บทที่ 2 ระบบปฏิวัติโชคชะตา
ความเ็ป
เ็ปราวกับร่างกายถูกฉีกเป็ชิ้นๆ แล้วบดขยี้ซ้ำด้วยล้อรถม้าเหล็ก นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นในห้วงสำนึกที่แตกสลายของมู่หรงเซียน
เดี๋ยวนะ... ความคิด?
นางยังมีความคิดอยู่อีกหรือ? ภาพสุดท้ายที่จำได้คือแสงไฟสว่างจ้าของรถบรรทุก ตามด้วยแรงกระแทกมหาศาลที่บดขยี้ทุกอณูในร่าง ความตายควรจะเป็จุดสิ้นสุด เป็ความมืดมิดที่ไร้ความรู้สึก แต่นี่มันอะไรกัน? ความเ็ปที่แสนสาหัสนี้มันสมจริงเกินไป
มู่หรงเซียนพยายามลืมตา แต่เปลือกตาหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยแท่งตะกั่ว ความหนาวเย็นกัดกินผิวจนชา ััได้ถึงพื้นเย็นเฉียบและแข็งกระด้างที่รองรับร่างของตนเอง กลิ่นอับชื้นผสมกับกลิ่นคาวเืจางๆ ลอยเข้าจมูก นี่ไม่ใช่กลิ่นของถนนลาดยางในนครเซี่ยงไฮ้ และไม่ใช่กลิ่นโรงพยาบาลอย่างแน่นอน
นางรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มี ฝืนเปิดเปลือกตาที่บวมเป่งขึ้นอย่างยากลำบาก
ภาพที่เห็นพร่ามัวในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆ ปรับความคมชัด สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือเพดานไม้เก่าคร่ำคร่า มีใยแมงมุมเกาะอยู่ตามมุม คานไม้สีคล้ำดูพร้อมจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ นางขยับตัวเล็กน้อย ความเ็ปก็แล่นปราดจากแผ่นหลังและแขนขาไปทั่วร่างจนต้องกัดฟันกรอด
"อึก..."
เสียงที่เล็ดลอดออกมาแหบพร่าและอ่อนแรง ไม่ใช่เสียงเ็าทรงอำนาจของนางเลยแม้แต่น้อย
นางก้มมองตัวเอง... และหัวใจก็แทบจะหยุดเต้น
นี่ไม่ใช่ร่างของนาง!
มือคู่ที่เห็นเรียวเล็กและบอบบางกว่าเดิม ผิวขาวซีดจนเห็นเส้นเืสีเขียวจางๆ ตามข้อมือมีรอยฟกช้ำเป็จ้ำๆ ชุดที่สวมใส่เป็ผ้าเนื้อหยาบสีซีดมอซอ ขาดวิ่นและเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเืและฝุ่นดิน มันคืออาภรณ์ของคนรับใช้ในยุคโบราณที่เห็นได้บ่อยในละครย้อนยุค
ทันใดนั้นเอง ความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางก็หลั่งไหลทะลักเข้ามาในสมองราวกับเขื่อนแตก!
ภาพแล้วภาพเล่าฉายชัดขึ้นมาดุจภาพยนตร์ความเร็วสูง... เด็กหญิงกำพร้าชื่อ เสิ่นเยว่ ร่างกายผอมบางและอ่อนแอมาั้แ่เด็ก ถูกขายเข้าจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน "จวนเวยหย่วน" ั้แ่อายุสิบขวบ ชีวิตในโรงซักล้างที่ต้องทำงานหนักเกินตัว ถูกทุบตีและดุด่าเป็กิจวัตร
และภาพสุดท้าย คือการถูกกล่าวหาว่าขโมยปิ่นหยกไข่มุกราตรีของ อนุจิน อนุภรรยาคนโปรดของท่านแม่ทัพ เซียวจิ้งเหยียน นางถูก หลิวมามา หัวหน้า (มามา) ประจำโรงซักล้าง และบ่าวรับใช้อีกคนชื่อ เสี่ยวชุน ลากตัวไปโบยอย่างทารุณ ก่อนจะถูกโยนมาทิ้งไว้ในโรงเก็บฟืนแห่งนี้ให้รอความตายอย่างเดียวดาย
"บัดซบสิ้นดี" มู่หรงเซียน ไม่สิ ตอนนี้คือเสิ่นเยว่ สบถในใจอย่างหัวเสีย
ชีวิตของเด็กสาวคนนี้มันคือบทละครน้ำเน่าชั้นเลวดีๆ นี่เอง! ทำงานหนักแทบตายแต่กลับถูกใส่ร้ายป้ายสีจนถึงแก่ชีวิต นี่มันการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง!
