เหล่าคณาจารย์ที่กำลังจะเดินหยุดนิ่ง
สายตานับไม่ถ้วนจดจ่ออยู่กับภาพนิมิต
หนุ่มน้อยปานแดงผู้นั้นลอยองค์ดั่งผู้ะ เปล่งประกายไม่หยุดท่ามกลางนักรบและทัพปีศาจนับร้อยที่ฟาดฟันกัน ทุกที่ที่ปรากฏตัวจักเสียดดาบออกสังหารนักรบได้หนึ่ง
ั้แ่เขาปรากฏกายขึ้นมา ศพนักรบล้วนตายด้วยคมดาบของเขา หาใช่ด้วยการสังหารของทหารปีศาจไม่
นี่ก็หมายความได้ว่า พลังที่เป็รางวัลของเหล่านักรบล้วนถูกเขาดูดซับไปหมดสิ้น ไร้ซึ่งสูญเปล่าแม้แต่หยดเดียว
ฝ่ายเซี่ยโหวอู่ก่อนหน้านี้นั้น ในศพทหารปีศาจห้าตนเขาจะฆ่าเองสาม อัตราสังหารเทียบกันระหว่างทั้งสองคน ห่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
“ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนี้ เ้าต้องสังหารปีศาจให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงจะเก็บเกี่ยวพลังรางวัลไว้ทวียิ่งขึ้นไป และวิธีการที่ดีที่สุดคือ เมื่อทหารปีศาจนายใดก็ตามกำลังจะสิ้นใจในสนามรบ จงเสียดดาบสังหาร ไม่เพียงเป็วิธีที่ง่ายดายเท่านั้น ยังเป็การกำราบผลสังหารอย่างเบ็ดเสร็จด้วยกำมือเ้า เ้าจะสามารถได้กำลังภายในแห่งอักขระที่แอบซ่อนในร่างทหารปีศาจมาไว้ใน...ทักษะนี้เรียกว่า เสริมดาบ”
เ้าสำนักเปิดปากพูดในที่สุด
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วใบหูของศิษย์สำนักกวางขาว
“เื่พวกนี้ ข้าคิดว่าอาจารย์ของพวกเ้าต้องเคยบอกกับเ้าไว้แล้ว นอกจากศิษย์ปีหนึ่งที่ยังไม่คุ้นเคยกับสมรภูมิหุบเขาปัดป้องแล้ว ศิษย์ชั้นปีอื่น หากมีโอกาสได้เข้าสมรภูมินี้แล้วไซร้ต้องผ่านการฝึกพิเศษมาหมดแล้ว น่าเสียดาย จากที่ข้าเห็นในการแข่งขันใหญ่คราวนี้ ทักษะพื้นฐานเสริมดาบของพวกเ้า พอเทียบกับศิษย์สำนักหงส์ฟ้าแล้วไกลกันเกินไป พวกเ้าลองมองดูให้ดีสิ หนุ่มน้อยปานแดงคนนี้เป็แค่ศิษย์ปีหนึ่งเท่านั้น แต่ศิลปะการเสริมดาบของเขาเลิศล้ำมาก ควบคุมสถานการณ์การรบได้ดีถึงที่สุด ในพวกเ้าทั้งหมด มีแต่ไป๋อวี้ชิงและหานซวงสวี่ผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นจึงจักทำได้”
นักเรียนกวางขาวก้มหน้าละหายใจ
พอกลางสนามรบ เมื่อนักรบปะทะกับทหารปีศาจเพื่อห้ำเืหั่นเนื้อ รูปการก็เปลี่ยนเอาแน่เอานอนไม่ได้ การจะเสริมดาบในสภาพนั้นได้เต็มร้อยจึงเป็เื่ยากยิ่ง
ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่า เด็กปานแดงคนนั้นเป็แค่ศิษย์ปีหนึ่ง แต่พลังที่แท้จริงนั้นมากจนกระทำได้สมบูรณ์แบบ
