หลังจากที่จ้านอู๋มิ่งฟื้นคืนความทรงจำของชาติภพที่แล้ว เขาก็เริ่มฝึกฌานบ่มเพาะพลังตามคัมภีร์ "เคล็ดวิชาจักรพรรดิเหมันต์" ศักยภาพความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาระดับฟ้านั้นไม่เพียงแต่สามารถระดมพลังแห่งฟ้าดินได้อย่างง่ายดายเท่านั้น ความสามารถในการหยิบยืมพลังยังอยู่ในระดับลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น กายภาพของผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาระดับฟ้านั้นใกล้เคียงกับองค์ประกอบพลังของฟ้าดิน และจ้านอู๋มิ่งยังมีประสบการณ์ของชาติภพก่อน ชาติภพที่แล้วเขาสามารถใช้ "เคล็ดวิชาจักรพรรดิเหมันต์" ถึงจุดสูงสุดได้แต่แรกเนิ่นนานแล้ว ดังนั้นยามที่เขาเริ่มโคจรพลัง "เคล็ดวิชาจักรพรรดิเหมันต์" พลังน้ำแข็งอันหนาวเหน็บที่ก่อตัวขึ้นจึงน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
ความหนาวเหน็บและความร้อนแรงกัน ทะยานเข้าทำลายจุดตันเถียนดุจดาวเคราะห์ชนกับโลกก็มิปานแล้วกระจายออกกลายเป็ไอตลอดเวลา แต่เพราะติดอยู่ในกระถางั์จึงมิสามารถกระจายออกได้ เพลิงใต้กระถางเหมือนกำลังหลอมกลั่นโอสถก็มิปาน หลอมรวมพลังความเย็นและความร้อนที่กระจายกลายเป็ไอเข้าด้วยกัน แล้วซึมซับย้อนกลับเข้าสู่ร่างจ้านอู๋มิ่งอีกครั้ง
จ้านอู๋มิ่งในเวลานี้เสมือนเม็ดโอสถทองเม็ดหนึ่งที่อยู่ในขั้นตอนระหว่างการหล่อหลอม พลังโอสถน่าสะพรึงกลัวภายในกระถางั์ พลังน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ พลังจิติญญาเพลิงเข้มข้นรุนแรงเป็สารอาหารหล่อเลี้ยงของเม็ดโอสถระหว่างหลอมรวม กลั่นผันแปริัและกล้ามเนื้อตลอดจนกระดูกทุกส่วนของจ้านอู๋มิ่ง ในเวลาเดียวกันพลังแห่งนิพพานเช่นกฎเกณฑ์ฟ้าดินกำลังก่อเกิดภายในร่างของจ้านอู๋มิ่ง ค่อยๆ ซ่อมแซมความเสียหายในร่างกายจ้านอู๋มิ่งทีละน้อยดุจดั่งตัวหนอนไหมแห่งวสันตฤดูกำลังกัดแทะใบหม่อน…
กระบวนการทั้งหมดนี้จ้านอู๋มิ่งเองก็คาดมิถึงเช่นกัน ตอนที่ได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์มา จ้านอู๋มิ่งนึกถึงความคิดหาญกล้าอันงมงายในโอสถของชาติภพที่แล้วขึ้นมาได้ ใช้พลังแห่งนิพพานของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์หลอมเม็ดโอสถ์ ชาติภพที่แล้วไม่เคยมีใครทดลองใช้เม็ดโอสถ์ชนิดนี้มาผลัดเปลี่ยนความแข็งแกร่งของร่างกายมาก่อน นั่นเพราะเงื่อนไขมากมายเกินไป
ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์หาได้ยากยิ่งนัก มิว่าผู้ใดได้มาล้วนถือเป็สมบัติอันล้ำค่าสูงส่ง กลีบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เพียงกลีบเดียวก็สามารถสร้างจักรพรรดิาได้ผู้หนึ่ง ผู้ใดจะใช้กลีบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์สองกลีบกับปรมาจารย์นักยุทธ์ผู้หนึ่งทดลองหลอมเม็ดโอสถ์ที่ยังมิมีผู้ใดทำสำเร็จมาก่อน นอกจากนั้นยังจำเป็ต้องใช้หินอัคคีิญญาและโอสถแปลกพิสดารอีกเป็จำนวนมาก
