หนิงมู่ฉือไม่ได้ร้องไห้ เพียงแค่ไม่อยากเข้าวัง นางจึงทำตัวคล้อยตามจ้าวซีเหอ ตั้งใจก้มหน้า ทำท่าทางให้ดูน่าสงสารและเศร้าเสียใจสุดซึ้ง
ท่านอ๋องมองบุตรชายที่มีท่าทีอยากได้และอยากเอาชนะ ในใจให้รู้สึกโมโหยิ่งนัก
บุตรชายคนนี้วันๆ เอาแต่ทำแต่เื่ไร้ประโยชน์ ไม่เคยแตะต้องหนังสือหรือโคลงกลอนเลยแม้แต่น้อย กลับเป็เื่ที่เกี่ยวกับบ่อนพนันและหอนางโลมที่รู้ดีนัก
“ลูกรัก พ่อจะให้โอกาสเ้า ถ้าอยากให้หนิงมู่ฉืออยู่ในตำหนักต่อใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ เพียงแต่ต้องมีบางสิ่งบางอย่างมาแลกเปลี่ยน”
ท่านอ๋องเป็คนฉลาดเฉลียว ดูออกว่าบุตรชายอยากจะให้หนิงมู่ฉืออยู่ที่ตำหนักนี้ต่อจากใจจริง เช่นนั้นจึงยื่นข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อ เพื่อให้บุตรชายเลิกเสเพล ทำตัวสงบเสงี่ยมอย่างที่ควรจะเป็
แววตาดอกท้อของจ้าวซีเหอจับจ้องอยู่ที่ตัวหนิงมู่ฉืออย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ถึงค่อยหันไปเอ่ยกับบิดา “ถ้าท่านอยากจะให้ลูกเลิกทำตัวเสเพล บอกเลยว่าไม่มีทาง บุตรชายของท่านมิได้ถนัดทางนั้น”
ยังไม่ทันที่ท่านอ๋องจะได้เอ่ยข้อเสนอกลับถูกดักทางเสียก่อน
“ได้ ถ้าเช่นนั้นนางหนูหนิง ไว้ข้าจะเลือกวันส่งเ้าเข้าหวัง”
“ท่านพ่อ ไม่ได้เด็ดขาด ลูกอยากให้นางมาอุ่นเตียงให้ลูก หนิงมู่ฉือ เ้ามานี่”
หนิงมู่ฉือยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ในใจกำลังลังเล เื่ดื่ม การพนัน และเที่ยวสาว ไม่มีเื่ใดที่จ้าวซีเหอไม่ถนัด สหายข้างนอกที่ดีมีไม่ถึงแปดหรือสิบคนด้วยซ้ำ นางไม่อยากถูกบุรุษเยี่ยงนี้ทำอันใดหรอกนะ
แต่ถ้าให้นางเข้าวังก็ไม่อยากอีกเช่นกัน แค้นของสกุลหนิงนางยังไม่ได้ชำระเลย!
เห็นหนิงมู่ฉือยังคงยืนนิ่ง ราวกับไม่เข้าใจคำสั่ง จ้าวซีเหอทำท่าจะลงจากเตียงไปเอาตัวมาเอง
จ้าวซีเหอยังคงได้รับาเ็ แม้ท่านอ๋องจะไม่พอใจที่เหล็กมิอาจกลายเป็เหล็กกล้า[1] ถึงอย่างไรก็เป็บุตรชายของตัวเอง เขากดตัวบุตรชายไม่ให้ลุกขึ้น ยกอำนาจการตัดสินใจให้หนิงมู่ฉือ
“นางหนูหนิง เื่นี้ข้ายกให้เ้าตัดสินใจเอง”
หนิงมู่ฉือเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าใ นางนึกว่านางไม่มีสิทธิ์จะได้พูดเสียอีก
ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นกลับต้องพบกับสายตาดอกท้อของจ้าวซีเหอที่จ้องเขม็งมายังนาง
ภายนอกเหมือนไม่มีอันใด หากภายในแววตาเต็มไปด้วยแววข่มขู่ชัดเจน
นั่นทำให้นางตัวสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้
ราวกับว่า ถ้านางตอบตกลงว่าจะเข้าวัง นางจะถูกบุรุษผู้นี้สังหาร
“ท่านอ๋อง บ่าวไม่อยากเข้าวังเ้าค่ะ บุญคุณที่ตำหนักอ๋องดูแลบ่าว บ่าวจดจำไว้ในใจเสมอ ประกอบกับซื่อจื่อมีบุญคุณที่ได้ช่วยบ่าวเอาไว้ บ่าวจึงอยากจะอยู่ที่ตำหนักนี้ต่อเพื่อตอบแทนบุญคุณ”
“ท่านพ่อ ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ นางอยากอยู่ที่นี่ต่อ ที่นี่ไม่มีเื่ของท่านแล้ว ท่านสามารถออกไปได้แล้ว”
“เ้าลูกไม่รักดี กล้าไล่พ่อเชียวหรือ”
