แสงจันทร์ในคืนมืดมนส่องประกายลงมายังลานบ้าน บรรดากลุ่มดาวเหนือไขว้สลับซับซ้อนกับกลุ่มดาวใต้
อากาศหนาวเย็นในวสันตฤดูได้ผ่านพ้นไปแล้ว สภาพอากาศกำลังกลับมาอบอุ่นไปจนถึงร้อนอบอ้าว ฤดูร้อนกำลังจะมาเยือน
กูเฟยเยี่ยนนอนไม่หลับจึงพิงอยู่ที่ขอบหน้าต่าง ขณะที่นางเหม่อมองดวงดาวและแสงสีในยามราตรี นางก็ได้ใช้น้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรมาเช็ดลงบนหวางเป่าติงด้วย
แม้ว่าหวางเป่าติงจะมีสีทองแดงสัมฤทธิ์แต่ความจริงแล้วไม่ได้ทำมาจากทองแดงสัมฤทธิ์ ตัวนางเองก็ไม่ทราบว่าหวางเป่าติงทำมาจากวัสดุอะไร เมื่อััแล้วให้ความรู้สึกเป็ทองแดงและเหล็ก ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเคยกล่าวเอาไว้ว่านี่เป็ของที่กลั่นมาจากแร่ศิลาลึกลับในยุคา จำเป็ต้องบำรุงรักษาด้วยน้ำมันหอมระเหยที่ทำมาจากสมุนไพร ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวยังกล่าวเอาไว้อีกว่าการบำรุงรักษาไม่ใช่แค่การเช็ดทั่วไปเท่านั้น แต่ต้องเช็ดด้วยความละเอียดรอบคอบให้ทั่วทั้งหมด แม้กระทั่งวิธีการเช็ดก็ยังมีความพิถีพิถัน
ทว่ากูเฟยเยี่ยนเช็ดซ้ำที่เดิมวนไปวนมาหลายครั้งแล้ว นางแทบจะไม่ได้บำรุงรักษาหวางเป่าติง แต่กำลังเหม่อลอยอยู่
ดึกขนาดนี้แล้วจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเสด็จกลับมาหรือยังนะ?
ร่างกายของเขาเป็อย่างไรบ้าง โรคประหลาดนั่นยังคงกำเริบอีกหรือไม่?
เขาเป็คนอย่างไรกันแน่?
เขาเติบโตมาจากที่ใด? เหตุใดอุปนิสัยใจคอของเขาถึงโดดเดี่ยวเ็าไม่กระตือรือร้น? ก่อนที่เขาจะกลับมาที่เมืองจิ้นหยาง เขาได้ทำอะไรบ้าง? มีเพื่อนหรือไม่?
…..
กูเฟยเยี่ยนคิดไปคิดมา ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วเป็ปม
ให้ตายเถอะ!
ทำไมพอหลับตาลงก็นึกถึงเขา ลืมตาขึ้นมาก็ยังนึกถึงเขาโดยไม่รู้ตัว นี่นางไปโดนมนต์ดำอะไรครอบงำหรือ?
นางเตือนสติตนเองด้วยความจริงจัง “ถ้าหาก้าอยู่ที่นี่ต่อไป ก็ห้ามคิดอะไรเกินเลย! ”
คราวก่อนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยรับปากนางไว้ว่ารอให้ผ่านไปสามเดือนก่อนค่อยหารือว่าจะให้นางไปหรือเก็บนางไว้ต่อ นางไม่อาจแสวงหาความตายให้กับตนเองได้ ไม่อาจทำให้โอกาสที่พบเจอได้ยากหลุดลอยออกไป!
