เขาย้อนนึกถึงความลำบากตรากตรำที่ทนกับความหนาวเย็นเข้ากระดูก ท่ามกลางลำธารน้ำแข็งที่ทำให้คนแข็งตายได้ ยังจำต้องลงไปจับปลาขึ้นมา หากไม่ใช่ถูกหลิวสี่กุ้ยกับหลิวเหรินกุ้ยลากปลาไปกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือก็เข้าปากหลิวเสี่ยวหลันหรือไม่ก็พ่อกับแม่ ส่วนภรรยากับลูกของตนนั้นได้เพียงลิ้มรสเพียงนิด
ยิ่งนึกเปรียบเทียบกับผู้อื่น ก็ยิ่งรู้สึกว่าครอบครัวของตนใช้ชีวิตอย่างอนาถาเหลือเกิน
“แม่ของลูก ก่อนหน้านี้...” หลิวซานกุ้ยรู้สึกละอายใจ
เขาคิดเสมอว่า ตราบใดที่พยายามเชื่อฟังพ่อแม่ พ่อแม่ต้องเห็นว่าเขาคือบุตรชายคนหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่หัวจิตหัวใจของหลิวฉีซื่อนั้นทำจากก้อนหิน ถึงจะอุ่นอย่างไรก็ไม่มีทางร้อน
ทั้งสองพูดคุยกันในห้องสักพัก แล้วพวกเขาก็รู้สึกว่าความรักของทั้งสองก็ยิ่งหนักแน่นและลึกซึ้ง
หัวใจของจางกุ้ยฮัวรู้สึกถึงความหวานในใจมากขึ้น
อาหารเช้าผ่านไปอย่างเงียบสงบ วันนี้กระเพาะของหลิวฉีซื่อเหมือนเช่นทั่วไป กินเพียงโจ๊กขาวหนึ่งถ้วย และเลือกกินพริกกับแครอท
ดวงตาของหลิวเสี่ยวหลันยังคงกระสับกระส่ายจ้องมองไปที่ห้องทิศตะวันตกเป็ครั้งคราว
ความอยากอาหารของหลิวซุนซื่อเริ่มมีมาก แม้ว่าจะเป็โจ๊กมันเทศแต่ก็กินไปสองถ้วยใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงลูกที่เลือกกินของนาง ยังนั่งกินข้าวเช้าอย่างว่าง่าย
หลังทานมื้อเช้าเสร็จ หลิวเหรินกุ้ยได้เอ่ยกับหลิวซุนซื่อว่า “ข้าจะพาจื้อเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เข้าเมืองวันนี้ เ้าอยู่กับแม่ที่บ้านอีกสองสามวัน และในอีกไม่กี่วันข้าค่อยไหว้วานคนให้มารับตัวเ้ากลับไปในตำบล”
หลิวเต้าเซียงเห็นหลิวฉีซื่อและหลิวซุนซื่อต่างก็มีสีหน้าราบเรียบ มองออกว่า ทั้งสองคงเจรจากันด้วยเื่บางประการเนื่องจากห้าตำลึงเงินนั้น
จากนั้นหลิวเต้าเซียงไม่ได้ไปเก็บฟืนบนหลังเขา หากแต่ลากหลิวชิวเซียงมาด้วยกัน ขณะนี้หลิวชิวเซียงกำลังฝึกปักผ้าลายดอกพร้อมกับชุ่ยฮัวตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์ ส่วนนางก็ให้อาหารไก่ ทำความสะอาดเล้าไก่และลานบ้าน
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ครับ ลูกไก่ที่คุณเลี้ยงกำลังเข้าสู่่หลุดพ้นจากการรักษาความอบอุ่นแล้วครับ” เสียงของเ้าถั่วงอกดังขึ้นกะทันหัน
หลิวเต้าเซียงตอบอย่างใจเย็นว่า “เ้าสัตว์ปีศาจน้อย ขอบใจมาก ช่วยฉันดูหน่อยว่าอาหารกับน้ำพอหรือเปล่า นาย้าคะแนนมากกว่านี้ใช่ไหม?”
เ้าถั่วงอกสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดยอมรับชะตาชีวิตแล้ว เพื่ออนาคตของตนเอง สู้เขา!
