แส้ยาวฟาดออกมาพันรอบเอวของจ้าวต้านและลากเขาลงไปที่พื้นอย่างแรง เวินซีตามไปติดๆ พลันโรยผงพิษทั่วร่างของเขา
นี่เป็พิษชนิดที่สาม เป็พิษขวดสุดท้ายที่นางมีติดตัว นางนึกว่ามันจะทำอันใดเขาได้บ้าง แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้เขาดุดันขึ้นอีก
เขาคว้าแส้ยาวด้วยมือ ดึงซูเหอไปเบื้องหน้าอย่างง่ายดาย
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน เขาคว้าคอของซูเหอและยกนางขึ้น
“อื้อ...พี่สะใภ้...พี่สะใภ้...ช่วย...ช่วยข้าด้วย”
ซูเหอหน้าแดงก่ำ นางพยายามดิ้นรนอย่างเ็ป คว้าข้อมือของจ้าวต้านไว้แน่นแล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากเวินซี
“คุณหนูเวิน” ต้วนจิงเย่ะโเรียกเวินซีแล้วขว้างดาบไปให้นาง
เวินซีไม่กล้าชักช้า นางหยิบดาบขึ้นมาพลันแทงตรงไปที่เขา
ซูเหอถูกฟาดลงบนพื้น เป้าหมายของจ้าวต้านเปลี่ยนไปเป็เวินซี เขาหยิบแส้ของซูเหอขึ้นมาฟาดไปหานางอย่างบ้าคลั่ง
“พี่สะใภ้ระวังด้วยเ้าค่ะ แม่ทัพต้านเป็คนสอนข้าใช้แส้ เขาเก่งกว่าข้ามาก” ซูเหอพยายามลุกขึ้นนั่งพลันเอ่ยเตือน
เวินซีกำลังจะตอบ แต่ก็เห็นว่าจ้าวต้านกดปุ่มบนแส้ทำให้ใบมีดโผล่ออกมาแล้วฟาดมาที่ตน
นางหนีไม่ทันแล้วจึงหลับตาลง ยอมรับชะตากรรม
แต่ความเ็ปที่คิดไว้ก็มิได้มาถึง เวินซีจึงลืมตาขึ้น เห็นต้วนจิงเย่นอนอาบเือยู่กับพื้น โดยจ้าวต้านยืนอยู่ข้างกายเขา แส้ในมือนั้นมีเืหยดไหลลงมาไม่หยุด
“คุณ...คุณหนูเวิน ข้า...ข้ามิเป็อันใด คุณหนู...รีบหนีไปเถิด พวกเรา...พวกเราสู้แม่ทัพต้านมิได้หรอกขอรับ พวกเรา...พวกเราทั้งหมดรวมตัวกันก็...ก็สู้เขามิได้” ต้วนจิงเย่พูดด้วยความเ็ปและพ่นเืออกมา
“...”
