจากที่นั่นเพียงสองคน แม้จะห่วงหญิงสาวที่ออกไปข้างนอกแต่เขาคิดว่านางน่าจะเอาตัวรอดได้ เฮ่อเหวินเจ๋อที่กำลังแบกกู้จิ่งเหยียนหนีมือสังหารไม่ทันได้มองด้านหลัง ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งตรงมาที่พวกเขา แต่กู้จิ่งเหยียนที่ประสาทััเฉียบคมกว่ารีบะโเตือนเฮ่อเหวินเจ๋อ แต่ก็สายไปเสียแล้ว
“ระวังธนู!!”
ฉึก!! ธนูดอกนั้นยิงเฉียดผ่านแก้มของกู้จิ่งเหยียนและปักลงบนหัวไหล่ทางด้านหลังของเฮ่อเหวินเจ๋ออย่างแม่นยำ ร่างสูงกระตุกเล็กน้อยแต่ฝีเท้าก็ยังไม่หยุดวิ่ง กู้จิ่งเหยียนมองเืที่ไหลออกมาจากาแก่อนที่จะถามเขาเสียงเบา “ทะลุหรือไม่”
คำถามของชายหนุ่มทำเอาเฮ่อเหวินเจ๋ออยากจะโยนเขาลงตรงนั้น ถ้าไม่เห็นแก่สาวน้อยที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ เ้าเด็กนี่คงถูกเขาโยนทิ้งให้ตายไปตรงนี้แน่ แต่แล้วคำถามนั้นก็ทำให้เขารู้สึกสะดุดใจ
“เ้ามองเห็น”
กู้จิ่งเหยียนมิได้ตอบคำถาม ชายหนุ่มยังคงเงียบเช่นเดิมในแบบฉบับของเขา แต่เฮ่อเหวินเจ๋อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“นางรู้เื่นี้หรือไม่”
กู้จิ่งเหยียนนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนตอบกลับไป
“ไม่เกี่ยวกับเ้า ระวัง!! ธนู”
เฮ่อเหวินเจ๋อะโหลบได้อย่างหวุดหวิด กู้จิ่งเหยียนมองร่างสูงด้วยความชื่นชมซึ่งไม่บ่อยนักที่เขาจะรู้สึกชื่นชมใครเช่นนี้
“ข้าช่วยชีวิตเ้าเอาไว้”
กูจิ่งเหยียนเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ห้ามบอกเื่นี้กับนางเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะดันให้ธนูดอกนี้ทะลุหน้าอกของเ้า แล้วเราก็มาตายไปพร้อมกัน อย่างน้อยถ้านางรู้ว่าข้าตายนางก็จะยังร้องไห้เสียน้ำตาให้กับข้า แต่กับเ้าคงไม่ได้รับความรู้สึกนั้นแน่นอน เพราะเ้าไม่ใช่คนสำคัญสำหรับนาง”
กู้จิ่งเหยียนเอ่ยออกมายาวเหยียดเป็ครั้งแรกด้วยน้ำเสียงของผู้ที่เหนือกว่า ทั้งที่คนทั้งสองกำลังหนีตายจากมือสังหารแต่พวกเขากลับสนทนาเื่ที่ไม่เกี่ยวกับการหาทางเอาชีวิตรอดเลยสักนิด
“เ้ากล้าหรือ!!”
เฮ่อเหวินเจ๋อตะคอกกู้จิ่งเหยียนเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“ลองดูหรือไม่เล่า”
“เ้าบ้า!!”
กู้จิ่งเหยียนสะกิดลูกธนูที่ปักอยู่บนตัวของเฮ่อเหวินเจ๋อเบาๆ ร่างสูงที่กำลังทะยานไปบนกิ่งไม้เสียหลักเพราะความเจ็บ ทำให้สองร่างร่วงลงไปบนพื้นจากนั้นจึงกลิ้งหลุนๆ ลงไปในแม่น้ำที่อยู่ไม่ห่าง จากนั้นพวกเขาก็ถูกพัดลอยหายไป
แคก!!!