เขาต้องถูกลดตำแหน่งจากผู้ตรวจสอบล่องหนเป็แรงงานอิสระของหลิวเต้าเซียง
กลัวว่าหลิวเต้าเซียงจะลืม เขาต้องเตือนอีกครั้งว่า “ โฮสต์ อย่าลืมเร่งการขยายพื้นที่หลังจากขายไก่นะครับ มีเพียงพื้นที่ขนาดใหญ่มากขึ้น ถึงจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้มากขึ้น คุณจะยิ่งทำเงินได้มากนะครับ”
“รู้แล้วน่า เ้าสัตว์ปีศาจน้อย ฉันจะทํางานหนัก นายก็ได้เห็นแล้ว หญิงสาวในยุคโบราณจะทำอะไรก็ไม่สะดวก กระทั่งเข้าห้วงมิติยังต้องหาโอกาส” หลิวเต้าเซียงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองลำบาก ฝ่ายผลิตสัตว์เลี้ยงของทางโปรดิวเซอร์ แม้ว่าจะโหดไปบ้าง แต่อย่างน้อยนางก็ได้ผลประโยชน์ มีเพียงต้องขยันหมั่นเพียร ถึงจะทำให้ฝันที่จะเป็เ้าของที่ดินผู้มั่งคั่งนั้นเป็จริง
“นอกจากนี้ นิสัยของย่าฉัน นายเองก็ใช่ว่าจะไม่เห็น เื่แบบนี้ฉันต้องทำแบบลับๆ ล่อๆ รออีกหน่อยถ้าแยกบ้านแล้ว เ้าสัตว์ปีศาจตัวน้อยวางใจได้ แม้นายจะไม่พูด ฉันก็จะพยายาม”
หลิวเต้าเซียงในโลกยุคปัจจุบันเป็ประเภทที่สามารถี้เีจนทุบสถิติใหม่ได้
หากสามารถเอนตัวนอนได้ ย่อมไม่มีทางนั่ง
“โฮสต์ครับ ผมตรวจมาแล้ว คุณต้องรีบทำเวลานะครับ น้ำเริ่มไม่พอ อาหารในคลังยังเหลือบ้าง แต่ก็คงอยู่ได้ไม่นาน ต้องรู้ว่ากาแล็กซีที่ผมอยู่นั้นมีความต่างด้านเวลากับที่ที่คุณอยู่มาก”
หลิวเต้าเซียงไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เป็วิทยาศาสตร์มากนัก ก่อนจะกล่าวอย่างเลอะเทอะ “เ้าสัตว์ปีศาจน้อย มั่นใจได้ ฉันจะหาโอกาสเข้าไปเติมน้ำและอาหาร แต่นายอย่าให้ฝ่ายโปรดิวเซอร์รู้เชียว”
หลังจากสอบถามมานานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดก็ได้ความจริงจากปากของเ้าถั่วงอกว่า มีผู้ตรวจสอบอยู่ทุกที่!
