“เป็เย่เฟิง เย่เฟิงมาถึงแล้ว!”
คนผู้หนึ่งจำผู้มาได้ในทันที จึงกล่าวเช่นนั้นด้วยท่าทีตื่นเต้น
บนอัฒจันทร์หลัก จ้าวซินอี๋ ผู้ฝึกยุทธ์วังเทพโอสถ และผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต่างมีท่าทีดีใจเมื่อเห็นเย่เฟิงปรากฏตัว
ด้านซือคงเสวียนที่อยู่บนเวทีประลอง เมื่อเขารู้ว่ามีคนมาก็ลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะลุกขึ้นยืน พร้อมมองเย่เฟิงด้วยสายตาเฉียบคม “คิดไม่ถึงว่าเ้าจะกล้ามา!”
“ฮ่า ๆ ๆ!” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็แค่นหัวเราะอย่างเ็า “เหตุใดข้าจะไม่กล้ามาเล่า เ้าสำคัญตัวเองมากเกินไปแล้ว!”
“จองหอง!”
ซือคงเสวียนเอาสองมือไพล่หลังพร้อมกับมีปราณาารายล้อมร่าง แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ให้ความรู้สึกกดดันกับผู้คนแล้ว
“อย่าคิดว่าเอาชนะสวะพวกนั้นก่อนหน้านี้ แล้วจะมีสิทธิ์สู้กับข้าได้ เ้ามันยังห่างชั้นกันอีกไกล!” ซือคงเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง ราวกับว่าเย่เฟิงเป็ลูกไก่ในกำมือของเขาที่มิอาจหนีรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้
“พล่ามอะไรเยอะแยะ ศิษย์สายตรงของรองเ้าสำนักชิงอวิ๋น วันนี้ข้าเย่เฟิงก็อยากขอคำชี้แนะยอดฝีมือเช่นเ้าสักหน่อย!” แม้เผชิญหน้ากับซือคงเสวียน เย่เฟิงก็ยังคงกล่าวเสียงเย็นโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ
“พวกสวะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ข้ากับองค์หญิงซินอี๋ต่างหากที่เป็คู่บุพเพสันนิวาส ข้าจะส่งเ้าไปลงนรกบัดเดี๋ยวนี้!”
ดวงตาของซือคงเสวียนเปลี่ยนไปฉายอย่างเย็นะเื เขาอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็พลังทำลายล้างที่น่ากลัว จากนั้นเขาวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิงโดยที่ไม่ขยับเขยื้อนตัวใด ๆ ทันใดนั้นฝ่ามือพลันอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง และพลังขีดสุดของขั้นยุทธ์แท้ได้ก่อตัวขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งเข้าหาเย่เฟิง
“ซือคงเสวียนลงมือแล้ว ศึกตัดสินสุดท้ายของการประลองยุทธ์เลือกคู่ในที่สุดก็ได้เริ่มขึ้นเสียที!” ผู้คนเห็นซือคงเสวียนลงมือจัดการเย่เฟิงต่างก็ตาลุกวาวขึ้นมาในทันใด และต่างก็พากันยินดีกับตัวเองที่ได้มาเป็พยานในศึกตัดสินสุดท้ายนี้
“เย่เฟิงผู้นี้มีฝีมือร้ายกาจ เป็ถึงอัจฉริยะของอาณาจักรจ้าวที่หาได้ยากในรอบหมื่นปี แต่เวลาฝึกของเขามีน้อย ตบะจึงห่างชั้นกับซือคงเสวียนมาก เกรงว่าศึกนี้โอกาสรอดคงมีน้อย!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว ถึงอย่างไรตบะของผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็ตัวกำหนดว่าศักยภาพของตัวผู้ฝึกยุทธ์จะแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อย ยิ่งตบะสูงก็ยิ่งได้เปรียบในการต่อสู้
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นคนต่อสู้ข้ามระดับถึงสองสามขั้น ซึ่งนั่นก็เรียกว่าเป็สัตว์ประหลาดแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนเอาชนะข้ามระดับถึงหกขั้นได้ อีกอย่างยังเอาชนะหวงเหยียนิและเว่ยเจิ้นเทียนได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างนั้น ศึกนี้พวกเขาไม่มีใครคิดว่าเย่เฟิงจะสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้ง เพราะว่าซือคงเสวียนไม่ใช่คนที่สองคนนั้นจะเทียบเคียงได้ เย่เฟิงก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
ผลลัพธ์ของศึกนี้ไม่ยากเกินที่จะคาดเดา เย่เฟิงสามารถเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของซือคงเสวียนได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว แต่หากจะเอาชนะอีกฝ่าย นั่นก็เป็แค่ความเพ้อฝันของคนสติไม่ดี
“วูบ!” เย่เฟิงยิ้มหยัน เขาเดินออกมาด้วยย่างก้าวดาวตกผีเสื้อระดับสูง พลันเงาร่างแปรเปลี่ยนเป็ลำแสงดาว ก่อนจะหลบหนีฝ่ามือของซือคงเสวียนในพริบตา