เฮ่อเหวินเจ๋อลากร่างที่นอนหมดสติของกู้จิ่งเหยียนขึ้นมาจากแม่น้ำ ก่อนสำลักเอาน้ำที่กลืนเข้าไปออกมา ดวงตาคมจ้องไปยังชายหนุ่มรูปงามที่สร้างเื่เกือบทำให้พวกเขาเอาชีวิตไม่รอด
“ข้าขอทุบเ้าสักทีเถอะ”
กำปั้นอันใหญ่โตถูกเงื้อขึ้นก่อนจะค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นปานรูปพระจันทร์เสี้ยวสีแดงบนแผ่นอกที่สาบเสื้อของเขาถูกเปิดออก เฮ่อเหวินเจ๋อมองใบหน้าของชายหนุ่มกับปานสีแดงนั้นสลับกันไปมา ก่อนที่จะนึกถึงคำพูดของมารดาก่อนเขาเดินทางออกจากแคว้นจิ้น
“น้องชายของลูกเกิดมาก็มีปานรูปพระจันทร์เสี้ยวสีแดงที่หน้าอกด้านซ้าย จำเอาไว้ว่าดวงตาและจมูกของเขาเหมือนกับแม่มาก ตอนนั้นลูกยังเล็กมากคงจะจำน้องไม่ได้ แต่เมื่อใดที่เห็นบุรุษที่อายุราวยี่สิบสามยี่สิบสี่ ก็ให้ลูกตรวจสอบว่าเขามีปานนั้นหรือไม่”
เมื่อเฮ่อเหวินเจ๋อตั้งใจพินิจใบหน้าได้รูปของชายหนุ่ม เขาก็รู้ได้ทันทีว่าที่ตนรู้สึกคุ้นหน้าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็เพราะเขามีใบหน้าที่ละม้ายเสด็จแม่ของตนนั่นเอง ไม่จริงหรอกกระมัง เหตุใดเขาถึงได้มีน้องชายที่นิสัยแย่เพียงนี้ สายตาของเฮ่อเหวินเจ๋อมองไปยังกู้จิ่งเหยียนอย่างรังเกียจ
“มองพอหรือยัง หรือว่าเ้ากำลังตกหลุมรักข้า ช่างน่าเสียดายที่ในใจของข้านั้นมีเ้าของแล้ว”
เสียงทุ้มดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้น เฮ่อเหวินเจ๋อถลึงตาใส่ร่างที่นอนอยู่ด้านข้างตนอยากรังเกียจ ก่อนจะส่งเสียงเฮอะออกมาเบาๆ
“ใครจะไปตกหลุมรักคนนิสัยเสียอย่างเ้า รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เ้าทำเกือบพาเราสองคนไปเยือนนรกแล้ว”
กู้จิ่งเหยียนใช้แขนสองข้างพยุงกายตนเองให้ลุกขึ้น ก่อนเอื้อมมือไปด้านหลังของเฮ่อเหวินเจ๋อ จากนั้นดึงธนูที่ปักคาอยู่บนหัวไหล่ด้านหลังของเขาออกในทีเดียว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากทำเอาชายหนุ่มถึงกับป้องกันตัวไม่ทันทั้งที่เขามีวรยุท มีเพียงเสียงร้องและเืสีแดงสดเท่านั้นที่พุ่งออกมา
“อ๊ากกก!!! เ้าบ้า!!! เ้าคิดที่จะฆ่าข้าใช่หรือไม่”
กู้จิ่งเหยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างมองไปยังร่างของอีกคนที่กำลังกลิ้งไปมาเพราะความเจ็บด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนขยับเท้าของตนเองไปมาเบาๆ จากนั้นจึงคว้าไม้ที่อยู่ด้านข้างช่วยพยุงตนเองให้ลุกขึ้น
“จะ....เ้าเดินได้แล้วอย่างนั้นหรือ”
กู้จิ่งเหยียนมิได้เอ่ยตอบสิ่งใด ร่างสูงก้าวไปด้านหน้าได้เพียงไม่กี่ก้าวจากนั้นเขาก็ล้มลง ชายหนุ่มกำหมัดทุบลงไปที่พื้นด้วยความหงุดหงิดหลายครั้ง เขาคิดว่าขาของเขาดีขึ้นมากแล้วเชียวแต่มันยังดีไม่พอที่จะทำให้เขาสามารถเดินได้ด้วยตนเอง เฮ่อเหวินเจ๋อมองน้องชายร่วมอุทรที่เขาพึ่งจะค้นพบด้วยสายตาเวทนา แม้เขาจะนิสัยไม่ดีแต่บุรุษตรงหน้าก็เป็น้องชายเพียงหนึ่งเดียวของเขา น้องชายที่มีสายเืเดียวกัน เมื่อเห็นเขาเ็ปตนเองก็รู้สึกเ็ปตามไปด้วย
“เ้าไม่ควรรีบร้อน เวลายังมีอีกมาก เมื่อกลับไปแคว้นจิ้นเสด็จแม่จะต้องตามหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาเ้าแน่”
กู้จิ่งเหยียนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ไกล หันกลับไปมองชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าด้วยสายตาเป็คำถาม แต่เฮ่อเหวินเจ๋อมิได้เล่าสิ่งใดเพียงเปลี่ยนไปพูดถึงเื่อื่นแทน