หากนาง้าทรัพยากรมากขึ้น ก็ต้องทํางานให้ดี และเ้าถั่วงอกเองก็ต้องประเมินคะแนนให้นางได้ระดับเอบวก เท่านี้นางก็จะได้รับรางวัล
“เ้าสัตว์ปีศาจน้อย นายต้องจําไว้ว่าให้คะแนนฉันสูงๆ ไม่อย่างนั้น คะแนนที่นายจะใช้อัพเกรดตนเอง ก็จะลากยืดยาวไปอีก หรือไม่ฉันอาจจะไม่ทันระวังหลุดออกจากโลกยุคโบราณนี้ นายคงต้องเปลืองแรงไปหาใหม่ อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไร ไม่แน่ว่านายอาจจะถูกขังไว้ในห้องมืด เวลาผ่านไป ฝ่ายโปรดิวเซอร์ถึงขั้นลืมนายไปเลยก็เป็เื่ที่พูดยาก บวกกับสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ก็มีของใหม่แทนที่เร็วเหลือเกิน นายลองคิดดู…”
ทันใดนั้น สมองของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดก็ตีกันเป็พัลวัน มันถูกตั้งค่าไว้ กฎระเบียบที่ต้องทำตามดันเกิดความขัดแย้งกับคำพูดของหลิวเต้าเซียง
“มันขัดแย้งกับกฎระเบียบของบริษัท และตัดสินไม่ได้ว่าคําพูดของโฮสต์นั้นมีเจตนาดีหรือร้าย”
หลิวเต้าเซียงไม่ได้คาดหวังว่าสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดจะโพล่งประโยคนี้ อีกทั้งนางดูเหมือนจะได้กลิ่นการเผาไหม้…
“เจตนาดี แน่นอนต้องดีอยู่แล้ว เ้าสัตว์ปีศาจตัวน้อย นายคิดดูนะ ถ้าฉันได้เอบวก ก็ต้องได้รับทรัพยากรที่มากกว่า และเมื่อได้รับทรัพยากรที่มากกว่าก็สามารถผลิตสัตว์เลี้ยงได้มากขึ้น จากนั้นผลิตผลที่ได้ก็ส่งให้กับบริษัท เท่านี้นายก็จะได้รับการชมเชยจากเบื้องบน เพราะว่ารายรับเยอะ คะแนนของนายก็จะมากยิ่งขึ้น เพราะว่าการแสดงความสามารถในเนื้องานของนายทำได้ดี นายก็จะได้รับการยอมรับจากบริษัทจนเป็ที่พอใจ”
เมื่อเผชิญกับคำพูดของหลิวเต้าเซียงเป็ชุดๆ ในที่สุดเ้าปีศาจก็ได้สติกลับมา “ครับ โฮสต์ คุณต้องพยายามแล้ว หากทำได้ดี ก็จะได้รับทรัพยากรที่มากขึ้น ส่งผลิตผลได้มากขึ้น สัตว์ปีศาจอย่างกระผมก็จะได้รับคะแนนมากขึ้น ไม่เกิดความขัดแย้งกับความคิดของบริษัท ตัดสินว่าเจตนาของโฮสต์เป็เจตนาดี ด้วยเหตุนี้ กระผมสัตว์ปีศาจยินดีที่จะเห็นด้วยกับโฮสต์ในจุดนี้ และจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
หลิวเต้าเซียงแอบถอนหายใจ โชคยังดี ในระบบของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดไม่ได้พูดถึงเื่การแอบเปลี่ยนแิ หลังจากทำให้จิตใจของตนเองมีมนุษยธรรม นางช่างเป็ประชากรชั้นดีจริงๆ ฮ่าๆ!
ด้วยการสนับสนุนของสัตว์ปีศาจตัวจิ๋ว การเพาะเลี้ยงของหลิวเต้าเซียงก็เริ่มมีความผ่อนคลาย สบายมากขึ้น
หลังจากให้อาหารไก่ นางก็ไปเล่นกับหลิวชุนเซียงที่อยู่ในเปลตรงบันได ส่วนหลิวชิวเซียงกำลังตั้งใจฝึกเย็บปักกับสาวน้อยชุ่ยฮัว
ในทํานองเดียวกัน สาวน้อยชุ่ยฮัวก็ดีใจยิ่งนัก เหตุใดน่ะหรือ ในที่สุดก็ได้เป็อาจารย์หญิง แม้ว่าลูกศิษย์หนึ่งเดียวคือหลิวชิวเซียงที่โตกว่านางหลายปี
นางตัดสินใจว่าต้องฝึกเย็บปักให้ดี ไม่ให้ลูกศิษย์ของตนนั้นดูถูกเอาได้
หลิวเต้าเซียงใช้มือยันคางไว้มองดูท่าทางแน่วแน่ของนาง จึงยิ้มอย่างนิ่งเงียบ!
ดูเหมือนว่าความปรารถนาของป้าหลี่กําลังจะเป็จริง!
