มุมปากของรองอาจารย์ใหญ่กระตุกหลายครั้ง เขาพยายามควบคุมรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้าจะกำชับคนในสาขาเทพอาหารทั้งหมด ภายในสามวันนี้ขอเพียงเป็สิ่งที่เ้า้าใช้ ทุกคนจะให้ความร่วมมือกับเ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “ขอบคุณรองอาจารย์ใหญ่!”
“เช่นนั้นทุกอย่างต้องไหว้วานเ้าแล้ว” รองอาจารย์ใหญ่ยังคิดจะกำชับอีกหลายประโยค ทว่าสุดท้ายก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงท้องกลับไป
รอเมื่อรองอาจารย์ใหญ่ออกไปแล้ว ท่านหญิงชิงเสียเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “เป็อย่างไร รู้สึกว่ามีความกดดันมากใช่หรือไม่?”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ “รู้สึกกดดันเล็กน้อยจริงๆ แต่ข้าจะทำเต็มกำลังความสามารถ”
ท่านหญิงชิงเสียตบไหล่เฟิ่งเฉี่ยน “มีอะไรให้ข้าช่วย เ้าบอกมาได้เลย ข้าจะให้ความร่วมมือเต็มที่”
สตรีสองนางสบตากันแล้วหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
มีไมตรีชนิดหนึ่ง เปรียบเสมือนชาดีๆ กาหนึ่ง รสชาติบางๆ ทว่าไม่ขม หอมจางๆ ทว่าไม่แสบจมูก ลอยมาเบาๆ ราวกับสายน้ำที่ไหลริน...
ด้านนอกสวนเจินซิว หลันเยว่หรูและฉินมู่ชวนยังคงรออยู่แถวนั้น
“แปลก เหตุใดเข้าไปนานเช่นนี้? ตกลงเป็อย่างไรกันแน่?” ฉินมู่ชวนสิ้นความอดทน
หลันเยว่หรูสุขุมกว่าเขามากนัก นางหัวเราะเบาๆ “วางใจเถิด! มีท่านาุโฉินอยู่ เฟิ่งเฉี่ยนเข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงไม่ได้แน่นอน!”
ฉินมู่ชวนเป็กังวล “ได้ยินว่าวันนี้มีคนของสมาคมเทพอาหารมาเยือนสวนเจินซิว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นหรือไม่?”
“ไม่มีทางหรอก...” หลันเยว่หรูพลันคิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนเล็กน้อย “เมื่อสักครู่ท่านพูดอะไรนะ? สมาคมเทพอาหาร? เฟิ่งเฉี่ยนเป็คนทำอาหารเก่งคนหนึ่ง...”
นางส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “เป็ไปไม่ได้! ทำไมจึงได้บังเอิญเช่นนี้!”
มีศิษย์ในสาขาเทพอาหารเดินออกมาในตอนนี้ พวกเขาเดินออกมาพร้อมกับสนทนาไปด้วย
“ทำอย่างไรดี? จะรักษาสาขาเทพอาหารเอาไว้ได้หรือไม่?”
“นำความเป็ความตายของสาขาเทพอาหารไปไว้กับคนนอกคนหนึ่ง จะไว้ใจได้หรือไม่?”
“ใครจะรู้ว่านางทำอาหารเป็หรือไม่ หากนางเพียงแค่คุยโวโอ้อวดเล่า?”
“นางท่องตำราร้ายกาจมาก แต่ทำอาหาร... ข้าไม่ไว้ใจนางสักนิด!”
“...”
ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเขา หลันเยว่หรูก้าวเข้าไปถามด้วยความประหลาดใจ “พวกเ้ากำลังพูดอะไรกัน? ความเป็ความตายของสาขาเทพอาหารอันใด?”
หนึ่งในศิษย์กล่าวว่า “พวกเ้ายังไม่รู้ล่ะสิ สมาคมเทพอาหาร้าถอดถอนสาขาเทพอาหารของพวกเรา ตอนนี้มีคนท้าประลองกับคนของสมาคมเทพอาหาร หากนางสามารถทำอาหารที่สัตว์เลี้ยงเทพยอมรับได้ภายในสามวัน สาขาเทพอาหารก็จะยังคงเปิดต่อไปได้ หาไม่แล้ว สาขาเทพอาหารจะถูกถอดถอนทันที!”
“ถึงกับมีเื่เช่นนี้?” หลันเยว่หรูตกตะลึง “คนใดกันร้ายกาจเช่นนี้ ถึงกับกล้าท้าประลองสมาคมเทพอาหาร?”