ถ้าหากกลับไปที่ห้องยาสำนักหมอหลวง ์ทราบดีว่านางจะได้พบกับเื่แย่ๆ มากน้อยเพียงใด
กูเฟยเยี่ยนปิดหน้าต่างอย่างไม่ลังเล ก่อนจะหาอะไรมาทำเพื่อไม่ให้ตนเองคิดเพ้อเจ้ออีก
หลังจากที่นางกลับมาจากศาลต้าหลี่เดิมที้าที่จะพูดคุยกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย นาง้านำลิ่วตันซางลู่สามต้นนั้นมาตรวจสอบในหวางเป่าติงเพื่อดูว่าจะสามารถหาเบาะแสร่องรอยอะไรได้บ้างหรือไม่
น่าเสียดายที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้กลับมาที่จวน แต่ตรงเข้าไปที่พระราชวัง
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับลิ่วตันซางลู่ แต่อย่างน้อยนางก็สามารถลองดูได้ว่าหวางเป่าติงจะวิเคราะห์สมุนไพรชนิดอื่นบนดินแดนเสวียนคงได้มากน้อยเพียงใด
ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหวางเป่าติงคือการเก็บซ่อนยาสมุนไพร กลั่นยาสมุนไพร และเพาะปลูกยาสมุนไพร นอกเหนือจากนี้แล้วยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสมุนไพรได้ ตัวอย่างเช่น หวางเป่าติงสามารถใช้รูปลักษณ์ภายนอก ส่วนประกอบ และสิ่งอื่นๆ ของสมุนไพรหนึ่งชนิด มาวิเคราะห์ถึงสภาพการเพาะปลูกอย่างดิน คุณภาพน้ำ สภาพอากาศ แล้ววิเคราะห์ถึงแหล่งที่มาของสมุนไพรได้
อันที่จริงแล้วนางก็มีความสามารถนี้ อาจารย์แพทย์ที่มีประสบการณ์ก็ทำได้เช่นกัน แต่จำกัดอยู่ในการวิเคราะห์สมุนไพรจำนวนน้อย ไม่ครอบคลุมทั้งหมด และอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด
ทว่าหวางเป่าติงสามารถวิเคราะห์แหล่งที่มาของสมุนไพรได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ อีกทั้งสามารถบอกกล่าวได้แม้กระทั่งปลูกจากทุ่งสมุนไพรจุดใด เพียงแต่ว่าหวางเป่าติง เป็สมบัติล้ำค่าของแดน์ปิงไห่ มันคุ้นเคยกับคุณภาพดิน คุณภาพน้ำ และสภาพอากาศของทุ่งสมุนไพรแดน์ปิงไห่ทุกซอกทุกมุม ทว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดินแดนเสวียนคงเลย!
สำหรับสมุนไพรที่เติบโตบนดินแดนเสวียนคงแล้ว หวางเป่าติงสามารถวิเคราะห์คุณสมบัติของสมุนไพรออกมาได้ ทว่าอาจจะไม่ตรงกับแหล่งที่มา
กูเฟยเยี่ยนนอนไม่หลับจึงถือโอกาสพินิจพิเคราะห์หวางเป่าติง
นางกลับไปบนเตียงนั่งขัดสมาธิ ตั้งอกตั้งใจเริ่มใช้ญาณสมาธิควบคุมหวางเป่าติง นางเรียกผลเก๋ากี้ที่เคยซื้อมาซ่อนไว้ในช่องเก็บยาสมุนไพรออกมา จากนั้นจึงสั่งให้หวางเป่าติงตรวจสอบเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
หญิงสาวขมวดคิ้ว พยายามให้ญาณสมาธิของตนเองจดจ่อเอาไว้ และให้หวางเป่าติงพยายามวิเคราะห์ออกมาให้ละเอียดที่สุด
เดิมทีนางคิดว่าจะต้องเป็งานที่ต้องสิ้นเปลืองแรงจิตมาก แต่ใครจะไปทราบว่าผ่านไปไม่นานหวางเป่าติงก็ให้คำตอบออกมา
เก๋ากี้สายพันธุ์นี้มีใบที่หนาและใหญ่ รสหวานชุ่มอิ่มเอิบ ก้านผลมีสีขาวที่แตกต่างจากจุดอื่น และเป็สมุนไพรที่มาจากเซี่ยโจว
หวังเป่าติงวิเคราะห์รูปลักษณ์ภายนอกของเก๋ากี้เป็อันดับแรกเพื่อจำแนกชนิด จากนั้นจึงวิเคราะห์ส่วนประกอบการใช้สมุนไพรเก๋ากี้อย่างเฉพาะเจาะจงเพื่อหาแหล่งที่มาโดยละเอียด
กูเฟยเยี่ยนใมากจึงรีบนำเก๋ากี้ออกมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง นางพบว่าหวางเป่าติงไม่ได้วิเคราะห์ผิด เก๋ากี้นี้เป็ของที่มาจากเซี่ยโจวแห่งอาณาจักรเทียนเหยียนจริงๆ !