“เ้าคิดว่าหนีเช่นนี้จะมีประโยชน์หรือ?” ซือคงเสวียนเห็นเย่เฟิงหลบหนีการโจมตีแรกของเขาได้ก็เหยียดยิ้มดูถูก จากนั้นร่างเขาค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็ภาพลวงตาพร้อมกับพลังปราณพวยพุ่งออกจากร่าง
เพียงเวลาสั้น ๆ พลังปราณมหาศาลนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็กลุ่มหนวดยาวไร้ที่สิ้นสุด ก่อนจะพุ่งเข้าหาเย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง
เย่เฟิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ความเร็วของหนวดนั้นค่อนข้างไว พวกมันมาถึงตัวเขาในพริบตา ทั้งยังปิดล้อมพื้นที่รอบ ๆ ทำให้เย่เฟิงหมดทางหนีทีไล่
“ทลาย!” เย่เฟิงแผดเสียงคำรามด้วยโทสะ พลันอำนาจหอกพวยพุ่งออกจากร่างเขา พร้อมเข้าผสานกับปราณอันแหลมคมที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ก่อนจะทำลายหนวดพวกนั้นไม่ยั้ง ตามมาด้วยเสียงฉึกฉับอย่างต่อเนื่อง หนวดพวกนั้นถูกรังสีหอกตัดขาด ก่อนจะกลายเป็ประกายดาวแล้วสลายหายไปท่ามกลางอากาศ
“อีกรอบ!” ซือคงเสวียนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย จากนั้นเห็นเขาร่ายสองฝ่ามือไปมา ก่อนจะมีพลังหยวนฟ้าดินมารวมตัวและแปรเปลี่ยนเป็ใบมีดพลังหยวนอันคมกริบนับไม่ถ้วน พร้อมปลดปล่อยปราณอันแหลมคม พวกมันบุกโจมตีเย่เฟิงอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทั้งยังส่งเสียงดังแสบแก้วหูออกมา
“วูบ!”
เย่เฟิงเห็นฉากตรงหน้ากลับไม่หลบหลีกใด ๆ แต่นำหอกัเงินประกายออกมาและแทงสวนกลับไปทันที ก่อนรังสีหอกราวคลื่นทะเลเข้าปะทะกับใบมีดพวกนั้น ตามมาด้วยเสียงโลหะกระทบต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเย่เฟิงก้าวออกมาโดยใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อระดับสูง ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าซือคงเสวียนในวินาทีต่อมา พร้อมกับแทงหอกที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างโจมตี
“ไปให้พ้น!” ซือคงเสวียนเห็นว่าการโจมตีทั้งสองครั้งของตนทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นพลังปราณเปลี่ยนไปบ้าคลั่งขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตี ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น การโจมตีของทั้งสองคนปะทะกันที่กลางอากาศ พร้อมคลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่
การโจมตีของซือคงเสวียนบ้าคลั่ง ตบะของเขาก็ยังสูงส่ง เย่เฟิงจึงถูกซัดร่างกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว ลมปราณแตกซ่านเล็กน้อย
“ซือคงเสวียนแข็งแกร่งกว่าเว่ยเจิ้นเทียนตามคาด หากข้ายังไม่ปล่อยไพ่ตายที่มีอยู่ทั้งหมด เกรงว่าจะเสียเปรียบมาก” เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมเผยสีหน้าจริงจัง
“พลังโจมตีของซือคงเสวียนทรงพลังมาก เย่เฟิงผู้นั้นทนมาจนถึงจุดนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว หากเป็แบบนี้ต่อไป ไม่ถึงสิบกระบวนท่า เย่เฟิงผู้นั้นคงต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!” ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนต่างคิดเช่นนี้เมื่อเห็นซือคงเสวียนเริ่มขึ้นเป็ฝ่ายได้เปรียบ พวกเขามองออกว่าเย่เฟิงใจสู้แต่กำลังไม่สู้ อีกไม่นานคงถูกซือคงเสวียนบดขยี้เป็แน่
บนอัฒจันทร์หลัก องค์าาจ้าว จ้าวซินอี๋ องค์ชายใหญ่จ้าวหยาง และองค์ชายรองจ้าวเยี่ยต่างชมการต่อสู้นี้ด้วยความสนใจเป็พิเศษ
“เย่เฟิง เ้าต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้นะ!” จ้าวซินอี๋คิดในใจพร้อมกำมือแน่นด้วยสีหน้าเป็กังวล ตอนนี้สิ่งที่นางทำได้มีเพียงเป็กำลังใจให้เย่เฟิงเท่านั้น
“ไม่เจียมตัวจริง ๆ คิดว่าเอาชนะเว่ยเจิ้นเทียนแล้วจะสู้กับซือคงเสวียนได้งั้นหรือ? ลำพังพลังแค่นั้น แต่คิดจะเป็ราชบุตรเขยเนี่ยนะ? มันไม่มีวันเกิดขึ้นได้หรอก!”