เวินซีมีแววตาที่มืดมนอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าของนางตึงเครียด พลางหยิบเข็มเงินที่จ้าวต้านมอบให้แล้วเดินไปหาเขาอย่างดุดัน
ยังไม่ทันที่นางจะได้เข้าไปใกล้ ลูกธนูยาวก็พุ่งผ่านข้างหูของนางไปที่จ้าวต้าน
เขาหลบมันได้อย่างง่ายดาย แต่ยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้น ลูกธนูอีกดอกก็พุ่งมาจากด้านหลัง ปักลงที่เข่าของเขา
เขาคุกเข่าลงกับพื้น มองดูเวินซีด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆ ปิดลง
เวินซีนั่งยองและรับตัวเขาที่ค่อยๆ ล้มลงมาด้านหน้า
ในความมืด โจวอวี่ชางและสืออีถือธนูคนละคัน พวกเขาเดินออกมาจากมุมที่ซ่อนตัว
“ลูกธนูอาบยาชาไว้ ในตอนที่ข้ายิง ข้าจงใจเลี่ยงกระดูกของเขา เขาไม่เป็อันใดหรอก เวินซี พาคุณชายจ้าวกับคุณชายต้วนเข้าไปในห้องก่อนเถิด”
โจวอวี่ชางพูด หลังจากที่เวินซีพยักหน้าแล้ว เขาก็โยนธนูลงพื้นแล้วช่วยพยุงต้วนจิงเย่เข้าไปในห้อง
เวินซีพยุงจ้าวต้าน เดินเข้าไปในห้องด้วยความยากลำบาก เมื่อเื่จบลง หรานอิ่งชุนก็เดินออกมาและช่วยพยุงซูเหอ
“เกิดอันใดขึ้นเ้าคะ? เหตุใดแม่ทัพต้านถึงได้กลายเป็เช่นนี้? เขาถูกวางยาพิษหรือเ้าคะ?” ซูเหอถามอย่างรีบร้อนทันทีที่เข้าไปในห้อง
นางจับคอของตน เมื่อคิดถึงภาพเมื่อครู่ก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมมิได้
“เขาโดนเนี่ยนหานกู่ พวกเ้าออกไปก่อนเถิด ข้าต้องฝังเข็มให้เขา”
“คุณชายต้วน ขอบคุณมากเ้าค่ะ อดทนไว้หน่อยนะเ้าคะ ข้าจะให้ท่านพี่ไปเรียกหมอให้”
เวินซีมองต้วนจิงเย่ที่นอนอยู่ข้างๆ อย่างขอบคุณ
“ข้า...” ต้วนจิงเย่มีสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป แต่เมื่อคิดว่านี่เป็โอกาสอันดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเวินซี จึงอดทนไว้
“คุณหนูเวิน ข้าเชื่อใจเพียงคุณหนู คุณหนูรักษาแม่ทัพต้านเสร็จแล้วมารักษาข้าเถิดขอรับ”
“ท่านจะรอได้หรือ?” เวินซีขมวดคิ้ว
“รอได้ขอรับ”
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของเขา เวินซีก็พยักหน้ารับ
หลังจากที่คนอื่นๆ ออกจากห้องไป นางก็หยิบเข็มเงินออกมารักษาจ้าวต้านอย่างเชี่ยวชาญ
เขาอาการหนักมากจนเข็มเงินไม่มีผลใดๆ แต่เนี่ยนหานกู่ในร่างของเขายังคงแผลงฤทธิ์อย่างหนัก ทำให้อาเจียนออกมาเป็เืสีดำ
เมื่อรู้สึกได้ถึงความยากลำบาก ใบหน้าของเวินซีก็ยิ่งมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ
นางก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล ไม่ให้ต้วนจิงเย่มองเห็นแล้วใช้มีดกรีดฝ่ามือหยดเืลงไปในปากของเขา
เมื่อรู้สึกได้ว่าความเย็นลดลงไปไม่น้อย ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
เมื่อเนี่ยนหานกู่สงบลง นางก็กลับมาทำการรักษาเขา
หลังจากที่ฝังเข็มจนเสร็จและพันาแทั้งหมดแล้ว นางก็ขมวดคิ้วและรีบรักษาาแของตนเอง
นางมองดูเขาตลอดเวลา แววตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ
นี่ไม่ใช่เื่บังเอิญ อากาศหนาวเย็นในเมืองซู่เหอเป็สภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับเนี่ยนหานกู่ที่จะดำรงอยู่ หาก้าให้มันสงบลง พวกเขาจำเป็ต้องรีบออกไปจากเมืองนี้