ท่านอ๋องมีน้ำโหจนไม่อาจจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้ เ้าลูกไม่รักดีคนนี้นับวันจะยิ่งไร้กฎเกณฑ์ขึ้นทุกวัน
จ้าวซีเหอยิ้มแหย
“ร่างกายข้ายังไม่แข็งแรง จึงอยากให้นางทำอาหารให้ทานสักหน่อย”
ท่านอ๋องเห็นบุตรชายเป็เช่นนี้ก็ไม่กล้าต่อว่าอีก
“ช่างเถิด เ้าดูแลซื่อจื่อไปก็แล้วกัน”
ท่านอ๋องจนหนทางกับบุตรชายคนนี้แล้วจริงๆ ยิ่งเมื่อนึกถึงเื่ราวอันน่าเวทนาของสกุลหนิง ในใจอดรู้สึกเศร้าไม่ได้ ทำได้เพียงสะบัดแขนเสื้อจากไป
จ้าวซีเหอจ้องหนิงมู่ฉือนิ่ง ราวกับจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว
“ซื่อจื่อ บ่าวไปทำของกินมาให้ท่านดีหรือไม่เ้าคะ”
“ดี อาหารทุกมื้อของข้าต้องไม่ซ้ำกัน รสชาติก็ต้องอร่อยเช่นน้ำแกงปลากุ้ยอวี๋ด้วย มิเช่นนั้น…”
แววตาดอกท้อของเขาหรี่ลง รอยยิ้มฉายแววข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด
“บ่าวต้องทำให้ท่านพอใจแน่นอนเ้าค่ะ บ่าวขอตัว”
ท่าทางแบบนั้น ไม่รู้หรือไรว่าทำให้คนใ
หลังออกมาจากห้อง หนิงมู่ฉือใช้มือตบหน้าอกตัวเองเบาๆ เป็การปลอบขวัญ สำหรับนาง ฐานะของจ้าวซีเหอในตอนนี้คือบุคคลอันตรายยิ่ง ต่อไปนางต้องอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด
จ้าวซีเหอเป็คนพิถีพิถันเื่การกิน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีของอร่อยไปให้เขาทาน เขาก็จะไม่ทำให้นางลำบากใจ
เพียงพริบตาเดียวก็ถึงวันคล้ายวันเกิดของจ้าวซีเหอ
เดิมทีเื่นี้ควรเป็แม่บ้านที่เป็คนจัดการ ทว่าจ้าวซีเหอผู้ไม่เคยเห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตามีคำสั่งลงมาว่า อาหารในงานเลี้ยงทั้งหมดต้องให้หนิงมู่ฉือเป็คนรับผิดชอบ
ตอนที่รู้เื่นี้ นางไม่ได้มีปฏิกิริยาใด
นี่ถือเป็โอกาสอันดีที่นางจะได้แสดงฝีมือ ไม่แน่ว่าถ้าท่านอ๋องพึงพอใจ นางอาจจะมีโอกาสได้ทวงคืนความยุติธรรมให้แก่สกุลของนางก็เป็ได้
แม่บ้านรู้สึกไม่ยินดีอย่างยิ่ง คิดหาวิธีสร้างความลำบากให้แก่หนิงมู่ฉือต่างๆ นานา ทว่าสุดท้ายถูกหนิงมู่ฉือหาวิธีขจัดไปทั้งหมด
รอจนชนชั้นสูงที่เป็สหายสนิทที่ได้รับเชิญให้มางานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของตำหนักอ๋องนั่งประจำที่ครบทุกคน หนิงมู่ฉือก็ให้คนรับใช้ยกอาหารไปวางบนโต๊ะ
อาหารเหล่านี้หนิงมู่ฉือไม่ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง หากนางคอยกำกับอยู่ด้านข้าง รสชาติดีกว่าภัตตาคารข้างนอกยิ่งนัก
จ้าวซีเหอทานไปได้คำหนึ่งพลันวางตะเกียบลงอย่างไม่พอใจ
่นี้เขาทานอาหารฝีมือหนิงมู่ฉือทุกวัน จนเกิดเป็ความเคยชิน อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ฝีมือนาง ทานเข้าไปแค่คำเดียวเขาก็รู้ทันที
หนิงมู่ฉือนำหญิงรับใช้ถือจานขาหมูเย็นเดินเข้ามาในห้อง นางสบสายตาจ้าวซีเหอที่จ้องมองมายังนางอย่างไม่พอใจเข้าพอดี
นางรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นี่นางไปทำอันใดให้ท่านอ๋องน้อยไม่พอใจกันเล่า
จานขาหมูเย็นถูกวางลงบนโต๊ะ กลิ่นของมันหอมหวนจนอาหารอย่างอื่นที่วางอยู่บนโต๊ะไม่อาจเทียบได้