ดวงตาขององค์ชายใหญ่จ้าวหยางเผยประกายความดูถูก ตอนนี้นอกจากความเกลียดชังที่เขามีต่อเย่เฟิงแล้ว ก็ยังมีความอิจฉาริษยาเย่เฟิงที่มีตบะอ่อนด้อยแต่กลับมีพลังไร้เทียมทาน
“ข้าบอกแล้วไง เ้ามันไม่คู่ควรที่จะอยู่ต่อหน้าข้า หากเ้ายอมแพ้ตอนนี้ก็ยังทันนะ ตราบใดที่เ้าคุกเข่าขอโทษ บางทีข้าอาจเห็นใจเมตตาแล้วไว้ชีวิตกากเดนเช่นเ้าก็เป็ได้!” ซือคงเสวียนกล่าวดูถูกเช่นนั้น พร้อมพลังต่อสู้อันทรงอานุภาพพวยพุ่งออกจากร่างเขา ประหนึ่งาาแห่งาที่แท้จริงก็ไม่ปาน
“นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น น่าขันนักที่เ้ามาพล่ามไร้สาระเช่นนี้ ช่างน่าเวทนา!” เย่เฟิงยิ้มหยันด้วยความดูแคลน เขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร? จากนั้นเห็นเขาขยับหอกในมือ ก่อนจะแทงโจมตีอีกครั้ง ซึ่งหอกนี้เย่เฟิงได้เพิ่มอำนาจหอกให้ถึงขั้นกายา พลังทำลายล้างเพิ่มขึ้น หนึ่งหอกจึงสามารถทะลุทุกสิ่งได้
“หาที่ตาย!”
ซือคงเสวียนเผยสีหน้าเย็นเยียบ เขาวาดฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลเข้าโจมตี ทว่าวินาทีที่ฝ่ามือของซือคงเสวียนเข้าปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิง สีหน้าของซือคงเสวียนกลับเปลี่ยนไป ก่อนจะชักฝ่ามือตนกลับมาด้วยความรวดเร็ว พร้อมร่นถอยหลังทันที
“ฟิ้ว!” เสียงลมพลันดังขึ้น หอกที่เย่เฟิงแทงมาราวกับพาดผ่านห้วงอากาศ มันทำลายพลังหยวนที่ปกคลุมรอบฝ่ามือของซือคงเสวียนแตกสลายทันที ก่อนจะแทงไปยังกลางฝ่ามือของเขา หากซือคงเสวียนไม่ตอบสนองเร็วเพียงนั้น เขาคงต้องถูกรังสีหอกที่น่าสะพรึงกลัวนั้นแทงทะลุฝ่ามือเป็แน่
“เป็ไปได้ยังไง? อำนาจหอกที่เ้าบรรลุอยู่ขั้นกายา เ้าทำได้อย่างไรกัน?”
ซือคงเสวียนถอยหลังไปอย่างรวดเร็วพร้อมเผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา เขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด มีพลังแห่งอำนาจขั้นผันแปร่ปลายซึ่งถือว่าเก่งมากแล้ว ก่อนหน้านั้นเย่เฟิงผู้นี้สำแดงอำนาจฟ้าดินขั้นกายาออกมาให้เห็น ทำผู้คนตื่นตระหนกกันอย่างมาก ทั้งยังทำให้ซือคงเสวียนรู้สึกอิจฉา แต่บัดนี้คาดไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะสำแดงอำนาจประเภทที่สองออกมาอีก ทั้งยังเป็อำนาจขั้นกายาเช่นเดียวกัน แล้วจะไม่ทำให้ซือคงเสวียนตะลึงได้อย่างไรกัน?