อารมณ์ดีงามของสองพี่น้องคงอยู่ตลอด่เช้าจนถึงเที่ยง
หลิวซานกุ้ยกำลังพรวนดินในนากับผู้เป็พ่อ โดยหลิวต้าฟู่จูงวัวอยู่ด้านหน้า ส่วนเขากำลังพยุงคันไถ
อากาศในฤดูใบไม้ผลิทั้งร้อนและเย็นสลับกัน ตอนนี้ดวงอาทิตย์สาดส่องเต็มที่ ดินเปียกที่เพิ่งขุดขึ้นมาถูกส่องจนสว่าง
ใบหน้ามืดมนของหลิวต้าฟู่มีเหงื่อไหลย้อยลงมา เมื่อมองดูที่นาที่พรวนขึ้นมา ในสายตาของเขาก็เปี่ยมด้วยความหวัง ปีนี้หากน้ำฝนมากเพียงพอ ไม่แน่ว่าจะเป็อีกปีที่ได้รับผลผลิตสมบูรณ์
เมื่อนึกถึงลูกชายคนโตของเขาที่อยู่ห่างไกลในเมืองหลวง ใบหน้าก็มีความกังวลฉายออกมา
ยิ่งลูกชายอายุมากเท่าไร จำนวนคนในครอบครัวก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่แค่เพียงกังวลถึงพวกเขา แต่หลายปีมานี้ยังรู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม
“พ่อ ดูสภาพอากาศแบบนี้สิ คิดว่าน่าจะไม่มีฝนเลยใน่สองสามวันที่ผ่านมา ต้องรีบพรวนดินขึ้นมาตากแห้ง แล้วจะได้ปล่อยน้ำเข้ามา”
เมื่อได้ยินเสียงของหลิวซานกุ้ย หลิวต้าฟู่ก็ได้สติกลับมาอีกหน ไม่รู้เพราะเหตุใด วันนี้เขามองดูหลิวซานกุ้ยแตกต่างไปจากเดิม แต่ก็บอกไม่ถูกว่าตรงไหนที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามเหมือนว่าเขาดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
เมื่อนึกถึงวัยเด็กของเขา หลิวต้าฟู่ก็ถอนหายใจเงียบๆ แล้วตอบว่า “อืม ดูเหมือนว่าวันนี้จะสามารถพรวนดินได้หมดทั้งนา อีกเดี๋ยวกลับไปเร็วหน่อย และควรเริ่มหว่านเมล็ดได้แล้ว”
“ท่านพ่อ ข้าได้ยินแม่ข้าบอกว่านางอยากไปเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน” หลิวซานกุ้ยถามอย่างไม่เป็ทางการ
หลิวต้าฟู่ไม่ได้คิดอะไรมากและตอบว่า “ใช่ พี่สะใภ้ของเ้าตั้งครรภ์ แม่ของเ้ากังวล นาง้าที่จะไปดู ประจวบเหมาะจะได้พาน้องเล็กเ้าไปเปิดหูเปิดตาหน่อย พูดถึง นางเคยตามไปเมืองหลวงตอนสามขวบ เกรงว่าคงจำไม่ได้แล้ว”
“อ่อ!” หลิวซานกุ้ยตอบด้วยน้ำเสียงต่ำและกล่าวว่า “และต้องส่งเงินให้พี่ใหญ่ หวังว่าปีนี้จะอุดมสมบูรณ์ ค่าใช้จ่ายในบ้านสูงขึ้นทุกปี ท่านพ่อ ท่านเองก็อายุมากแล้ว”
หลิวต้าฟู่พยักหน้ายอมรับว่าหลิวซานกุ้ยพูดถูกและถอนหายใจว่า “ซานกุ้ย แม้ว่าแม่ของเ้าจะลำเอียงไปหน่อย แต่สิ่งที่ควรทําเพื่อเ้าก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่อง”
หลิวซานกุ้ยเม้มริมฝีปาก มองไปยังผู้เป็พ่อด้วยแววตาที่ยากจะเดาความคิดได้แล้วเอ่ย “ท่านแม่ลำเอียง แต่ก็ไม่ควรลำเอียงมากเกินไป ท่านพ่อ ท่านกับท่านแม่อายุมากแล้ว ส่วนพี่ใหญ่กับพี่รองเอาแต่ขอเงินกับทางบ้าน ในใจลูกก็ไม่สบายใจ ที่นาสี่สิบแปลงบ้าน ก็เป็ข้ากับพ่อที่ตรากตรำหาเงิน บ้านเราแม้จะมั่งมีในชนบท แต่หากเจอภัยแล้งก็ใช่ว่าจะอยู่เป็สุขได้”