จ้านอู๋มิ่งเคล็ดวิชาการฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิตของ "คัมภีร์เทพอนัตตา" ทราบมรรคาผลัดเปลี่ยนกายเนื้ออันศักดิ์สิทธิ์อย่างลึกซึ้งและมีประสบการณ์ของเทพเ้าาในชาติภพก่อน ในขณะเดียวกัน เขายังมีดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ที่สมบูรณ์ทั้งต้น เพียงแต่เขาคาดคิดไม่ถึงว่าฤทธิ์ของโอสถ์จะเข้มข้นรุนแรงถึงเพียงนี้ ด้วยจิตปณิธานแน่วแน่ดั่งศิลาหินผาเช่นเขาก็ยังมิสามารถทนทานได้
“อ๊ากกก…” จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำคราหนึ่ง ในห้วงคำนึงเสียง “บูมมม” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง เหมือนกำแพงผนังด้านหนึ่งถูกพังทลายลง ความรู้สึกที่บอกกล่าวมิถูกชนิดหนึ่งตื่นขึ้นมาจากส่วนลึกของจิติญญา เศษชิ้นส่วนความทรงจำที่กระจัดกระจายค่อยๆ แปรเปลี่ยนชัดเจนขึ้นมา
……
"ซีรั่ว...ซีรั่ว..." จ้านอู๋มิ่งพลันฟื้นตื่นขึ้นมา สติอารมณ์ยังไม่หวนคืนจากความทรงจำเมื่อครู่นี้
จ้านอู๋มิ่งไม่ทราบว่าตนเองสลบไสลไปนานเท่าไร ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาพบว่าพลังอันคลุ้มคลั่งภายในกระถางั์ลดลงมากแล้ว พลังที่โจมตีใส่ตนก็อ่อนแรงลงยิ่งนัก แต่ว่าภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ชัดเจนปานนั้น เหมือนดั่งเกิดขึ้นกับตนเองมิมีผิด หรือว่านี่คือตัวตนจริงๆ ของตน วันนั้นในป่าสัตว์อสูรตนถูกสิ่งประหลาดที่บรรยายมิถูกร่วงหล่นใส่ ใช่เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของิญญาตนจริงๆ หรือไม่ที่ย้อนเวลากลับมาจากอนาคตเพื่อมอบความรู้และแรงพลักดันให้ตน?
จ้านอู๋มิ่งสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง รวบรวมจิตสมาธิพึมพำขึ้นว่า "ไม่ว่าความทรงจำนี้จะจริงหรือเท็จ ในชาติภพนี้ ข้าจะมิให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกอย่างเด็ดขาด หากคนเ่าั้ปรากฏตัวขึ้นในอนาคตจริงๆ เช่นนั้นก็ขอให้พวกมันมาเถอะ ในชีวิตนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องถูกเปลี่ยนแปลง ซีรั่ว ข้าจะต้องตามหาเ้าให้พบและมอบชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมให้เ้า!"
จ้านอู๋มิ่งที่ตั้งสติกลับคืนมาพลันรู้สึกว่าร่างกายของตนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน พลังอนัตตาภายในร่างกายตนกลับโคจรด้วยตัวเอง ในขณะที่จิตสำนึกของเขาวุ่นวายสับสน ดูดซับพลังธาตุอันรุนแรงคลุ้มคลั่งภายในกระถางั์ พลังธาตุอันบ้าคลั่งนี้ไม่ได้ถูกดูดกลืนเข้าไปในจุดตันเถียน แต่กระจายเข้าสู่เส้นชีพจรลมปราณต่างๆ ทั่วร่างกาย เข้าสู่ภายในกระดูกและกล้ามเนื้อทั่วทุกส่วนของร่างกาย
จ้านอู๋มิ่งตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวง สำรวจลึกเข้าไปในร่างกาย ต้องตกตะลึงด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่าจุดตันเถียนของตนถึงกับแปรเปลี่ยนเป็กระแสวกวนโกลาหลผืนหนึ่ง ยามพลังธาตุฟ้าดินไหลผ่านก็ถูกกระแสวนเหวี่ยงกระเด็นออก เข้าไปอยู่ในเส้นชีพจรและกายเนื้อทั่วร่างอีกครั้ง จุดตันเถียนไม่สามารถสะสมพลังธาตุฟ้าดินได้เลยแม้แต่น้อยนิด จ้านอู๋มิ่งตื่นตระหนกยิ่งนักจนหน้าถอดสี ตนเองมิใช่กลายเป็คนพิการไปแล้วหรือ...