ขณะที่เธอกำลังประมวลผล "ข้อมูลการควบรวมกิจการ" ที่ไม่พึงประสงค์นี้เอง เสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่ไร้อารมณ์ก็ดังขึ้นในหัวของเธอ
[ติ๊ง! ตรวจพบจิติญญาของผู้ใช้งานที่เข้ากันได้ กำลังทำการเชื่อมต่อ 10%... 50%... 100%... เชื่อมต่อสำเร็จ]
[ยินดีต้อนรับสู่ "ระบบ CEO ปฏิวัติโชคชะตา 100%"]
เสิ่นเยว่ถึงกับชะงักไปทั้งตัว อะไรอีกวะเนี่ย? ผลข้างเคียงจากการถูกรถชนจนสมองกระทบกระเทือนงั้นหรือ?
[ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งานที่มีศักยภาพในการเป็ผู้บริหารสูงสุด เพื่อพลิกสถานการณ์จากจุดต่ำสุดสู่จุดสูงสุดของชีวิต]
เสียงนั้นดังต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อน
[กำลังประเมินสถานะปัจจุบันของผู้ใช้งาน...]
[ข้อมูลพื้นฐาน:]
เสิ่นเยว่แทบจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา นี่มันไม่ใช่แค่การเริ่มต้นจากศูนย์ นี่มันติดลบยิ่งกว่าบริษัทที่กำลังจะล้มละลายเสียอีก! สภาพร่างกายที่เรียกว่า "สินทรัพย์เสียหายขั้นรุนแรง" แบบนี้ จะเอาอะไรไปต่อสู้กับใครได้?
[ตรวจพบสถานการณ์ฉุกเฉิน! กำลังสร้างภารกิจสำหรับผู้เริ่มต้น]
[ภารกิจสำหรับมือใหม่: เอาชีวิตรอดและโต้กลับ!]
"บทลงโทษโหดร้ายชะมัด" เสิ่นเยว่พึมพำกับตัวเอง แต่ในดวงตากลับฉายแววคมปลาบอย่างที่ไม่เคยปรากฏบนใบหน้าของเ้าของร่างเดิมมาก่อน "แต่ฉันชอบ ความท้าทายที่มีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็ต้องสูงเป็ธรรมดา"
ในฐานะ CEO ที่เคยผ่านวิกฤตการณ์มานับครั้งไม่ถ้วน การถูกกล่าวหาแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการถูกคู่แข่งปล่อยข่าวลวงเพื่อทุบหุ้น สิ่งแรกที่ต้องทำไม่ใช่การโวยวาย แต่คือการรวบรวมข้อมูลและหาทางโต้กลับอย่างมีแบบแผน
นางพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ความเ็ปจากแผ่นหลังก็ทำให้ต้องนิ่วหน้า โรงเก็บฟืนนี้ทั้งหนาวและอับชื้น หากขืนปล่อยไว้อย่างนี้ ไม่ต้องรอให้ใครมาฆ่า แค่าแติดเชื้อก็ตายได้แล้ว
"ระบบ ช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อมโดยรอบ และหาจุดอ่อนของข้อกล่าวหา" เธอออกคำสั่งในใจ
[กำลังดำเนินการ... วิเคราะห์เสร็จสิ้น]
[สภาพแวดล้อม: โรงเก็บฟืน ประตูถูกล็อคจากด้านนอก มีทหารยามเฝ้าอยู่ 2 นาย ผลัดเปลี่ยนเวรยามทุก 2 ชั่วยาม (4 ชั่วโมง)]ปิ่นหยกไข่มุกราตรีของอนุจินหายไป คำให้การจากเสี่ยวชุนระบุว่าเห็นผู้ใช้งาน (เสิ่นเยว่) ลอบเข้าไปในเรือนของอนุจิน และพบเศษผ้าจากเสื้อของผู้ใช้งานตกอยู่ในที่เกิดเหตุ]
"หลักฐานอ่อนมาก" เสิ่นเยว่แค่นเสียง "มีแค่คำให้การกับเศษผ้าที่ใครจะเอาไปวางไว้ก็ได้ การตัดสินคดีความในยุคนี้มันหละหลวมขนาดนี้เลยรึไง?"