“ที่ข้าเอ่ยอยู่ ณ ตอนนี้ มิใช่เพื่อให้พวกเ้าละอายแก่ใจ แล้วก็มิใช่จะมอบความขายขี้หน้าให้พวกเ้าเลย ข้าเพียง้าเตือนสติ ลบความคิดเหลวไหลไร้สาระไปเสีย สังเกตการณ์ให้ดีๆ อย่าให้เพลิงโทสะและความแค้นมัวเมาสมองเ้า ต้องเรียนรู้ที่จะพัฒนาต่อหน้าศัตรู” เ้าสำนักหันหน้ามองลูกศิษย์ลูกหาผู้ได้ชื่อว่าเป็อัจฉริยะ ในที่สุดก็ยิ้มออก กิริยาเปี่ยมเมตตา “ดังนั้น อย่ามัวก้มหน้ากันอยู่เลย เงยหน้าขึ้นมามองดีๆ เสียสิ”
เมื่อผ่านความเงียบงัน นักเรียนก็ค่อยๆ เงยหน้ากันขึ้นมาเป็พรวน เริ่มมองภาพอักขระเหนือหัว
ยังมีคนผู้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเดือดดาล
และมีคนที่แววตากลับกระจ่างใสขึ้นมาบ้าง
ปฏิภาณแต่ละคนมีสูงต่ำ ร้อยพ่อพันแม่จิตใจไม่เหมือนกัน จึงได้หยั่งรู้จากคำพูดของเ้าสำนักชราได้ไม่เท่ากัน
เี๋เี่ามองครู่หนึ่งก็เปิดปากเอ่ย “หากเ่ิูไม่เห็นแก่ตัวเข้าพงไพรไปคนเดียว แต่ไปถนนทิศอีสาน ร่วมมือกับเซี่ยโหวอู่เสียบ้าง บางทีอาจจะกดดันเ้าหนุ่มปานแดงนี้ได้ จะถูกฆ่าหรือไม่ก็เป็อีกเื่ อย่างน้อยต้องคุมรูปการณ์ได้มั่นคงหน่อยอยู่แล้วล่ะ”
มีพยักหน้าเห็นด้วย
อาจารย์าุโที่เคยตำหนิเ่ิูได้ฟังแล้วก็ผงกหัว “จากศึกในหุบเขาหมาป่าอสูร ข้าก็มองออกว่าฝีมือสู้ศึกของเ่ิูดีนัก เสียดายจริงที่เลือกเดินผิดทาง...”
...
...
หุบเขาหมาป่าอสูร
เ่ิูตื่นขึ้นจากภวังค์
ในโลกตันเถียนของเขา น้ำพุตาที่สองไหลโกรก น้ำพุพลังบริสุทธิ์พุ่งเสียดนภา ราวกับลำน้ำพ่นกระจายสี่ทิศ แทรกซึมสู่ทะเลทรายรอบด้านพันเมตร คืนชีวิตชีวาให้อีกครั้ง!
น้ำพุิญญาตาที่สองสมบูรณ์แบบแล้ว
“ในที่สุดก็เข้าอาณาน้ำพุิญญาตาที่สองแล้ว สู้ต่อได้แล้วล่ะ!”
เ่ิูยืนขึ้น าแทั้งหลายบนเรือนร่างหายไปสิ้น ด้วยการเยียวยาดูแลแห่งกำลังภายใน จึงไม่หลงเหลือแม้แต่รอยแผลเป็ เปลี่ยนอาภรณ์ขาดวิ่นเป็ชุดรัดกุมสีดำ ใช้เชือกป่านรวบผมยาวดำขลับไว้เื้ั
ศพหมาป่าอสูรรอบด้านเองก็ห่างหายเช่นกัน
หมาป่าอสูรของที่นี่ล้วนเป็สัตว์อักขระทั้งสิ้น เมื่อตายแล้วพักใหญ่จึงละลายหลอมเป็พลังปราณใต้หล้า รอฟื้นตัวอีกหลายเดือนตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง จึงจักปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อรู้สึกถึงกำลังภายในที่กลิ้งกลอกกระเพื่อมไหวอยู่ในร่าง เ่ิูก็ภาคภูมิใจขึ้นอีกเป็กอง
ท่าทีถือไพ่เหนือกว่าของคนหงส์ฟ้า เป็หนามตำใจศิษย์กวางขาวทุกคน หากจะบอกว่าเ่ิูไม่ใส่ใจแล้วล่ะก็ ผิดถนัด แท้จริงแล้วเสื้อที่เขาสวมใส่อยู่คือเครื่องแบบของสำนักกวางขาว เข็มตราที่ติดอยู่ตรงหน้าอกก็เป็ของสำนักกวางขาว เด็กหนุ่ม้าพลิกสถานการณ์ให้รู้ซึ้ง ถึงจะเป็แค่ศึกรอบสุดท้ายรอบเดียวก็ตามที