“ร้ายกาจ?” ศิษย์เ่าั้ยิ้มขื่น “ร้ายกาจจริงหรือไม่ มีเพียงผีเท่านั้นที่รู้!”
ศิษย์อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไร แม่นางเฟิงสามารถก้าวออกมารับคำท้า เห็นได้ว่านางมีความสามารถและความกล้าหาญ! อย่างไรข้าก็เลื่อมใสในตัวนาง!”
“ถูกต้อง ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็เช่นไร อย่างน้อยนางก็มีความกล้าหาญที่จะประลอง ไม่เหมือนพวกเรา...” ศิษย์คนที่สามถอนใจด้วยความละอาย
หลันเยว่หรูเปลือกตากระตุกถี่ๆ มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง “คนที่พวกเ้ากำลังพูดถึงนั้น เป็ใครกันแน่?”
ศิษย์คนที่หนึ่งกล่าว “ก็คือแม่นางเฟิง! แมนางเฟิงที่ท่องตำราแพทย์กลับหลังได้อย่างไหลลื่นคนนั้น!”
“แม่นางเฟิง” สามคำนี้ ราวกับเป็คำสาปแช่งที่ตีเข้าแสกหน้าของหลันเยว่หรูอย่างไรอย่างนั้น!
ไฉนจึงเป็นางอีกแล้ว?
เส้นเืสีเขียวข้างขมับของหลันเยวหรูเต้นตุบปูดโปน
ศิษย์อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ศิษย์พี่หญิงหลัน ท่านควรจะรู้จักนางจึงจะถูกต้อง ได้ยินว่าวันนั้นท่านทำใบไม้ทองคำหล่นหาย...”
คนๆ นั้นไม่ได้พูดต่อ แต่สีหน้าของหลันเยว่หรูดำทะมึนทันที เมื่อคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หัวใจของนางก็เหมือนถูกบดขยี้ เพราะเื่ในวันนั้นทำให้นางไม่กล้าออกมาปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัลอยู่หลายวัน ด้วยกลัวว่าจะถูกคนชี้มือชี้ไม้ประณามเป็เื่นินทาหลังอาหาร
“นางมีคุณสมบัติอันใดจึงเป็ตัวแทนสาขาเทพอาหารไปรับคำท้า?” หลันเยว่หรูพูดด้วยความแค้นใจ
ศิษย์คนแรกกล่าวว่า “รองอาจารย์ได้รับรองว่านางเป็อาจารย์ของสาขาเทพอาหารแล้ว ดังนั้น นางมีคุณสมบัตินี้!”
“อะไรนะ? อาจารย์ของสาขาเทพอาหาร?” หลันเยว่หรูจิกเล็บลงไปในฝ่ามือของตนเอง นางโมโหแทบคลุ้มคลั่ง “ต่อให้นางถูกประกาศว่าเป็อาจารย์แล้ว แต่อาศัยนางก็คิดจะช่วยสาขาเทพอาหารหรือ? นางไม่ประมาณตนเกินไปแล้ว!”
ฉินมู่ชวนหัวเราะเสียงเย็น “ข้าว่านางรนหาที่ตายชัดๆ! ถึงเวลานั้นทันทีที่นางพ่ายแพ้ ข้าดูว่านางจะมีหน้ารั้งอยู่ในสาขาเทพอาหารอีกหรือไม่?”
หลันเยว่หรูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมไฟโทสะที่ลุกโชนในใจ “ถูกต้อง! นี่นางกำลังเล่นกับไฟ ทันทีที่ไม่ระวังก็จะถูกไฟลามมาถึงตัว! ข้าจะรอดูว่านางจะพ่ายแพ้อย่างไร!”
ทางสาขาเทพอาหารได้จัดห้องพักให้กับเฟิ่งเฉี่ยนห้องหนึ่ง เพื่อเป็เรือนนอนในวันหน้าของนาง
อาจารย์ของสาขาเทพอาหารอีกท่านหนึ่งนำทางนางมานั้นแซ่เหอ มีสีหน้าท่าทีเรียบเรื่อยเ็า ั้แ่ต้นจนจบไม่มีรอยยิ้ม และไม่พูดมากแม้แต่คำเดียว เฟิ่งเฉี่ยนััได้ถึงความไม่เป็มิตรของเขาอย่างชัดเจน
ทว่านางเองเข้าใจว่านางเพิ่งจะมาถึงที่นี่ และแย่งชิงความโดดเด่น เป็ตัวแทนของสาขาเทพอาหารไปรับคำท้าประลอง เื่นี้ทำให้อาจารย์ท่านอื่นๆ ของสาขาเทพอาหารไม่มีทางลง หากพวกเขาต้อนรับนางอย่างกระตือรือร้นจึงจะเป็เื่แปลก!
