ผ่านไปเพียงไม่กี่สิบนาทีทุกคนก็จัดการกับอาหารหลากเมนูตรงหน้ากันจนเกือบหมดทำให้ป้าช่อรีบเรียกเด็กๆ ในวังมาจัดการเก็บโต๊ะอาหารพร้อมกับเสิร์ฟของหวานต่อทันที
“วันนี้ของหวานของเราจะเป็ลูกชุบกับกล้วยบวชชีค่ะ”
เสียงของป้าช่อพูดพร้อมกับวางถ้วยกล้วยบวชชีกับลูกชุบหน้าตาน่ารักอีกสองสามชิ้นลงตรงหน้าของย่ารดากับอีกถาดวางลงตรงหน้าของหลานชายของผู้สูงวัย ส่วนต้นอ้อเป็คนช่วยจัดเสิร์ฟให้กับอาธเนศและอามน
“วันนี้ยัยหนูทำขนมไทยหรอเนี่ย เหมือนรู้ใจว่าย่ากำลังอยากกินพอดี” รอยยิ้มผุดขึ้นที่ใบหน้าของหญิงชราโดยที่มือก็รีบตักกล้วยชิ้นพอดีคำเข้าปากไป
คามินพอเห็นแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรแต่เลือกที่จะลองชิมกับเขาบ้าง
ยัยนี่ทำขนมไทยอร่อยด้วยหรอเนี่ย…
“อร่อยมาก ผมเพิ่งเคยกินขนมไทยที่ไมอาทำครั้งแรกเลยนะเนี่ย เพิ่งรู้ว่าทำเป็ด้วย” อาธเนศพูดชมออกมาโดยมีอามนพยักหน้าเห็นด้วย
“ยัยหนูไมอาแกเก่งหลายอย่างน่ะ โดยเฉพาะการทำอาหารทำขนม” ย่าพูดเสริมให้
“ท่าจะจริงนะ ปกติเวลาจะใช้ขนมต้อนรับใครผมก็จะให้คนมาอุดหนุนร้านไมอาตลอดแล้วแขกก็ประทับใจกันทุกครั้ง…จริงๆ ผมเคยชวนไมอาให้ไปทำงานด้วยกันเพราะเห็นเป็เด็กน่ารักมีความสามารถควรจะต้องมีรายได้มากกว่านี้ แต่แกก็ปฏิเสธเอาแต่บอกว่าอยากอยู่ใกล้ๆ ย่า”
“เป็แบบนี้มาั้แ่ไหนแต่ไรแล้วคนนี้ ยัยหนูเป็เด็กไม่โลภตอนเด็กเป็แบบไหนโตมาก็แบบนั้น…” ย่ารดาพูดอย่างเข้าใจดีถึงนิสัยของสาวน้อยที่เธอรับอุปการะมา
“ครับ น่ารักน่าเอ็นดู เนอะมน…” อาธเนศหันไปหาภรรยาของตนเพื่อให้ยืนยันอีกคนถึงความน่ารักของหญิงสาวเ้าของร้านหอมละมุน
“ใช่ค่ะ…แค่ก แค่ก” อามนตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้แล้วรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อตัวเองไอ
“ไปๆ ถ้ากินเรียบร้อยก็กลับกันได้แล้วนี่ก็จะสองทุ่มแล้ว มนจะได้พักผ่อนด้วย” หญิงสูงวัยที่นั่งตรงหัวโต๊ะเอ่ยปากไล่ทันทีที่เห็นสะใภ้สาวของตนไอขึ้นมาอีก
“ครับผม เรากลับกันดีกว่า” อาลุกขึ้นก่อนจะประคองภรรยาของตนไม่ห่าง
“ค่ะ”
คามินที่นั่งเงียบฟังแต่ละคนชมสาวเ้าของร้านกาแฟตรงหน้าวังอยู่นานก็ลุกขึ้นตามก่อนจะสาวเท้าเดินตรงไปหาย่าของตัวเองเพื่อเข็นรถของย่ารดาไปส่งอาธเนศกับอามนที่หน้าประตู
“ผมกับมนกลับแล้วนะครับ สวัสดีครับแม่…อาไปก่อนนะคามิน ้าอะไรก็บอกอาหรือจะกลับอังกฤษก็บอกอาด้วยนะ เข้าใจไหม”
มือของชายวัยสี่สิบต้นตบลงที่ไหล่กว้างเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มเป็มิตรให้