ทว่าพลังของศิษย์สำนักหงส์ฟ้า แข็งแกร่งมากจริงๆ
เ่ิูไม่อาจกำราบศิษย์หงส์ฟ้าห้าคนด้วยตัวคนเดียวได้ ดังนั้นต้องพึ่งพาเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วย แต่พอมองตัวแทนของปีหนึ่งเป็ใครกันบ้างแล้ว ฉินอู๋ซวงกับเซี่ยโหวอู่ สองหน่อนี้ตัดทิ้งไปได้เลย ไม่มีทางเข้ากันได้ดีกับเ่ิูแน่
ดังนั้นเขาจึงต้องเพิ่มพูนพลังตัวเองก่อนเป็อันดับแรก
ตอนนี้ เมื่อน้ำพุิญญาตาที่สองสัมฤทธิ์ร่าง เขาก็มีศรัทธาเต็มเปี่ยมแล้ว
“กะเวลาน่าจะผ่านไปสักสี่ชั่วโมง บนเส้นทางศึกสามสายนั่น อีกไม่นานก็คงได้ห้ำหั่นกันแล้ว” เ่ิูคำนวณในใจเงียบๆ สถานะของเขาในตอนนี้ การสนับสนุนสองพี่น้องซ่งบนถนนทิศอุดรย่อมจะเหมาะสมที่สุด
เขายืนขึ้นเตรียมจะเคลื่อนกาย
ทันใดนั้น การเปลี่ยนแปลงอันน่าประหลาดก็บังเกิด
ท่วงทำนองยุคเทพมาร คัมภีร์ทองแดงเก่าแก่ซึ่งเงียบสงบมานานพลันสั่นไหวอยู่ในทะเลสำนึก พลังงานประหลาดหลั่งทะลัก เริ่มดูดกลืนกำลังภายในของเ่ิูอย่างบ้าคลั่งเป็ครั้งที่สอง แรงสูบมหาศาลนั่นทำให้เขาหมดหนทางจะบังคับ
“บ้าเอ๊ย เอาอีกแล้ว...”
เ่ิูกลอกตา
ดีที่ก่อนหน้านี้มีเื่แบบเดียวกันเกิดขึ้นเป็ประเดิมแล้ว ใจของเด็กหนุ่มจึงสนิทกับมันพอ ไม่สนใจอะไรเป็พิเศษ เขาไม่ดิ้นรนเสียลวกๆ ปล่อยให้คัมภีร์โบราณดูดกำลังภายในเขาอย่างหิวกระหาย
เวลาผ่านไป
สามสิบนาทีผ่านไป น้ำพุิญญาสองตาในโลกตันเถียนของเ่ิูก็ถูกสูบจนเกือบว่างเปล่า คัมภีร์ทองแดงในทะเลสำนึกโชติ่ชัชวาล และปะทุแสงอำไพ
หลังสั่นะเืฉับพลันจนพอใจแล้ว พลังบริสุทธิ์ก็หลั่งออกมาจากคัมภีร์ ลัดเลาะสู่ทุกส่วนของร่างเ่ิู มอบความชุ่มชื้นสู่เส้นปราณหลัก เส้นปราณรองอีกแปด จากนั้นจึงไหลรวมเป็สายน้ำลงมหาสมุทร กลับไปสู่อ้อมกอดของน้ำพุิญญาทั้งสองตาอีกครา
กระบี่ฉ่าวชางที่เ่ิูชุบเลี้ยงไว้ ณ น้ำพุตาแรกได้พลังอันผุดผ่องนั่นบำรุง พลันครวญเป็ทัพๆ ราวกับมีจิติญญาก็ไม่ปาน เปล่งประกายด้วยชีวิตวับวาว
“เป็เหมือนครั้งแรกอย่างที่คิดไว้สินะ”
เ่ิูถอนใจโล่งอก
เขาพลันนึกถึงคราวก่อน คัมภีร์โบราณดูดกำลังภายในเขาครั้งแรกแล้ว เนื้อหาข้างในนั้นก็เปลี่ยนแปลงยกใหญ่ สามารถเปิดดูกระบวนยุทธ์เทพราชันเกราะทองได้ แล้วครานี้เล่า จะมีกระบวนยุทธ์อะไรมาให้เขาอีกหรือเปล่านะ?
พอลองคิดในหัว เ่ิูก็ชักเริ่มอดรนทนรอไม่ไหว
เขากลัวคนในศาลาขึ้นฟ้าจะรู้ความลับเื่คัมภีร์ทองแดงโบราณเข้า คราวนี้มิได้เรียกขานมันต่อหน้า แต่ใช้สำนึกในทะเลเปิดอ่านคัมภีร์เอา
...