“ตอนนี้สาขาเทพอาหารมีเ้าเป็อาจารย์หญิงเพียงคนเดียว ดังนั้น ห้องพักที่เ้าอาศัยจึงแยกออกจากห้องพักของอาจารย์ผู้ชายคนอื่นๆ หากเ้ามีความ้าสิ่งของอย่างอื่น ให้ไปหาข้าที่แปลงวัตถุดิบเทพได้ เวลาโดยส่วนใหญ่ของข้ามักจะอยู่ที่นั่น” พูดจบ กระทั่งคำร่ำลาก็ไม่มี หันหน้าเดินจากไปอย่างเ็า
เฟิ่งเฉี่ยนเบ้ปาก ไม่ถือสาเขา นางผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอน
ห้องนอนไม่มีเครื่องประดับหรูหราอันใดทว่าสะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง
ข้างหน้าต่างมีกระถางผักเทพอยู่กระถางหนึ่ง แม้จะอยู่ห่างกันมากนางก็ยังััได้ถึงกลิ่นอายเทพ ไม่เสียแรงที่เป็สาขาเทพอาหาร ผู้อื่นปลูกดอกไม้ใบหญ้ากันในห้อง พวกเขาปลูกผัก!
หมุนตัวกลับคิดจะปิดประตู พลันมีมือข้างหนึ่งดันประตูเอาไว้ อาภรณ์สีขาวเส้นผมสีเงินของซือคงเซิ่งเจี๋ยปรากฏตัวขึ้น เขาเบียดประตูเข้ามาเดินสวนไหล่ของนางเข้าไปตรงไปยังด้านใน
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน หันไปถลึงตาใส่เขา “เ้ามาได้อย่างไร? เ้ามิใช่รังเกียจว่าที่นี่วุ่นวาย ไปหาที่เงียบสงบหลบซ่อนตัวหรือ?”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยแทบจะไม่เห็นว่าตนเองเป็คนนอก เขาเดินชมห้องนอนและพูดว่า “ข้าเห็นว่าที่นี่ของเ้าสงบดี!”
“้าให้ข้าออกไปก็ได้ แต่คืนนี้ข้าจะนอนที่ไหนเล่า? ให้ข้าคิดดูก่อน...” ซือคงเซิ่งเจี๋ยทำท่าครุ่นคิด ภายใต้หน้ากากสีเงิน ดวงตาเ้าเล่ห์นั้นหรี่ลงเล็กน้อย เส้นผมสีเงินส่ายไหวตามอิริยาบถของเขาเบาๆ คนทั้งคนดูเหมือนตุ๊กตาหิมะที่แกะสลักออกมาในวันที่หิมะตก เขาพลันหัวเราะออกมา “วังหลวงของแห่งเป่ยเยียนก็ไม่เลว! ข้ายังสามารถดื่มสุราสนทนากับฮ่องเต้แคว้นเป่ยเยียนได้ จะได้สนทนากันสักหน่อย เื่ที่ฮองเฮาออกมาจากตำหนักใน จะต้องน่าสนใจแน่นอน!”
เฟิ่งเฉี่ยนมืดแปดด้าน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ?”
“ข่มขู่? กล่าวหนักไปแล้ว!” ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของซือคงเซิ่งเจี๋ยเม้มเบาๆ เขาหัวเราะ “ก็แค่อยากยืมสถานที่ของเ้าค้างคืนสักหน่อย!”
เฟิ่งเฉี่ยนกลอกตาขาว “ชายโสดหญิงสาว อยู่ร่วมห้องกัน เ้าคิดว่าเหมาะสมหรือไม่?”
“เ้าคิดดีไปแล้ว! เลิกคิดเลยว่าจะเกลี้ยกล่อมข้า!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยมีสีหน้าป้องกันตัวสุดๆ ทำให้เฟิ่งเฉี่ยนโกรธจนหัวเราะ
“ข้าเกลี้ยกล่อมเ้า?”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเลิกคิ้ว “เ้าลอบมองร่างกายของข้ามาแล้ว ขโมยจูบก็ทำมาแล้ว เ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือว่าสนใจข้า?”
“ข้า...” เฟิ่งเฉี่ยนอับจนคำพูด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้