มิฉะนั้นเืของนางอาจจะใช้มิได้ผลแล้วก็ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น เวินซีก็ถอนหายใจยาว หลังจากที่ฝังเข็มให้ตนเองเสร็จก็เดินไปหาต้วนจิงเย่โดยไม่รีรอ
ใบหน้าของต้วนจิงเย่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเมื่อเห็นนางมาถึง
“ข้า...อาจจะต้องถอดเสื้อของท่าน” เวินซีมองดูาแทั่วตัวของเขาก็ขมวดคิ้ว
ในสายตาของหมอไม่มีบุรุษหรือสตรี นางมิได้ใส่ใจเื่พวกนี้ เพียงแค่กลัวว่าต้วนจิงเย่จะถือ
“ไม่เป็ไร ถอดออกเถิดขอรับ” ต้วนจิงเย่กล่าว
เวินซีพยักหน้าแล้วรีบถอดเสื้อของเขาออก
เมื่อมองดูรอยมีดอันน่าสยดสยองทั่วเรือนร่างที่ขาวนวลของเขา แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
นางเงยหน้าขึ้นมองต้วนจิงเย่ก็เห็นว่าเขาก็กำลังมองดูแผลอยู่เช่นกัน นางสงบสติลงพลันพูดว่า “คุณชายต้วน ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้เมื่อครู่ มิต้องกังวลนะเ้าคะ ข้าจะหาวิธีลบรอยแผลเป็พวกนี้ให้ท่านแน่”
บุรุษที่งดงามที่สุดในใต้หล้ากลับมีรอยแผลเป็มากมายเช่นนี้ กลัวว่าเขาจะถูกวิพากวิจารณ์ในอนาคต
“จะลบรอยแผลเป็พวกนี้ได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญหรอกขอรับ คุณหนูเวิน ไม่ต้องรู้สึกผิด ข้ามิได้คิดว่ามันน่าเกลียดเลยขอรับ”
“สตรีพวกนั้นมองเพียงหน้าตาของข้า มิใช่ร่างกายเสียหน่อย”
“ข้ายังต้องขอบคุณคุณหนูเวินเสียอีก หากวันหน้าข้าได้ภรรยาแล้วนางจะจากไปเพียงเพราะเห็นรอยแผลเป็บนร่างข้า เช่นนั้นก็หมายความว่านางมิได้รักข้าจริงๆ”
“รอยแผลเป็เหล่านี้ช่วยให้ข้าคัดสตรีที่จริงจังได้ไม่น้อย”
ต้วนจิงเย่อดทนต่อความเ็ป พลางเอ่ยปากพูดให้เวินซีสบายใจ
“แต่...”
“ร่างกายบุรุษจะไม่มีรอยแผลเป็ได้เช่นไร คุณหนูเวิน ไม่จำเป็ต้องกังวลเื่นี้หรอกขอรับ”
“รีบทำแผลเถิดขอรับ ข้ารู้สึกหนาวขึ้นมาแล้ว”
“เ้าค่ะ” เวินซียิ้มพลันรีบทายาให้เขา
ไม่นานนัก าแบนร่างกายของต้วนจิงเย่ก็ถูกผ้าพันไว้จนหมด
“ยาพวกนี้เอาไว้เปลี่ยนใช้นะเ้าคะ ต้องเปลี่ยนยาทุกๆ วัน คุณชายต้วนรับไว้ ข้าจะให้สืออีเปลี่ยนยาให้ท่าน”
หลังจากที่เวินซีเตรียมยาให้เขาแล้วก็เอื้อมมือไปช่วยพยุงร่างของเขาขึ้นมา
“เวินซี”
นางกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากบนเตียง นางพลันหันหน้าไปก็สบตาเข้ากับจ้าวต้าน
จ้าวต้านลุกขึ้นนั่ง ร่างกายของเขาแผ่ความเยือกเย็นออกมา สายตาเ็าคู่นั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
“มีอันใดหรือ? เ็ปที่ใดหรือเ้าคะ?” เวินซีเดินเข้าไปหาเขา
เขาเหลือบมองนาง จากนั้นสายตาก็มองไปที่ต้วนจิงเย่
เขาได้ยินและได้เห็นทุกสิ่งที่ทั้งสองคนพูดและทำเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกที่เหมือนถูกทรยศก็เกิดขึ้นตามมา
“คุณหนูเวิน ข้าขอตัวกลับก่อน สีหน้าของแม่ทัพต้านดูจะโกรธ ข้าคงไม่อยู่ต่อแล้ว ขอบพระคุณที่ช่วยพันแผลให้ข้าขอรับ” เขาััได้ถึงความเกลียดชังที่ชัดเจน ต้วนจิงเย่กลบความยั่วยวนในแววตาของตน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลันทำท่าจะลุกขึ้นยืน