“ครับผม ขอบคุณอามากครับ” ชายหนุ่มรับคำแล้วมองตามอาทั้งสองคนเดินไปขึ้นรถที่มีคนขับเปิดประตูรอเอาไว้อยู่
คามินและย่าของเขายืนมองจนรถยุโรปหรูขับเคลื่อนหลุดไปจากระยะสายตา ร่างสูงก็หมุนตัวกลับมาเพื่อเตรียมไปส่งย่าของตนที่ห้องนอน…
“ให้ช่อไปส่งย่าก็ได้ คามินไปพักเถอะ” เสียงของผู้าุโเอ่ยรั้งหลานของตน
“ไม่เป็ไรครับ ผมยังไม่นอนสักหน่อย”
เขาไม่สนใจคำห้าม คามินเข็นรถมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของย่าทันทีโดยมีป้าช่อเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง เมื่อก่อนย่าของเขาจะอยู่ชั้นบนฝั่งตรงข้ามกับห้องของเขาในปัจจุบันแต่เพราะอุบัติเหตุเมื่อ 21ปีที่แล้วที่ทำให้ย่าของเขาเดินไม่ได้ ท่านเลยต้องย้ายมาพักอยู่ด้านล่างเพื่อให้สะดวกในการจะเข้าจะออกหรือไปไหนมาไหน
ใช้เวลาไม่นานร่างหนาก็พาหญิงสูงวัยมาถึงหน้าห้องนอนของตัวเอง เขาเอื้อมมือเปิดประตูห้องพร้อมกับเตรียมจะเข็นรถพาย่าของตนเข้าไปด้านใน แต่กลับถูกเสียงของหญิงชราเอ่ยห้ามไว้ก่อน
“ส่งย่าแค่นี้แหละ ไปพักผ่อนกันได้แล้ว”
“ครับ อ้าว…”
ชายหนุ่มที่เข้าใจว่าย่า้าให้ป้าช่อเป็คนไปส่งด้านในเลยปล่อยมือออกจากรถเข็นเตรียมจะเดินไปที่ห้องของตัวเองก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะเห็นว่าป้าช่อก็เดินออกมาเหมือนกันกับเขา
“ป้าช่อไม่ต้องไปส่งย่าข้างในหรอ” เขาไม่ถามเปล่าแต่ชี้นิ้วบอกเป็นัยด้วย
“ย่าไม่ได้เป็ง่อยนะ ต้องให้คนไปคอยอุ้มหรือไง”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่ย่าจะขึ้นเตียงยังไงครับ?”
ที่ถามก็เพราะว่าเขาเป็ห่วงท่านต่างหาก…แค่ช้อนตกตอนกินข้าวยังเอื้อมลำบากเลยแล้วนี่จะเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองยังไง
“ไม่ต้องห่วง…ช่อพาหลานชายฉันออกไปซิ” หญิงผมขาวหันไปบอกกับคนสนิทของเธอแทน
“ค่ะท่าน”
คามินเห็นอาการของป้าช่อที่แสดงออกชัดเจนว่าลำบากใจ เขาเลยยอมให้ย่าเข้าห้องนอนไปเองคนเดียวแล้วมองประตูห้องปิดสนิทลง
“ย่าดื้อแบบนี้ตลอดเลยหรอ ปกติท่านไม่ให้ใครเข้าไปส่งเลย?” ใบหน้าหล่อหันไปหาป้าช่อที่ยังยืนอยู่ข้างตัวเขา
“ใช่ค่ะ ปกติป้าก็จะพาท่านมาส่งแค่หน้าห้อง ท่านไม่เคยให้ใครต้องช่วยเหลือมาั้แ่แรกแล้ว และก็ไม่เคยมีปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุด้วยค่ะ จะมีก็แค่่เช้ากับก่อนนอนที่ให้คนมาคอยรับส่งที่หน้าห้องค่ะคุณคามิน”
“…” เขานิ่งไปเพราะในหัวกำลังสงสัยว่าย่าของเขาจะขึ้นเตียงหรือดูแลตัวเองได้ยังไงทั้งๆ ที่เดินไม่ได้