[คำแนะนำจากระบบ: จากข้อมูลความทรงจำของร่างเดิม หลิวมามา้ากำจัดผู้ใช้งาน เนื่องจากผู้ใช้งานเคยเห็นหลิวมามาลักลอบนำผ้าไหม (ชั้นดี) ของจวนออกไปขาย ส่วนเสี่ยวชุนอิจฉาที่ผู้ใช้งานเคยได้รับคำชมจากพ่อบ้านใหญ่เื่งานเย็บปักที่เรียบร้อยกว่าตนเอง]
"อ้อ... ที่แท้ก็เป็การเมืองภายในองค์กรนี่เอง กำจัดคนที่รู้ความลับและคนที่อาจจะเป็ภัยคุกคามในอนาคต เป็แผนการที่โง่เง่าแต่ได้ผลดีในสภาพแวดล้อมที่ไร้กฎเกณฑ์"
เสิ่นเยว่หลับตาลง ใช้สมองที่เคยบริหารบริษัทั์ใหญ่ประมวลผลข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ปิ่นหยก เศษผ้า หลิวมามา เสี่ยวชุน
ถ้าปิ่นไม่ได้ถูกขโมยไปจริงๆ แสดงว่ามันต้องยังอยู่ในเรือนของอนุจิน หรือไม่ก็ถูกนำไปซ่อนไว้ที่อื่นเพื่อรอเวลาให้เื่ซา แล้วใครล่ะที่จะนำไปซ่อน? ก็ต้องเป็คนที่ใส่ร้ายเธอ เสี่ยวชุน!
แต่เสี่ยวชุนจะเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน? สถานที่ที่ปลอดภัยและไม่มีใครสงสัย
ดวงตาของเสิ่นเยว่เบิกโพลงขึ้นทันที!
นางจำได้! จากความทรงจำของร่างเดิม เสี่ยวชุนมีนิสัยชอบนำของที่ตนเองชอบไปซ่อนไว้ในโพรงใต้ต้นไหวหลังโรงซักล้าง!
"เจอตัวแล้ว ช่องโหว่ของแผนการ"
แต่ปัญหาก็คือ จะออกจากที่นี่ไปได้อย่างไร? แล้วจะทำยังไงให้คนเชื่อคำพูดของบ่าวชั้นต่ำที่กำลังจะตายอย่างนาง?
เสิ่นเยว่กวาดตามองไปรอบๆ โรงเก็บฟืนที่มืดสลัว กองฟืน ขวานเก่าๆ ขึ้นสนิม และมุมห้องที่ชื้นแฉะจนมีตะไคร่น้ำจับเขียว
ความคิดหนึ่งแล่นปราดเข้ามาในหัว
นางรวบรวมแรงทั้งหมด ค่อยๆ คลานไปยังมุมห้อง ใช้มือที่สั่นเทาหยิบเศษฟางชื้นๆ และขี้เลื่อยมาป้ายตามเนื้อตัวและเสื้อผ้าให้ดูสกปรกยิ่งขึ้น จากนั้นก็หยิบเศษไม้เล็กๆ มากดลงบนแผลที่ยังไม่แห้งสนิทจนเืซิบออกมาอีกครั้ง ความเ็ปทำให้นางแทบหมดสติ แต่แววตาของนางกลับแน่วแน่
เมื่อเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้น นางก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง
"ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย! งู! มีงูอยู่ในนี้!" นางะโสุดเสียง แต่ควบคุมน้ำเสียงให้แหบพร่าและสั่นเครือด้วยความกลัว
ทหารยามด้านนอกที่กำลังสัปหงกสะดุ้งโหยง
"หนวกหูจริง! นังเด็กนี่!" ยามคนหนึ่งตะคอกอย่างรำคาญ
"หุบปากไปซะ! ถ้ายังไม่อยากโดนโบยเพิ่ม!" อีกคนขู่
แต่เสิ่นเยว่ไม่หยุด "ได้โปรดเถอะท่านพี่! งูพิษ! มันกัดข้า! ข้ากำลังจะตาย! หากข้าตายที่นี่ พวกท่านต้องเดือดร้อนแน่! หลิวมามาต้องโยนความผิดให้พวกท่านฐานเฝ้ายามหละหลวมจนนักโทษตายแน่ๆ!"
ประโยคสุดท้ายได้ผลชะงัด ทหารยามทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขาเป็แค่ทหารยามชั้นผู้น้อย หากมีเื่ขึ้นมาจริงๆ คนที่ซวยก่อนใครก็คือพวกเขานี่แหละ
"จะทำยังไงดี?"
"เปิดเข้าไปดูหน่อยแล้วกัน แค่ดูให้แน่ใจว่ามันยังไม่ตายก็พอ"
แกร๊ก!