แขกที่มางานในวันนี้ล้วนเป็ชนชั้นสูงและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ อาหารเลิศรสใดล้วนเคยทานมาหมดแล้ว ทว่าขาหมูเย็นที่อยู่บนโต๊ะราวกับมีมนตร์วิเศษ กระตุ้นความกระหายอยากของทุกคนได้เป็อย่างดี
จ้าวซีเหอได้กลิ่นก็รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
เมื่ออาหารถูกวางจนครบหมดทุกอย่าง เขาเริ่มลงมือทาน
โต๊ะอื่นก็เช่นกัน
มีบางคนเมื่อได้ลองทานเข้าไปคำแรกก็หยุดตัวเองไม่อยู่ คนเหล่านี้ไม่สนภาพลักษณ์ของตัวเองอีก ต่างยื้อแย่งเพื่อให้ได้อาหารมา บรรยากาศพลันครึกครื้นเนื่องจากอาหารเพียงจานเดียวนี้
เมื่อเลิกงาน แขกทั้งหลายกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม ทั้งยังกล่าวชมฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวในตำหนักอ๋องไม่ขาดปาก
ท่านอ๋องรู้สึกดีใจเป็อย่างยิ่ง แม้เขาจะไม่้าชื่อเสียงใดอีก แต่เื่เพิ่มดอกไม้ลงบนผ้าทอ[2] เช่นนี้ ผู้ใดจะปฏิเสธได้
งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดจบลง หนิงมู่ฉือเรียกให้คนรับใช้เข้าไปเก็บกวาดทำความสะอาด ระหว่างนี้ปรากฏว่านางถูกจ้าวซีเหอลากออกไป
นางถูกลากออกจากตำหนักอ๋องท่ามกลางสายตาคนมากมาย จากนั้นถูกอุ้มขึ้นรถม้าคันหนึ่ง
รอจนคนทั้งคู่นั่งบนรถม้าคันเดียวกันเรียบร้อย สติของหนิงมู่ฉือก็ยังคงได้กลับมาไม่สมบูรณ์นัก
“เห็นแก่ที่วันนี้เ้าสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ ข้าจะยกเว้นให้เ้าวันหนึ่ง พาเ้าไปล่องเรือชมทะเลสาบ”
นางลอบกลอกตา ตอนนี้นางเหนื่อยมาก อยากหาที่นอนพักสักงีบ ไม่ได้อยากจะรับเกียรติพิเศษนี้
รถม้าวิ่งโคลงเคลงทำให้นางที่ยุ่งมาทั้งวันได้แต่สัปหงกก่อนจะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่กำลังหลับสนิท นางรู้สึกคันที่แก้มจึงใช้มือตบตามสัญชาตญาณ
“เพี๊ยะ”
เสียงดังสนั่นปลุกให้นางตื่น สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือแววตาดอกท้อน่าหลงใหลของจ้าวซีเหอ ก่อนที่สายตานางจะเลื่อนไปเห็นว่าแก้มฝั่งขวาของเขามีรอยแดงพาดอยู่
ใบหน้าของจ้าวซีเหอคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขาจ้องนางที่ใช้สองขาของเขาต่างหมอน
“บ่าวผิดไปแล้ว ขอซื่อจื่อลงโทษบ่าวด้วยเ้าค่ะ” หนิงมู่ฉือปฏิกิริยาว่องไว รีบลุกไปนั่งคุกเข่าทันควัน
เพียงแต่รถมาที่กำลังวิ่งอยู่โคลงเคลงยิ่งนัก หนิงมู่ฉือที่กำลังนั่งคุกเข่า ตัวจึงไม่มั่นคง ใบหน้าจึงพุ่งไปโดนส่วนที่ไม่ควรแตะต้องโดนของจ้าวซีเหอเข้า
เหตุการณ์กระอักกระอ่วนนี้ทำให้หนิงมู่ฉืออยากจะแหวกพื้นออกแล้วมุดลงไปเหลือเกิน
ยังไม่ทันที่นางจะได้ดึงตัวกลับมานั่งให้มั่นคงก็ได้ยินน้ำเสียงเจือแววหยอกเย้าจากคน้าเสียก่อน
[1] เหล็กมิอาจกลายเป็เหล็กกล้า อุปมาว่า ตั้งความหวังกับคนคนนั้นไว้สูง เพื่อที่จะให้เขาได้ดี ทว่ากลับไม่เป็ดั่งที่หวัง
[2] เพิ่มดอกไม้ลงบนผ้าทอ หมายถึง ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ยิ่งดียิ่งขึ้น