จิตสมาธิของจ้านอู๋มิ่งฉุกคิดวูบ รีบโคจรพลัง "เคล็ดวิชาจักรพรรดิเหมันต์" ขึ้นมา พลังปราณสุดหนาวเหน็บสายหนึ่งโลดแล่นจากเส้นชีพจรออกมาทันใด พลันอุณหภูมิภายในกระถางั์ลดฮวบลงกะทันหัน พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของจ้านอู๋มิ่งทะลุทะลวงขึ้นไปอีกสองขั้น บรรลุปรมาจารย์นักยุทธ์ระดับหกดาวแล้ว
จ้านอู๋มิ่งงวยงงแล้ว นี่มันเื่อะไรกัน พลังธาตุฟ้าดินของผู้อื่นสะสมในจุดตันเถียน ตนเองอาศัยเคล็ดวิชาหลอมเม็ดโอสถ์สำเร็จ ทว่ากลับทำลายจุดตันเถียนไปแล้ว แต่พลังธาตุฟ้าดินภายในร่างกลับไม่สูญสลาย ตรงกันข้าม กลับทำให้เส้นชีพจรของตนกลายเป็ภาชนะรองรับพลังธาตุฟ้าดินไป ปริมาณของพลังกลับมากกว่าตันเถียนอย่างห่างไกลกันจนสุดกู่ พลังธาตุที่สะสมในชีพจรแต่ละเส้นเทียบเท่าจุดตันเถียนก่อนหน้า ดังนั้นตอนนี้ความเข้มข้นของพลังธาตุฟ้าดินภายในร่างจึงมากกว่าเดิมสิบเท่า ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้จ้านอู๋มิ่งมิเข้าใจ และก็เกินกว่าขอบเขตความรู้ในเหตุและผลของเขา ไม่ทราบว่าเป็ข้อดีหรือข้อเสีย
จ้านอู๋มิ่งรีบสำรวจภายในร่างกายตนอีกครั้ง ตระหนักอย่างนอกเหนือความคาดหมายว่าเส้นชีพจรทั้งหมดของตนเชื่อมต่อถึงกันหมด กล้ามเนื้อทั้งหมดแต่ละส่วนล้วนสามารถะเิพลังออกมาอย่างรุนแรงสุดเปรียบปาน กระดูกภายในร่างกายสามส่วนเปลี่ยนเป็โปร่งแสงแวววาว ผิวราบเรียบสว่างสดใสดุจศิลาหยกก็มิปาน ถึงกับทะลวงผ่านบรรลุขอบเขตด่านรู้ชะตาขั้นต้นแล้ว เมื่อครู่ภายในกระถางโอสถได้ดูดซับองค์ประกอบธาตุที่เป็แก่นของหินอัคคีิญญาและเพลิงปฐีใต้พสุธามิขาดสาย "คัมภีร์เทพอนัตตา" ในห้วงคำนึงกลับกระตุ้นร่างกาย โคจรพลังปราณขึ้นมาเอง เวลานี้ภายในร่างกายมีพลังปราณเที่ยงแท้ที่แตกต่างเพิ่มมาอีกสายหนึ่ง
"ปราณเที่ยงแท้อนัตตา!" หากนำความเข้มข้นของปราณสายนี้มาเปรียบเป็ศิลาทองคำ เช่นนั้นแล้วพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของฟ้าดินนี้แทบจะเทียบได้กับสำลี ระหว่างพลังสองชนิดมีความแตกต่างเป็รูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจน
"เคล็ดเม็ดโอสถ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ!" จ้านอู๋มิ่งพึงพอใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนเองเป็อย่างยิ่ง ถึงแม้สิ้นเปลืองของล้ำค่าไปมากมายและต้องใช้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ถึงห้ากลีบ แต่กลับยกระดับศักยภาพและพลังแฝงของตนเองเพิ่มขึ้นกว่าชาติภพที่แล้วมากมายนัก หากตนบ่มเพาะถึงระดับขอบเขตมหาจักรพรรดิา เช่นนั้นพลังธาตุฟ้าดินภายในร่างกายตนก็จะแข็งแกร่งกว่าชาติภพที่แล้วมากกว่าสิบเท่า ใต้หล้าจะยังมีผู้ใดหาญกล้าต่อกร? แม้แต่ทัณฑ์สายฟ้าขั้นสุดท้ายชั้นที่เก้า ก็สามารถผ่านไปอย่างง่ายดาย ถึงแม้ตอนนี้จะยังมิทราบว่าการเปลี่ยนแปลงของจุดตันเถียนจะดีหรือไม่ดี แต่ร่างกายตนมีเค้าลางที่สามารถรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของฟ้าดิน ท่ามกลางความมืดมิดกลับรู้สึกได้ว่าบางทีสักวันหนึ่งจุดตันเถียนของตนจะฟื้นคืนกลับมา