...
“เอ๊ะ? อะไรกัน? ทำไมจู่ๆ ก็ไม่เห็นเ่ิูล่ะ?”
ในศาลาขึ้นฟ้ามีผู้ส่งเสียงใออกมา
ภาพอักขระเบื้องบนหัว เมื่อเปลี่ยนไปฉายทางฝั่งเ่ิูที่ยืนอยู่ตำแหน่งเดิมนั่น ได้กลายเป็สีดำสนิท มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง
“ถูกหมอกอักขระขัดขวางจริงๆ เรอะ!”
“เกิดเื่แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?”
“หรือเ่ิูจะตายแล้ว?”
“ไม่มีทาง ถึงตายก็ต้องมีศพเถอะ...”
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเื่แบบนี้เกิดขึ้นเลยนะ”
กระทั่งคณาจารย์ยังพูดคุยกันไม่หยุดปาก สมรภูมิหุบเขาปัดป้องที่จักรพรรดิอักขระสถาปนาขึ้นมานั้น ไม่เคยปรากฎข้อผิดพลาดนับแต่ดึกดำบรรพ์มา รวมถึงภาพสะท้อนอักขระ้านี้ด้วย นี่ก็เป็ส่วนหนึ่งของสมรภูมิเช่นกัน แต่กลับมามองคนๆ หนึ่งไม่เห็นเสียแล้ว...นี่มันจะน่าพิศวงไปหน่อยแล้ว
เ้าสำนักสบตากับหัวหน้าหมวดหวังเยี่ยน แววตาเริ่มหนักและจริงจังขึ้นมา
...
ต่อมา
เ่ิูอ่านคัมภีร์โบราณจบแล้ว
“เสียดายจริง ส่วนท่วงทำนองฐานะเทพมาร ไม่มีหน้าใหม่ให้เปิดเลย ยังมีแต่กระบวนยุทธ์เทพราชันเกราะทองสี่รูปแบบ...”
“ส่วนท่วงทำนองฐานะเทพนักรบก็ยังมืดดำ อ่านไม่ได้...”
“ส่วนท่วงทำนองของวิเศษก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร...เอ๊ะ? ไม่สิ ส่วนนี้มีเนื้อหาปรากฏมาแล้ว มีอะไรกำลังส่งกลิ่นอายวาววับอยู่...แต่ว่า ‘ผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่ง’ นี่มันดีอย่างไรกันหรือ?”
แสงนั้นแสดงว่าอ่านได้
เ่ิูมองอย่างละเอียด สิ่งที่วับวาวอยู่คือสิ่งของหน้าตาเหมือนไม้ไผ่อ่อน ดูจากภาพตัวอย่างแล้ว ของจริงน่าจะยาวสักครึ่งเมตร ้ามีอัญมณีข้างนอกขาวข้างในดำอยู่ มองผ่านๆ เหมือนลูกตา
ของสิ่งนี้มีนามว่า ‘ผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่ง’
ดีอย่างไรกันเล่า?
เ่ิูคิดในใจครู่หนึ่ง ก็ััได้ถึงเนื้อหาในส่วนนี้ พลันในทะเลสำนึกก็รับรู้ข้อมูลส่วนหนึ่งมา
เขารู้ประโยชน์ของเ้าของวิเศษ ‘ผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่ง’ นี่แล้ว
“ฮ่าๆๆ นี่มันเหมือนคนจะนอนแล้วมีใครส่งหมอนนุ่มๆ มาให้เลย ดีแล้ว แบบนี้ฆ่าพวกหงส์ฟ้าได้แน่!”
...
ถนนทิศอุดร
่เี่ิกับซ่งชิงหลัวกำลังติดพันศึกอยู่
พี่น้องสองนางนี้ก็เข้าอาณาน้ำพุิญญาแล้วเช่นกัน ในตันเถียนล้วนบุกเบิกน้ำพุิญญาได้หนึ่งตา ่เี่ิฝึกมาเป็สายอัคนี มีพลังควบคุมอัคคี และซ่งชิงหลัวฝึกเป็สายธาตุไม้ มีพลังควบคุมสิ่งที่เป็ไม้ได้
ทัพนักรบและทัพปีศาจหลายร้อยคนมะรุมมะตุ้มกันดุเดือด เสียงกู่ร้องสังหารดังะเืฟ้า คาวเืปกคลุมทั่วถนนหุบเขาทั้งสาย โลหิตหลั่งเป็วารีเื...