“…ไปพักเถอะ” แต่ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็พยักหน้ายอมแพ้แล้วแยกย้ายกับป้าช่อตรงนั้นก่อนจะสาวเท้ายาวเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของตัวเอง โดยที่ยังมีความสงสัยอยู่ในหัวเขาไปตลอดทาง
ห้องนอนย่ารดา
หญิงชราวัย 70ปี ยังนั่งนิ่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้าของตนในตำแหน่งเดิมที่หลานชายเป็คนพามาส่งเมื่อสักครู่ เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือเหี่ยวย่นทำท่าจะไปวางตรงปุ่มบังคับเพื่อเข็นมัน แต่ไม่ทันที่มือของเธอจะััโดน รถก็ขยับเลื่อนตรงไปที่ห้องน้ำด้วยตัวของมันเองโดยไม่ต้องออกแรง…
ผู้าุโของวังมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ เธอยกมือขึ้นมาเพียงนิดประตูห้องน้ำก็ถูกเลื่อนเปิดออกช้าๆ ดั่งใจคิด รถเข็นเคลื่อนตัวเข้าไปด้านในห้องน้ำแล้วจากนั้นประตูก็ค่อยๆ ปิดลง หญิงสูงวัยหายเข้าไปในนั้นร่วมสามสิบนาทีก่อนจะกลับออกมาในชุดพร้อมนอน
ถึงแม้จะเป็รถวีลแชร์ไฟฟ้าแต่ก็คงไม่ล้ำยุคล้ำสมัยถึงขนาดที่จะขับเคลื่อนตัวเองได้โดยไม่ต้องััหรอก…
และนั่นก็เป็สิ่งที่หญิงชราไม่เคยเอ่ยบอกใคร
รถเข็นขยับเข้ามาจอดนิ่งสนิทอยู่ที่ข้างเตียงนอนก่อนจะใช้ระบบไฟฟ้าและพลังที่มีส่งตัวเองขึ้นไปอยู่บนที่นอน มือเหี่ยวย่นจับลูบขาที่ไร้เรี่ยวแรงของตนเองที่ใช้การไม่ได้แต่มันก็ยังมีขนาดเท่าเดิมไม่ได้ลีบหรือเล็กลงอย่างที่ควรจะเป็
“เฮ้อ…ขนาดอยู่กับไอ้พลังบ้าบอนี่มา 21ปี แล้วั้แ่เกิดอุบัติเหตุในคืนนั้นแต่ก็ยังรู้สึกทึ่งไม่หายกับสิ่งที่ตัวเองทำได้”
ปากที่มีริ้วรอยเพิ่มขึ้นตามอายุพึมพำออกมาโดยที่ตาก็มองขึ้นไปที่เพดานห้องด้วยแววตาว่างเปล่า เธอก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงที่เธอสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของและดูแลตัวเองได้ทั้งๆ ที่ขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้ ทำให้การใช้ชีวิตคนเดียวหรือดูแลตัวเองเลยไม่ใช่เื่ที่ยากนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจดีไหมที่มีพลังวิเศษแบบนี้อยู่กับตัว เพราะมันแลกมาด้วยชีวิตของคนถึงห้าคนรวมสามีของเธอ
ถึงแม้เวลาจะผ่านไปยี่สิบเอ็ดปีหญิงชราก็ยังคงนอนคิดแบบนี้อยู่ทุกคืนอย่างคนปล่อยวางไม่ได้เพราะเธอไม่ได้รู้สึกดีใจไปกับมัน เพราะพลังที่มีเปรียบเสมือนเครื่องตอกย้ำเสียมากกว่าว่าได้สูญเสียใครไปบ้างในชีวิต
หญิงสูงวัยปิดเปลือกตาลงช้าๆ พร้อมกับเคาะปลายนิ้วชี้ลงที่เตียงนอนของตัวเองเบาๆ ไฟทั่วทั้งห้องก็ดับสนิทลงในทันที…