เนื่องจากเ้าของร่างเดิมอยู่ในห้องยาสำนักหมอหลวงมานาน จึงคุ้นเคยกับแหล่งที่มาของสมุนไพรทั่วไปในดินแดนเสวียนคง นางสืบทอดความทรงจำของเ้าของร่างเดิม ดังนั้นจึงมีความเข้าใจ
ทว่าหวางเป่าติงไม่เหมือนกัน!
หวางเป่าติงเป็ของจากแดน์ปิงไห่ มันจะมาคุ้นเคยกับแหล่งที่มาของสมุนไพรบนดินแดนเสวียนคงได้อย่างไร?
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนคิดว่าอย่างมากหวางเป่าติงคงจะสามารถวิเคราะห์ดิน สภาพอากาศ และคุณภาพน้ำในเขตที่เก๋ากี้เจริญเติบโตได้ แต่ไม่สามารถวิเคราะห์สถานที่เฉพาะเจาะจงได้
มัน…มันรู้ได้อย่างไรว่าเทียนเหยียนมีสถานที่ที่มีชื่อว่าเซี่ยโจว?
หรือเป็เพราะว่าหวางเป่าติงมีพันธสัญญากับนาง ดังนั้นสิ่งที่นางเข้าใจหวางเป่าติงก็เข้าใจ?
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกว่ามันไม่ปกติ นางจึงนำสมุนไพรของดินแดนเสวียนคงอีกหลายชนิดมาให้หวางเป่าติงทำการวิเคราะห์ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นทำให้นางตกตะลึงตาค้าง
หวางเป่าติงสามารถวิเคราะห์ออกมาได้ทั้งหมด อีกทั้งยังมีแหล่งที่มามากมายที่นางไม่เคยได้ยิน แต่หวางเป่าติงกลับรู้ดี
กูเฟยเยี่ยนลืมตาขึ้นมาจับไปที่หวางเป่าติงแล้วถามด้วยความตั้งใจ “หวางเป่าติงน้อย เ้าเคยมาที่ดินแดนเสวียนคงอย่างนั้นหรือ? ท่านอาจารย์พาเ้ามา? หรือว่า…”
หรือว่าหวางเป่าติงเป็ทั้งของจากแดน์ปิงไห่และของจากดินแดนเสวียนคง! แดน์ปิงไห่กับดินแดนเสวียนคงไม่ได้เป็โลกคู่ขนาน แต่เป็โลกเดียวกันหรือ? แดน์ปิงไห่อยู่ที่ใดสักแห่งในดินแดนเสวียนคง เพียงแต่ว่านางอาศัยในป่าเขาสมุนไพรอย่างสันโดษมาโดยตลอด ตัดขาดจากโลกภายนอก ดังนั้นจึงไม่รับรู้?
เมื่อคิดได้เช่นนี้กูเฟยเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะแอบด่าทอท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวในใจ นางมั่นใจว่าท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวจะต้องทราบภูมิหลังของนางอย่างแน่นอน มันจะต้องมีเหตุผลที่ทำให้นางฝันร้ายถึงปิงไห่แน่ๆ
“ปิงไห่” กับ “แดน์ปิงไห่” ทั้งสองชื่อมีความคล้ายคลึงกันมาก เป็ไปได้หรือไม่ว่าแดน์ปิงไห่จะอยู่ใกล้กันกับปิงไห่?
ดูเหมือนว่าปิงไห่จะเป็หัวข้อต้องห้าม คนทั่วไปไม่กล้าที่จะพูดถึงเื่นี้ นางคิดมานานแล้วว่าจะหาวิธีการตามหาหน่วยข่าวกรองเพื่อสืบถาม น่าเสียดายที่มีปัญหาเข้ามาไม่หยุดจนทำให้ไม่มีเวลา
กูเฟยเยี่ยนลอบรำพึงว่ารอให้คดีย่าวซ่านจบลง นางจักต้องไปสืบข่าวดู หากว่าโอกาสเหมาะสม การจะไปที่นั่นด้วยตนเองก็อาจเป็ไปได้
กูเฟยเยี่ยนจดจำเื่นี้ไว้ในใจพลางตรวจสอบสมุนไพรหลายชนิดก่อนจะเข้านอน
ในเมื่อหวางเป่าติงสามารถตรวจสอบข้อมูลออกมาได้มากมาย นางก็ยิ่ง้านำลิ่วตันซางลู่มาตรวจสอบ อย่างน้อยก็เพื่อเป็การทำความเข้าใจและหาเบาะแสให้มากขึ้น
วันรุ่งขึ้น กูเฟยเยี่ยนนอนหลับใหลจนเกือบจะถึง่เวลากลางวัน หญิงสาวไม่สบอารมณ์อยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็มองข้ามความเขินอาย เรียกความกล้าแล้วไปที่ห้องบรรทม นาง้าพบจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเพื่อขอลิ่วตันซางลู่ ทว่ากลับได้รับแจ้งว่าเตี้ยนเซี่ยเสด็จออกไปแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหม่านราวกับว่ากำลังประชดประชัน เขามักจะส่งสายตาเ็า กลอกตามองบน และไม่สนใจนาง
นางไปถามหมางจ้งจึงได้ทราบว่าเกิดเหตุใดขึ้น ที่แท้ก็เป็เพราะว่าเื่ที่เตี้ยนเซี่ยลากนางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อวานนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วเมืองแล้ว ทุกคนไม่แม้แต่จะให้ความสนใจคดีย่าวซ่าน ทุกคนล้วนด่าทอมาที่นาง ด่าทอว่านางเป็หญิงสาวใจง่าย หลังจากที่สมคบคิดกับเฉิงอี้เฟยแล้วก็จะมาสมคบคิดกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยต่อ ด่าทอว่านางไม่สำนึกในบุญคุณ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยให้ความสำคัญแก่นาง ทว่านางกลับทำให้จิ้งหวางฝู่ขายหน้าและทำลายชื่อเสียงของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเกิดความขาวซีด นางถามเสียงดังด้วยความโกรธ “ด่าทอแค่ข้าคนเดียวหรือ? ”
หมางจ้งคิดว่านางโกรธจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เพราะถึงอย่างไรแล้วเมื่อวานนี้นางไม่ได้ทำผิด เป็จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยที่ลากนางออกไปและมอบเสื้อผ้าให้นางเอง
หมางจ้งกำลังจะปลอบใจ แต่ใครจะไปทราบว่ากูเฟยเยี่ยนจะถามขึ้นมาด้วยความเดือดพล่านอีกครั้ง “พวกเขาไม่ด่าทอฉีอวี้กับองค์หญิงหวายหนิงหรือ? มักจะด่าแต่ข้ามันน่าสนใจหรือ? ไหนจะยังทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเดือดร้อนอีก! ”
หมางจ้งไม่กล้าพูดอะไรแล้ว เขาทราบว่ากูเฟยเยี่ยนให้ความเคารพ ซาบซึ้งใจ และคอยปกป้องจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย แต่คิดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นนี้
เขาไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่าหากวันหนึ่งวันใดที่นางรับรู้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็คือผู้ที่สวมใส่หน้ากากคนนั้น นางจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบใด
กูเฟยเยี่ยนโกรธจนไม่อยากพูดอะไรแล้วจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่น
หมางจ้งร้อนใจเป็อย่างยิ่งจึงรีบเอ่ยถามออกไป “แพทย์หญิงกู เ้าจะไปไหน? แจ้งหม่านกงกงก่อนดีหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนเชิดใบหน้าเ็าพลางทำท่าทางกลอกตามองบนแบบเซี่ยเสี่ยวหม่านเมื่อสักครู่นี้ “ไม่! ”