เสียงปลดสลักดังขึ้น ประตูไม้เปิดออกพร้อมกับแสงสว่างที่สาดเข้ามาจนเสิ่นเยว่ต้องหยีตา
ภาพที่ทหารยามเห็นคือเด็กสาวที่นอนฟุบอยู่กับพื้นในสภาพน่าสังเวช เนื้อตัวมอมแมมเปรอะเปื้อน มีเืไหลซึมออกมาจากาแ ใบหน้าซีดเผือดราวกับศพ
"ไหนงูของเ้า?" ยามคนหนึ่งถามเสียงห้วน
เสิ่นเยว่ชี้ไปยังมุมมืดด้วยนิ้วที่สั่นเทา "ตรง ตรงนั้น มันเลื้อยหนีไปแล้ว แต่มันกัดข้า พิษ พิษมันกำลังแล่น" นางแกล้งทำเป็หายใจหอบถี่ ดวงตาเริ่มเลื่อนลอย
ทหารยามมองหน้ากันอีกครั้ง พวกเขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่ภาพตรงหน้ามันก็ดูสมจริงเกินไป
"ข้า ข้าไม่ได้ขโมยปิ่น ข้าถูกใส่ร้าย" เสิ่นเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาราวกับจะขาดใจ "ก่อนตาย ข้าขอพบหลิวมามากับเสี่ยวชุนเป็ครั้งสุดท้าย ข้ามีบางอย่างจะบอก เกี่ยวกับปิ่น ที่ซ่อนปิ่นที่แท้จริง"
คำพูดนั้นทำให้ทหารยามหูผึ่ง หากนางรู้ที่ซ่อนปิ่นจริงๆ แล้วพวกเขารายงานเื่นี้ได้ ความดีความชอบก็อาจจะตกเป็ของพวกเขา!
"เ้ารออยู่ที่นี่! ข้าจะไปตามคนมา!"
ไม่นานนัก หลิวมามาและเสี่ยวชุนก็เดินเชิดหน้าเข้ามาในโรงเก็บฟืนพร้อมกับทหารยามอีกสองสามนาย
"นังเด็กสารเลว! ยังมีหน้ามาเรียกหาข้าอีกรึ!" หลิวมามาตวาดแว้ด แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เสี่ยวชุนยืนอยู่ข้างหลังหลิวมามา มองเสิ่นเยว่ด้วยสายตาสมเพชปนสะใจ
เสิ่นเยว่แสร้งทำเป็ไอโขลกๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ "มามา ข้ากำลังจะตายแล้ว ข้าขอสารภาพผิด แต่ข้าไม่ได้ทำคนเดียว"
ทุกคนในที่นั้นเงียบกริบ
หลิวมามาขมวดคิ้ว "เ้าหมายความว่ายังไง?"
"คนที่ขโมยปิ่น คือข้ากับเสี่ยวชุน"
"เ้าพูดจาเหลวไหลอะไร!" เสี่ยวชุนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดทันที
เสิ่นเยว่ไม่สนใจนาง หันไปพูดกับหลิวมามาต่อ "พวกเราวางแผนกัน เสี่ยวชุนเป็คนลงมือ ส่วนข้าเป็คนดูต้นทาง เราตกลงกันว่าจะแบ่งของกันทีหลัง แต่ แต่นางกลับหักหลังข้า โยนความผิดทั้งหมดให้ข้าคนเดียว"
"หลักฐานล่ะ! เ้ามีหลักฐานอะไร!" เสี่ยวชุนเถียงคอเป็เอ็น
"หลักฐานก็คือปิ่นนั่นยังไงล่ะ" เสิ่นเยว่แค่นยิ้มบางๆ "ข้ารู้ว่าเ้าเอาไปซ่อนไว้ที่ไหนเ้าคิดว่าข้าโง่หรือเสี่ยวชุน? เ้าแอบเอาปิ่นไปซ่อนไว้ในโพรงใต้ต้นไหวหลังโรงซักล้างใช่หรือไม่?"
คราวนี้ใบหน้าของเสี่ยวชุนขาวซีดราวกับกระดาษ นางอ้าปากพะงาบๆ แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
หลิวมามาเห็นท่าทีของเสี่ยวชุนก็ใจหายวาบ แต่ยังคงรักษามาดไว้ "ไร้สาระ! แค่คำพูดพล่อยๆ ของคนใกล้ตาย ใครจะไปเชื่อ!"