นอกจากนี้ ตนบรรลุการบ่มเพาะพลังชีวิตของขอบเขตด่านรู้ชะตาขั้นต้นแล้ว พลังฝีมือเพียงพอรับมือราชันาระดับต้น เขาััได้อย่างชัดเจนว่า การฝึกฌานบ่มเพาะพลัง "คัมภีร์เทพอนัตตา" ยกระดับขอบเขตพลังแตกต่างกับการฝึกเคล็ดวิทยายุทธ์การต่อสู้อื่นๆ โดยสิ้นเชิง ในแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ไม่มีขอบเขตใดที่สามารถชี้วัดความแข็งแกร่งของพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาได้เลยจริงๆ เวลานี้ในสายตาผู้อื่น เขาก็เป็เพียงปรมาจารย์นักยุทธ์น้อยๆ คนหนึ่ง แต่ว่าความแตกต่างของพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาและพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ทำให้เขาแม้ต้องเผชิญหน้าจักรพรรดิาก็ไม่รู้สึกครั่นคร้ามแต่อย่างไร
จ้านอู๋มิ่งััได้อย่างชัดเจนว่า ในธาตุประจำชีวิตตนมีองค์ประกอบอันเข้มข้นของไฟ กำลังบำรุงหล่อเลี้ยงิญญาและชีวิตตนอยู่ตลอดเวลา ทำให้จิติญญาและกายเนื้อสนิทชิดเชื้อสุดเปรียบปาน ทั่วทั้งจิตสมาธิและจิติญญาเชื่อมถึงกันแแ่เป็ที่สุด คล้ายดั่งหลังการนิพพานได้ลอกคราบเดิมออกแล้วกลายร่างเป็เทวะ นี่ล้วนเป็ผลสืบเนื่องมาจากดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ทั้งสิ้น ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์เป็แก่นิญญาขององค์ประกอบธาตุไฟ กอปรด้วยพลังจิติญญาอัคคีที่แสนบริสุทธิ์ตามธรรมชาติของฟ้าดิน พลังนี้สามารถกลั่นกรองย่อยสลายสิ่งปนเปื้อนทั้งมวล นี่ก็เป็สาเหตุและเหตุผลว่าไฉนดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์จึงมีประสิทธิภาพของพลังศักดิ์สิทธิ์พระนิพพาน
หลายวันนี้ เขาอาศัยพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาดูดซับพลังองค์ประกอบธาตุอัคคีจำนวนมหาศาลของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์และศิลาอัคคีิญญาจนหมดสิ้น ไม่เพียงเสริมกายเนื้ออีกครั้ง อีกทั้งยังโคจรพลังผันแปรธาตุแห่งชีวิต ธาตุแห่งชีวิตคือแก่นแท้ของชีวิต ซ่อมแซมชีวิตคือบำรุงหล่อเลี้ยงธาตุ ่ชิงชะตาชีวิตคือแย่งชิงโชคชะตา องค์ประกอบธาตุแห่งฟ้าดินคือต้นธาร เป็แหล่งรวบรวมแก่นแท้ของธาตุแห่งชีวิต ดังนั้นจึงทำให้จ้านอู๋มิ่งกลั่นแปรองค์ประกอบธาตุอัคคีเป็ธาตุแห่งชีวิตของตนโดยมิรู้ตัว ยามนี้ระหว่างที่เขาหายใจเข้าและออก ร่างกายตระหนักถึงอารมณ์ความรู้สึกของฟ้าดิน ภายใต้การโคจรพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา องค์ประกอบธาตุอัคคีเบาบางระหว่างฟ้าดินถูกดูดซับมาหล่อเลี้ยงเติมเต็มพลังธาตุอัคคีของธาตุแห่งชีวิต เขาเชื่อมั่นว่าหากวันใดธาตุอัคคี ธาตุแห่งชีวิตได้รับการเติมเต็มโดยสมบูรณ์ พลังของเขาจะต้องบรรลุขั้นสูงสุดอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน
ขณะที่จิตสมาธิจ้านอู๋มิ่งล้วนจดจ่อกับการเรียนรู้ฝึกฝนผสมผสานกับฟ้าดินเช่นนี้ เขาประหลาดใจที่พบว่าบริเวณโดยรอบล้วนมีสีสันขึ้นมาแล้ว แม้กระทั่งกระถางั์เหนือเพลิงปฐี ล้วนเปล่งประกายสีอำพันเข้มข้นยิ่งนักออกมาสายหนึ่ง
"ถึงกับเป็จิติญญาเชาวน์ปัญญาเหนือธรรมชาติของผืนพสุธา!" จิตสมาธิของจ้านอู๋มิ่งผสมผสานเข้าสู่บริเวณโดยรอบท่ามกลางฟ้าดิน สามารถััแก่นแท้และธรรมชาติั้แ่กำเนิดของสรรพสิ่ง
ทันใดเขานึกขึ้นได้ "คัมภีร์เทพอนัตตา" บันทึกไว้ว่า
เส้นทางบ่มเพาะชีวิต หากสามารถรู้ชะตาชีวิต ย่อมสามารถทราบสิ่งบกพร่องในชีวิต!