ตอนที่ซือคงเสวียนเอ่ยถ้อยคำพวกนั้น ผู้ฝึกยุทธ์ในที่แห่งนั้นต่างก็นิ่งงันไปชั่วขณะ เย่เฟิงนั้นตั้งใจกดพลังแห่งอำนาจขั้นกายามาตลอด ทุกคนจึงไม่รู้ว่าอำนาจหอกของเขาบรรลุขั้นกายาแล้ว นี่ทำให้พวกเขาขนลุกขนพองไปตาม ๆ กัน
“อำนาจขั้นกายาคู่ คิดไม่ถึงว่าเย่เฟิงผู้นี้จะตระหนักรู้อำนาจขั้นกายาคู่ได้” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความใ และไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนได้ยินมาว่าเป็ความจริง
“น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว บรรลุอำนาจขั้นกายาคู่ พร์ของเย่เฟิงผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเขายังเป็มนุษย์หรือไม่?”
นาทีนี้ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมกับมองเย่เฟิงด้วยสายตาราวกับมองสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน
“กบในกะลา มีสิทธิ์อะไรที่จะรู้เื่ของข้า?”
บนเวทีประลอง เย่เฟิงกล่าวกับซือคงเสวียนด้วยท่าทีดูถูกเหยียดหยาม ในความเป็จริงแล้วอำนาจหอกของเขาบรรลุขั้นกายา่ปลายนานแล้ว เพียงแต่เย่เฟิงไม่ได้เปิดเผยออกมาทั้งหมดก็เท่านั้น
“หอกดุจั!”
เย่เฟิงไม่อยากพูดไร้สาระกับซือคงเสวียน พลันรังสีหอกที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างพวยพุ่งออกมา และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
“มีอำนาจขั้นกายาคู่แล้วอย่างไร? วันนี้เ้าก็ต้องถูกข้าบดขยี้อยู่ดี!”
ซือคงเสวียนสมกับเป็อัจฉริยะชั้นยอด หลังจากตกตะลึงใน่สั้น ๆ ก็กลับมาเกรงขามเช่นเดิมได้อีกครั้ง จากนั้นปรากฏดาบสีครามเล่มหนึ่งในมือเขา ก่อนจะตวัดโจมตีรังสีหอกของเย่เฟิง
“ตูม!” เสียงะเิดังกังวานไปทั่วฟ้าดิน อาวุธสองชิ้นเข้าปะทะกันพร้อมกับเกิดเป็ประกายไฟ
แม้พลังแห่งอำนาจของซือคงเสวียนจะสู้เย่เฟิงไม่ได้ แต่เขาก็อาศัยตบะอันสูงส่งเข้าต่อกรกับพลังแห่งอำนาจของเย่เฟิง
รังสีดาบและรังสีหอกฟาดฟันกันไปมาท่ามกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการออกกระบวนท่าของทั้งสองคนที่เร็วเกินไป ทำให้คนส่วนใหญ่มองตามด้วยตาเปล่าไม่ทัน
“ทรงพลังมากเกินไปแล้ว! นี่สิศึกตัดสินสูงสุดที่แท้จริง คิดไม่ถึงว่าฝีมือของเย่เฟิงจะมาถึงจุดที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ ตบะขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่ก็ต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดอย่างซือคงเสวียนได้ หากตบะของเขาบรรลุขั้นยุทธ์แท้สูงสุด เช่นนั้นจะน่ากลัวเพียงใดกันนะ?”
ผู้คนเห็นเย่เฟิงและซือคงเสวียนต่อสู้กันอย่างดุเดือดต่างก็ใจเต้นโครมคราม บัดนี้คำจำกัดความของอัจฉริยะที่อยู่ในใจของพวกเขาได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
“วี้ด!”
เสียงนกร้องขึ้นฉับพลัน ผู้คนพบว่าเงาวิหคเทพปรากฏตัวที่ด้านหลังของซือคงเสวียน ซึ่งก็คือิญญาาาาเผิงของเขา
ิญญาาาาเผิงกู่ร้องเสียงดังกังวาน ทันใดนั้นมันกระพือปีกอันใหญ่โตก่อนจะบินโฉบเข้าหาเย่เฟิง พร้อมกางกรงเล็บอันแหลมคมคู่นั้นที่สามารถฉีกกระชากร่างเย่เฟิงให้เป็ชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย!