หลิวต้าฟู่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆ และตอบว่า “เ้าเป็คนเชื่อฟัง พ่อรู้ว่าหลายปีมานี้เอาเปรียบเ้า เพียงแต่พี่ใหญ่กับพี่รองเ้าอยู่ข้างนอกก็ไม่ง่าย ส่วนหลานชายของเ้าทั้งหลายหากได้ดิบได้ดี อย่างน้อยก็คงช่วยเกื้อหนุนเ้าได้บ้าง พ่อเองไม่ได้ปรารถนาสิ่งใด เพียงแต่ขอให้สะใภ้กับเ้าสามารถคลอดลูกชายได้สักคน”
เท่านี้เขาก็จะไม่รู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่กับพี่รองนั้นใช้ชีวิตไม่ง่าย แต่อย่างน้อยพวกเขายังสามารถเลี้ยงดูครอบครัวของตนเองได้ ลูกได้ยินมาว่าแม่ไม่เพียงแต่ให้พี่ใหญ่ห้าตำลึงเงิน ยังแบ่งให้พี่รองกับน้องสี่คนละห้าตำลึงเงิน ทุกคนต่างก็เป็คนที่แม่ให้กำเนิดมา มีเพียงในส่วนของข้า แม้ว่าสะใภ้ยังไม่ได้คลอดลูกชาย แต่ท่านแม่ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ เื่นี้ไม่ยุติธรรม ข้าลำบากลำบนมาทั้งปี ปรากฏว่า นอกจากเงินห้าร้อยอีแปะที่พ่อรับปาก ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยหยิบเอาเงินจากในบ้านแม้แต่แดงเดียว”
หลิวต้าฟู่ตกตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าบุตรชายคนที่สามที่ซื่อตรงมาตลอดจะเกิดความไม่ยินดี แล้วย้อนนึกถึงบุตรชายสี่คน มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่ได้ นับว่าไม่ยุติธรรม ยิ่งไปกว่านั้น…
วัวแก่ที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงมอๆ ทำให้ใจคนยิ่งกระสับกระส่าย เขาก้มลงมองผืนนาตรงเท้า ดินดำจนเป็ประกายเหมือนกำลังประกาศให้มนุษย์โลกรับรู้ว่า นี่คือผืนนาชั้นดี อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก
ดวงตาของหลิวต้าฟู่สั่นไหว ตัวเขาเหมือนกำลังมองดูผืนนา แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่
ผ่านไปชั่วครู่ ในที่สุดก็ถอนหายใจแล้วเอ่ย “ข้ารู้ว่าในใจเ้ามีความน้อยเนื้อต่ำใจ กลับไปเดี๋ยวข้าจะคุยกับแม่ของเ้า ควรจะเป็ธรรมให้มากกว่านี้ ครอบครัวก็ต้องอยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่ปรองดองถึงจะดี เฮ้อ แต่ก่อนนั้น ข้า…”
ในความเป็จริง เขาเสียใจมากที่ในอดีตรับปากเื่การหมั้นหมายแต่งงานครั้งนี้ เพียงแต่ตอนนั้นคนที่เป็คนตัดสินใจคือพ่อกับแม่ของเขา แม้นอยากคัดค้าน แต่ก็ไม่อยากถูกหาว่าอกตัญญู
ใน่หลายปีที่ผ่านมา เขาถูกตราหน้าว่าเป็เ้าบ่าวสีชมพู เขาเองก็ไม่ได้สุขใจ ดังนั้นถึงได้พาหลิวซานกุ้ยเข้าสวนทำไร่ทำนา ประหนึ่งกำลังป่าวประกาศว่าตนไม่ใช่เ้าบ่าวสีชมพู ไม่ได้้าเป็คนที่ตกถังข้าวสาร
หลิวซานกุ้ยไม่รู้ความคิดของหลิวต้าฟู่ เมื่อได้ยินพ่อรับปากเื่นี้จึงโล่งอก เติบโตมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็หนแรกที่เขาเอ่ยปาก เดิมทีนึกว่าหลิวต้าฟู่จะโมโห คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดผลลัพธ์กลับออกมาใช้ได้ทีเดียว
-----