รู้เส้นทาง ชีวิตมุ่งทะยาน!
รู้การเร่งเร้าของพรหมลิขิต!
รู้การถูกชักจูงโดยชะตาชีวิต!
หากการบำเพ็ญเพียรบ่มเพาะสามารถสำเร็จกายาอนัตตา ก็จะสามารถััรับรู้สรรพสิ่งของฟ้าดิน ทราบการซ่อมแซมฟื้นฟู ทราบการเป็เ้าของ ทราบความจำเป็ ทราบถึงจุดเด่น ทราบถึงจุดด้อย
จ้านอู๋มิ่งยินดีแทบคลั่ง ตนอาศัยเคล็ดวิชาเม็ดโอสถ์กลั่นกรองสิ่งสกปรกหลังกำเนิดจนหมดสิ้น ได้รับกายาก่อนกำเนิด และเนื่องจากพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาพลิกผันชะตาตนเองเชื่อมโยงถึงอนัตตา ขณะสำเร็จกายาก่อนกำเนิดผันแปรไปเป็กายาอนัตตา
ั้แ่บัดนี้ััที่รับรู้โดยจิตสมาธิ เห็นได้ชัดว่าเป็ไปตามที่ "คัมภีร์เทพอนัตตา" ระบุไว้ ััรับรู้พรหมลิขิตสรรพสิ่งของฟ้าดิน
จ้านอู๋มิ่งหยิบหญ้าสมุนไพรออกมาต้นหนึ่ง ใช้จิตสมาธิัั สามารถรับรู้ว่าบนหญ้าสมุนไพรมีปราณสีเขียวมรกตสะดุดตาสายหนึ่ง ตรงกลางยังกอปรด้วยเส้นสีสันแดงเหลืองผสมปนเปกันอยู่อีกหลายเส้น สีเขียวมรกตคือปราณจิติญญาของต้นหญ้า และเส้นสีสันแดงเหลืองผสมปนเปกันคือส่วนที่สามารถบำรุงธาตุชีวิต
คิดถึงตรงนี้เขาคล้ายดั่งมีส่วนรู้แจ้งแล้ว สรรพสิ่งของฟ้าดินมีจิติญญา คนมีชีวิตตอนแรกคือขาดแคลน ไม่มีความสมบูรณ์พร้อม มรรคาของความสมบูรณ์พร้อมก็คือใช้จุดเด่นเสริมจุดด้อย บำเพ็ญเพียรย้อนทวนฟ้าก็คือ่ชิงชะตาชีวิตของสรรพสิ่งกับฟ้าดิน เพื่อให้ชีวิตมีความสมบูรณ์พร้อม ไร้ข้อบกพร่อง ก็คือมิอาจอยู่เคียงข้างฟ้าดิน ดำรงอยู่เหนือกว่าฟ้าดินเป็การหลุดพ้น
ชั่วพริบตา มรรคาในชาติภพก่อนที่จ้านอู๋มิ่งดิ้นรนอย่างยากลำบากแสนเข็ญเืตาแทบกระเด็นก็มิอาจเข้าใจพลันหยั่งรู้กระจ่างแจ้งทันที การหลุดพ้นอย่างแท้จริงจำต้องมีความสมบูรณ์พร้อมในตัวเองก่อน และมิใช่ผ่านทัณฑ์สายฟ้าเหินขึ้นไปสู่เบื้องบน ชีวิตมีส่วนที่บกพร่อง ทัณฑ์สายฟ้าจึงอาจหาญปรากฏขึ้น หากชีวิตสมบูรณ์ไร้ข้อบกพร่อง แล้วฟ้าดินสามารถกระทำสิ่งใดข้าได้?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้