"เชื่อหรือไม่เชื่อ ก็แค่ไปดูก็รู้แล้วนี่คะ" เสิ่นเยว่กล่าวอย่างใจเย็น "แต่ข้ามีเงื่อนไข หากเจอที่นั่นจริงๆ แสดงว่าข้าพูดความจริง แต่หากไม่เจอ ข้ายินดีรับโทษตายโดยไม่มีข้อโต้แย้ง"
นางกำลังเดิมพัน! เดิมพันด้วยชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย!
ทุกคนมองหน้ากันไปมา สุดท้ายทหารยามคนหนึ่งจึงตัดสินใจ "ไปดูก็ไม่เสียหาย! เื่นี้เกี่ยวข้องกับของรักของอนุจิน ปล่อยไว้ไม่ได้!"
ขบวนคนกลุ่มเล็กๆ จึงมุ่งหน้าไปยังหลังโรงซักล้างทันที ทิ้งให้เสิ่นเยว่นอนรอผลลัพธ์อยู่ในโรงเก็บฟืนตามลำพัง
"KPI ของภารกิจนี้คือการเอาตัวรอดและการโต้กลับ" เธอบอกกับตัวเอง "ตอนนี้ขั้นแรกของการเจรจาต่อรองถือว่าประสบความสำเร็จ ต่อไปคือรอผลการพิสูจน์หลักฐาน"
[ระบบคำนวณอัตราความสำเร็จ: 85%]
"สูงกว่าที่คิดแฮะ"
เวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อ (15 นาที) เสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นจากทางโรงซักล้าง ไม่นานนัก ทหารยามคนเดิมก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับมา
"เจอแล้ว! เจอจริงๆ ด้วย! ปิ่นหยกอยู่ในโพรงใต้ต้นไหวจริงๆ!"
เสิ่นเยว่ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชัยชนะในยกแรกเป็ของนางแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน หลิวมามาก็ถูกพ่อบ้านใหญ่เรียกตัวไปสอบสวนพร้อมกับเสี่ยวชุนที่ร้องไห้ฟูมฟายจนสิ้นสภาพ ส่วนเสิ่นเยว่ ในฐานะผู้ให้เบาะแส และผู้เสียหายนางจึงถูกย้ายจากโรงเก็บฟืนไปยังห้องพักคนงานที่สภาพดีกว่าเดิมเล็กน้อย และมีหมอฝึกหัดนำยามาทาให้ตามแผล
[ติ๊ง! ภารกิจสำหรับมือใหม่: เอาชีวิตรอดและโต้กลับ! สำเร็จ!]
[กำลังมอบรางวัล...]
[ท่านได้รับ: กล่องของขวัญสำหรับมือใหม่ x1, 50 แต้มระบบ]
[้าเปิดกล่องของขวัญหรือไม่?]
"เปิด" เสิ่นเยว่ตอบในใจโดยไม่ลังเล
[ท่านได้รับ: ยาฟื้นฟูร่างกายระดับต้น x1, ตำรา "ทักษะการเอาตัวรอดของบ่าวชั้นสูง" x1]
ยาเม็ดสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นในมือของนางอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกับข้อมูลที่ไหลเข้าสู่สมองเกี่ยวกับตำราเล่มนั้น
เสิ่นเยว่กลืนยาลงไปโดยไม่ลังเล ความรู้สึกอุ่นร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง บรรเทาความเ็ปจากาแได้อย่างน่าทึ่ง ความอ่อนเพลียที่เกาะกุมมาตลอดก็ค่อยๆ จางหายไป
นางมองดูมือของตัวเองที่ยังคงผอมบาง แต่ตอนนี้มันไม่ได้สั่นเทาอีกต่อไปแล้ว
"จวนเวยหย่วน" นางพึมพำกับตัวเอง ดวงตาฉายแววเย็นเยียบและเฉียบคม "นี่คือตลาดใหม่ของฉัน และฉันจะเริ่มต้นจากการเป็แค่พนักงานระดับปฏิบัติการ คนนี้แหละ"
การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในวันนี้เป็เพียงก้าวแรกเท่านั้น หลิวมามาอาจจะเสียอำนาจไป แต่รากฐานของนางในจวนแห่งนี้ยังคงอยู่ และอนุจิน เ้าของปิ่นที่แท้จริงยังไม่ได้ปรากฏตัวด้วยซ้ำ
หนทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยขวากหนามและความท้าทาย แต่สำหรับอดีตจักรพรรดินีแห่งโลกธุรกิจอย่างมู่หรงเซียนแล้ว
มันคือการเริ่มต้น "แผนธุรกิจ" ครั้งใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต
