เมื่อหลี่ชิงหยุนออกมาจากเจดีย์ปฐมกาล เขากำลังกลับไปที่ที่พักในคฤหาสน์เ้าเมือง โดยทิ้งให้กู่ซินหยานและกู่ซินเหลียนพักอยู่ในเจดีย์ปฐมกาลเพื่อปกปิดร่องรอยการปรากฏตัวของทั้งสองคนจากเล่ยตงเทียนและท่านฉู่
"เ้าหนู เมื่อครู่เ้าทำได้อย่างไร?" ทันใดนั้นิญญากระบี่ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
"เ้าหมายถึงที่ข้าสังหารฉางเป่ยลี่หรือไม่?" หลี่ชิงหยุนเหลือบมองิญญากระบี่
ิญญากระบี่พยักหน้า
หลี่ชิงหยุนผายมือ "แท้จริงแล้วข้าก็แค่ปลูกฝังพลังฉีพิเศษลงไปในสมองของมันก่อนที่ข้าจะทรมานมันให้กลายเป็เกลียวมนุษย์ หากมันยอมตามข้าไปแต่โดยดี ข้าคงจะไม่เป่าสมองของมันเช่นนั้น... แต่ในเมื่อมันไม่ยอมเชื่อฟัง ข้าก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน"
ิญญากระบี่อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลี่ชิงหยุนด้วยรูปลักษณ์แปลกๆ
จากนั้นมันจึงพูดขึ้น "เ้าช่างโเี้เสียจริง สามารถทรมานชายผู้นั้นโดยที่ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ราวกับเ้าเห็นสิ่งนี้จนเบื่อหน่ายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"
หากเป็คนทั่วไปพบเข้ากับภาพที่โหดร้ายอย่างเกลียวมนุษย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่มีใครสามารถทนดูภาพที่น่าสยดสยองนั้นได้ อย่างน้อยพวกเขาจะเป็อย่างกู่ซินเหลียนที่รู้สึกคลื่นไส้จนอาเจียน
แม้แต่ฆาตกรที่ชั่วร้ายก็ยังไม่โเี้เท่านี้
ซึ่งแตกต่างจากหลี่ชิงหยุน นอกจากเขาไม่มีอารมณ์ใดๆแล้ว ดูเหมือนเขากำลังสนุกไปกับมัน...
"บางทีอาจจะเป็เช่นนั้น" หลี่ชิงหยุนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ในระหว่างเดินทางกลับคฤหาสน์เสี่ยว หลี่ชิงหยุนตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้
เขาเชื่อว่าหน่วยบังคับใช้กฏหมายจะมาถึงตามที่เ้าเมืองเสี่ยวหยงได้รายงานไปเกี่ยวกับการกระทำของฉางปิน
แผนการต่อไปของหลี่ชิงหยุนคือเขาจะโยนศพของฉางเป่ยลี่พร้อมกับกระดาษที่บันทึกอาชญากรรมของมันไว้ในที่ที่ผู้คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหน่วยบังคับใช้กฏหมายและตระกูลหนานกงแล้วว่าจะทำเช่นไรต่อไปกับตระกูลฉาง
การสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้าไปถึงสองคนนั้นไม่ใช่เื่เล็กน้อยสำหรับตระกูลรอง ั้แ่วันนี้ผู้าุโที่สี่หรือผู้าุโที่ห้าอาจจะเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูลแทนฉางเป่ยลี่ที่เพิ่งเสียชีวิตไป
หลี่ชิงหยุนไม่สามารถช่วยตระกูลฉางไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ผ่านไปไม่นานหลี่ชิงหยุนเคลื่อนที่บนท้องฟ้าด้วย 9 ก้าวลวงตาจนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เขาสุ่มโยนร่างของฉางเป่ยลี่ไว้ที่เส้นทางที่ใกล้กับตระกูลฉางเพื่อให้ผู้คนในละแวกนี้ได้รู้ถึงอาชญากรรมของมัน
ที่ที่หลี่ชิงหยุนเลือกคืออาคารของร้านอาหารขนาดใหญ่ที่เขาใช้สอดแนมฉางเป่ยลี่ก่อนหน้านี้ ที่แห่งนี้เป็ศูนย์รวมขนาดใหญ่ที่มีคนพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา การทิ้งศพไว้ที่นี่จะช่วยให้เื่บานปลายได้ง่ายขึ้น
เมื่อเสร็จสิ้นเขาหายตัวไปจากตำแหน่งเดิมทันที
. . .
หลี่ชิงหยุนปรากฏตัวขึ้นในห้องพักส่วนตัวของเขา ั้แ่ที่เขาออกจากคฤหาสน์เสี่ยวไปเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ไม่มีผู้ใดเข้ามาตรวจสอบที่อยู่ของเขา และไม่มีผู้ใดเห็นว่าเขาออกจากคฤหาสน์ไป สิ่งนี้จะเป็หลักฐานที่อยู่สำหรับเขาต่อการตายของตระกูลฉางได้
หลี่ชิงหยุนพอจะคาดเดาได้เล็กน้อยว่าเขาในรูปลักษณ์ของชายหน้ากากหยกนั้นปรากฏตัวบ่อยครั้งจนเกินไป อีกทั้งยังปรากฏตัวในที่ที่เขาไปอยู่เสมอๆ หากตระกูลเล่ยและตระกูลหงสืบค้นการปรากฏตัวของชายหน้ากากหยก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลักฐานทั้งหมดจะมาตกอยู่ที่หลี่ชิงหยุนที่มีส่วนร่วมใกล้ๆที่เกิดเหตุ
หากทั้งสองตระกูลรู้ความจริงในเวลานี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
'ถ้าหากทั้งสองตระกูลเคลื่อนไหวเช่นนั้น ข้าจำเป็ต้องเคลื่อนย้ายครอบครัวและคนรู้จักของข้าเข้าสู่เจดีย์ปฐมกาลและหลบหนีไปให้ไกลที่สุด จากนั้นค่อยรอเวลาที่จะกลับมาแก้แค้นอีกครั้ง'
'หากเกิดเหตุไม่คาดฝันคงมีแค่ทางนี้เท่านั้น'
ขณะนี้ครอบครัวอาจจะเป็ข้อจำกัดที่ใหญ่ที่สุดของเขา เขาไม่สามารถที่จะทำอะไรสุดโต่งอย่างเช่นจักรพรรดิเมฆาได้ นั่นเพราะยังมีคนที่เขาห่วงใยอยู่ข้างหลัง ก่อนจะลงมือหรือทำอะไรเขาจำเป็ต้องคิดถึงสามรอบ แม้จะเป็ข้อจำกัดแต่เขาก็ยังเลือกที่จะมีครอบครัวอยู่ดี
หลังจากมีเื่ให้คิดมากมาย หลี่ชิงหยุนก็ผล็อยหลับไป
. . .
~ ตระกูลเล่ย : ห้องทำงานส่วนตัวของเล่ยตงเทียน ~
"นายน้อย ข้าไม่สามารถนำสิ่งนั้นกลับมาได้" ท่านฉู่ก้มหน้าลงแสดงความเคารพต่อชายหนุ่มที่กำลังแยกกองเอกสารอยู่ตรงหน้าของมัน
หลังจากท่านฉู่พลิกแผ่นดินตามหาหลี่ชิงหยุนไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วมันไม่พบร่องรอยใดๆของฉางเป่ยลี่, ชายหน้ากากหยกและกู่ซินหยาน อีกทั้งหีบไม้ที่้ากลับหายไปพร้อมๆกัน
ท่านฉู่ผู้นี้หมดหนทางอย่างสิ้นเชิง
"ฉู่หยาง เกิดอะไรขึ้น?" เล่ยตงเทียนกำลังวุ่นๆอยู่กับข้อมูลเป็จำนวนมาก มันตอบส่งๆอย่างไม่ใส่ใจ
ฉู่หยางเห็นว่าเล่ยตงเทียนกำลังยุ่ง ดังนั้นมันจึงพูดซ้ำอีกครั้ง "นายน้อย มีชายผู้หนึ่งที่สวมหน้ากากหยกมาขัดขวางแผนการของเราไว้"
"อะไร!?" เล่ยตงเทียนหันกลับมาอย่างกะทันหัน พร้อมตบโต๊ะดัง "ปัง!" ทำให้เอกสารทั้งหมดกระจุยกระจายไปทั่วห้อง
"ชายหน้ากากหยก...เป็เ้าบ้านั่นอีกแล้ว!" เล่ยตงเทียนกัดฟันด้วยความเดือดดาลถึงขีดสุด ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวราวกับคนกำลังปวดท้องหนัก "มันจะตามหลอกหลอนข้าไปจนเมื่อใดกัน!"
นับั้แ่ชายหน้ากากหยกปรากฏตัว แผนการหลักที่เล่ยตงเทียนวางไว้มานานหลายปีกลับพังทลายลงอย่างไม่เป็ท่า
ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็ครั้งแล้วครั้งเล่า!
ราวกับว่าสิ่งที่มันกำลังดำเนินการทั้งหมดอยู่ภายใต้สายตาของชายหน้ากากหยกทั้งสิ้น
แม้กระทั่งหีบไม้ที่มัน้าก็ไม่เป็ไปตามแผน และฉู่หยางปรมาจารย์ระดับลมปราณลึกซึ้งก็ไม่สามารถหยุดชายผู้นั้นได้
"ดาวอัปมงคล! ชายหน้ากากหยกช่างเป็ดาวอัปมงคลของข้าจริงๆ!" พลังฉีระดับลมปราณฟ้าปะทุขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ เจตนาฆ่าที่ดุร้ายแผ่ขยายไปทั่วตระกูลเล่ย
หีบไม้ที่เล่ยตงเทียน้าเป็สิ่งสำคัญที่สุดในแผนการขั้นสุดท้ายของมัน ดังนั้นเล่ยตงเทียนจึงส่งท่านฉู่ไปประจำการที่ตระกูลฉางเพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดในแผนการนี้
แต่สุดท้ายแล้วชายหน้ากากหยกกลับปรากฏตัวอีกครั้ง! อีกทั้งยังขัดขวางแผนการทั้งหมดนี้ นี่จะไม่ให้เล่ยตงเทียนอารมณ์เสียได้อย่างไร?
"นะ-นายน้อย..." ฉู่หยางเรียกสติเล่ยตงเทียนเบาๆ
เล่ยตงเทียนจ้องเขม็งไปที่ฉู่หยาง มันพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
ไม่นานมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกล่าวต่อ "ฉู่หยาง เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ข้าได้ฟัง"
ฉู่หยางพยักหน้าและเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ของมันกับชายหน้ากากหยกให้กับเล่ยตงเทียนได้ทราบ
เล่ยตงเทียนที่ได้ฟังก็ขมวดคิ้ว 'เป็อย่างที่ข้าคิดจริงๆ กระบี่โบราณเล่มนั้นอันตรายเกินกว่าจะคาดเดาได้แล้ว ชายผู้นั้นยังไม่เข้าสู่ระดับลมปราณฟ้า แต่กลับสามารถสร้างาแทางจิติญญาให้กับฉู่หยางได้'
จู่ๆเล่ยตงเทียนก็จำบางอย่างในคำอธิบายของฉู่หยางขึ้นได้ "เดี๋ยวก่อน เ้าบอกว่าเ้าโจมตีชายหน้ากากหยกจนได้รับาเ็สาหัสใช่หรือไม่?"
ฉู่หยางพยักหน้าอย่างจริงจัง "ข้าได้ใช้พลังกายภาพทั้งหมดเพื่อบดขยี้กระดูก เส้นลมปราณและอวัยวะภายในของชายผู้นั้น หากปล่อยไว้นานกว่าหนึ่งชั่วยามโดยไม่ได้ทำการรักษาใดๆ ชายผู้นั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน! แต่หากเขารอดมาได้จริงๆ เขาต้องาเ็สาหัสจนอยู่ในสภาวะที่ฝึกฝนไม่ได้ เพราะข้าได้ทำลายเส้นลมปราณของเขาไปแล้ว!"
การโจมตีครั้งสุดท้ายของฉู่หยางนั้นใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อ้าสังหารหลี่ชิงหยุน ไม่น่าแปลกใจที่าแของหลี่ชิงหยุนจึงได้สาหัสถึงเพียงนี้
หากหลี่ชิงหยุนไม่มีเสี่ยวเฟิงอยู่ข้างกาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเป็อย่างที่ฉู่หยางพูดไว้ทุกประการ
"ที่เ้าพูดเป็ความจริงหรือไม่?" เล่ยตงเทียนที่ได้ยินดังนั้น น้ำเสียงของมันมีความตื่นเต้นที่มิอาจปกปิด
"ข้าสาบานด้วยชีวิตของข้า ทักษะของข้าไม่เคยผิดพลาด ผู้ใดที่อยู่ต่ำกว่าระดับลมปราณลึกซึ้งลงไปไม่มีทางที่จะรอดชีวิตได้ แต่หากเขารักษาได้จริงๆ เขาอาจจะไม่แตกต่างจากคนพิการมากนัก..." ฉู่หยางตอบกลับอย่างนอบน้อม
"ไม่เลว! หากเ้านั่นาเ็สาหัสจริงๆ ข้าก็สามารถผ่อนคลายได้บ้าง" มุมปากของเล่ยตงเทียนขดเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ นี่เป็ข่าวดีที่คาดไม่ถึงสำหรับเล่ยตงเทียน การที่ชายหน้ากากหยกาเ็สาหัสจนถึงขั้นอาจจะพิการนั้นสำคัญกว่าหีบไม้ของกู่ซินหยานเป็ไหนๆ
"ฉู่หยาง เ้ากลับไปที่ฐานบัญชาการ ไม่จำเป็ต้องประจำการที่ตระกูลฉางอีกต่อไป" เล่ยตงเทียนโบกมืออย่างไม่เป็ทางการและออกคำสั่งต่อไป
"นายน้อย ท่านไม่้าให้ข้าสังหารตระกูลฉางทั้งหมดหรอกหรือ?" ฉู่หยางถาม
เล่ยตงเทียนลูบคางพลางพูดต่อ "หลังจากการตายของผู้าุโตระกูลฉาง อีกไม่นานหน่วยบังคับใช้กฏหมายและตระกูลหนานกงจะเข้ามาตรวจสอบเื้ัเื่นี้อย่างแน่นอน—"
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเล่ยตงเทียนก็ตัดสินใจได้ "แค่สังหารฉางจื่อก็เพียงพอ มีเพียงแค่ฉางเป่ยลี่ ฉางจื่อและฉางเฉวียนเท่านั้นที่รู้ว่าข้าอยู่เื้ั หากฉางเป่ยลี่ยังมีชีวิตอยู่ก็ให้รีบสังหารมันเช่นกัน"
'ในเมื่อตัวหมากไม่สามารถใช้งานได้แล้ว ข้าก็ไม่จำเป็ต้องเก็บพวกมันไว้อีกต่อไป' มุมปากของเล่ยตงเทียนขดเป็รอยยิ้มที่ชั่วร้าย
"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยขอตัว" เมื่อพูดจบฉู่หยางก็เตรียมตัวจากไป
แต่เล่ยตงเทียนก็กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน "รอก่อน... ดึงผู้คนของเราที่แฝงตัวอยู่ที่ตระกูลต่างๆกลับมาทันที การรวบรวมิญญาไม่จำเป็อีกต่อไป แผนการของเราจะเริ่มดำเนินการอีกครั้งเมื่อมิติโบราณถูกเปิดออก"
มันกลัวว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะแหวกหญ้าให้งูตื่น มันจึงไม่ลังเลเลยที่จะหยุดสิ่งที่กระทำอยู่ในขณะนี้ทั้งหมด
ฉู่หยางรับคำสั่งและหายตัวไปจากห้องลับ
เล่ยตงเทียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แผนการของมันไม่สามารถสูญเสียไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
มันลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่างพลางกับพึมพำกับตัวเองเบาๆ "ชายหน้ากากหยก...หลี่ชิงหยุน…"
จากนั้นมันตัดสินใจหยิบหยกสื่อสารเพื่อติดต่อกับใครบางคน
.
.
.
~ เช้าวันรุ่งขึ้น ~
หน้าประตูทางเข้าของเขตเสี่ยว มีกองทัพม้าขนาดใหญ่ยืนเรียงรายเป็ระเบียบ พวกเขาคือกลุ่มคนจากหน่วยบังคับใช้กฏหมายกว่า 20 คนในชุดเกราะเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังรวมถึงผู้าุโบางคนจากตระกูลหนานกงที่จำเป็ต้องให้คำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ของฉางเป่ยลี่
แม้ว่าราชินีอย่างหนานกงเสวี่ยจะมาจากตระกูลหนานกง แต่ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฏระเบียบที่ราชวงศ์ตั้งไว้และไม่มีใครสามารถแหกกฏได้ แม้แต่ตระกูลหนานกงก็ไม่มีข้อยกเว้น
ทุกอย่างเป็ไปตามสิ่งที่หลี่ชิงหยุนคาดการณ์ไว้ หลังจากร้านอาหารขนาดใหญ่พบศพไร้หัวของฉางเป่ยลี่ ก็เกิดเป็กระแสฮือฮาในเขตเสี่ยวในทันที อีกทั้งยังมีกระดาษที่จดอาชญากรรมของมันไว้ถึงสามแผ่นเต็มๆ
เมื่อได้รับรู้ถึงความชั่วร้ายทั้งหมดจากกระดาษ ผู้คนที่อยู่ละแวกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งฉางเป่ยลี่และผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ชั่วร้ายนี้
บางคนในรายชื่อบนกระดาษเป็คนรู้จักของชาวบ้านธรรมดาที่หายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนเป็สมาชิกครอบครัวของพวกเขาที่เสียชีวิตอย่างลึกลับ
เมื่อเห็นกระดาษใบนั้นผู้คนจากเขตที่เสี่ยวที่สูญเสียคนในครอบครัวได้ทำการล้อมรอบตระกูลฉางเพื่อ้าโจมตีครั้งใหญ่ พร้อมกับรายงานเื่นี้ไปยังหน่วยบังคับใช้กฏหมายโดยตรง จนเื่ของฉางปินถูกปัดออกไป ขณะนี้อาชญากรรมของฉางเป่ยลี่นั้นมีโทษสถานหนักกว่าหลายเท่า
หลี่ชิงหยุนระบุไว้แค่เพียงเื่ราวเกี่ยวกับตระกูลฉางเท่านั้น เขาไม่ได้กล่าวในส่วนที่มากกว่านั้นแม้แต่น้อย
อาชญากรรมที่หลี่ชิงหยุนระบุไว้มีข้อมูลเบื้องลึกที่สอดคล้องกับความเป็จริงทั้งหมด ซึ่งสามารถสืบหาความจริงได้ไม่ยากนัก
หลังจากหน่วยบังคับใช้กฏหมายได้รับข่าวนี้ พวกเขาติดต่อกับตระกูลหนานกงเป็การส่วนตัวเพื่อมายังเขตเสี่ยว ตระกูลหนานกงไม่ได้ติดขัดอะไรและทั้งสองกลุ่มตรงไปที่ตระกูลฉางเป็การส่วนตัว
หลังจากหน่วยบังคับใช้กฏหมายบุกรุกเพื่อสอบปากคำสมาชิกของตระกูลฉางเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขากลับพบว่าผู้าุโที่ชื่อฉางจื่อได้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ
หน่วยบังคับใช้กฏหมายจึงคาดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็ฝีมือของผู้ที่สังหารฉางเป่ยลี่เช่นกัน
หลังจากใช้เวลาตกลงกันหลายชั่วยาม พวกเขาจึงได้นำคนบางกลุ่มจากตระกูลฉางไปสอบปากคำเพิ่มเติม คนพวกนั้นคือฝ่ายของฉางเป่ยลี่ทั้งสิ้น หากทุกอย่างเป็อย่างที่ข้อมูลได้กล่าวไว้ ตระกูลฉางจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่
บางทีตระกูลฉางอาจจะหลุดจากวงโคจรของการเป็ตระกูลข้าราชบริพารของตระกูลหนานกงก็เป็ได้
แต่หลี่ชิงหยุนไม่สนใจเกี่ยวกับเื่นี้ ไม่ว่าอย่างไรกู่ซินหยานและกู่ซินเหลียนก็ไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลฉางได้ในเร็วๆนี้ เขากังวลแค่ความปลอดภัยของสองแม่ลูก ส่วนเื่อื่นๆนั้นเขาไม่แยแส
"หลี่ชิงหยุน เ้าอยู่ข้างในหรือไม่?" ทันใดนั้นเสียงของเสี่ยวฉินดังขึ้นจากนอกห้อง
หลี่ชิงหยุนที่ได้ยินเสียง เขาจึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู "เกิดอะไรขึ้น?"
เสี่ยวฉินจ้องมองไปที่หลี่ชิงหยุนอย่างตื่นเต้น "หลี่ชิงหยุน มาประลองดาบกับข้า"
"เอ่อ..." หลี่ชิงหยุนถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เสี่ยวฉินผู้นี้คลั่งไคล้ดาบเกินไปจริงๆ แต่เขาก็เดินตามไปเพื่อประลองดาบ เพื่อให้เสี่ยวฉินได้พัฒนาฝีมือให้มากกว่านี้
เสี่ยวฉินกำลังคลำหาเส้นทางของเขาสำหรับการเคลื่อนไหวดาบแต่ละครั้ง แม้ทักษะจะมีความจำเป็ในการต่อสู้ แต่ความยืดหยุ่นจะช่วยให้แก้ไขสถานการณ์ที่ร้ายแรงได้มากเช่นกัน
ผู้คนต่างพยายามค้นหาทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่เสมอ โดยที่ไม่รู้เลยว่าทักษะที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวไม่สามารถใช้ในสถานการณ์ความเป็และความตายได้
หลี่ชิงหยุนได้แสดงให้เห็นถึงฝีเท้าและการเคลื่อนไหวดาบที่เรียบง่ายเพื่อให้เสี่ยวฉินจำและนำไปพัฒนาในทักษะที่เป็ของเสี่ยวฉินเอง
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลังจากการฝึกสิ้นสุด หลี่ชิงหยุนจึงไปพบกับบรรพบุรุษหยวนเหลียงที่ห้องฝึกฝน
"เ้าหนู เ้ามาแล้ว" น้ำเสียงของหยวนเหลียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นหลี่ชิงหยุนที่เพิ่งจะมาถึง "เม็ดยาที่เ้า้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว"
ดวงตาของหลี่ชิงหยุนเป็ประกาย "ผู้าุโ ขอข้าดูหน่อย"
หยวนเหลียงพยักหน้าพร้อมกับยื่นขวดหยกสีขาวให้แก่เขา
หลี่ชิงหยุนรับขวดหยกมาตรวจสอบอย่างรีบร้อน เมื่อเปิดจุกขวดหยกออกกลิ่นหอมของสมุนไพรและกลิ่นคาวเืของัตีเข้าจมูกของเขาฉับพลัน
เม็ดยากลมมนที่มีลวดลายสีดำแดงปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
"ความบริสุทธิ์ 8 ใน 10 ส่วน...ยอดเยี่ยมมาก!" หลี่ชิงหยุนอุทานอย่างตื่นเต้น เพียงเท่านี้พ่อของเขาก็สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งดั้งเดิมกลับมาได้
เม็ดยาัคลั่งไม่เพียงแต่สามารถขจัดทักษะต้องห้ามของนิกายัโลหิตได้เท่านั้น มันยังมีสรรพคุณในการขยายเส้นลมปราณอีกด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลี่หยุนเฟิงจะสามารถฟื้นฟูเข้าสู่ระดับก่อนหน้านี้ได้อย่างแน่นอน
"ผู้าุโ ขอบคุณท่านมาก" หลี่ชิงหยุนรีบประสานมือขอบคุณหยวนเหลียงด้วยท่าทางที่จริงจัง
"ฮ่าย~ อย่าได้นำมาใส่ใจ" หยวนเหลียงโบกมืออย่างไม่เป็ทางการ "ทักษะที่เ้าให้ข้ามานั้นก็เกินพอแล้วสำหรับคำขอบคุณของเ้า"
หลี่ชิงหยุนยิ้มออกมาอย่างสดใส "ผู้าุโ ท่านช่วยนำเม็ดยาไปส่งให้ท่านพ่อของข้าได้หรือไม่?"
"หืม? แล้วเ้าจะไปที่ใดต่อ?" หยวนเหลียงพยายามจะถาม
"ข้า้าแวะที่ไหนสักแห่ง และไม่สามารถกลับไปได้ในตอนนี้" หลี่ชิงหยุนกำลังจะแวะเยี่ยมชมหอสมุดของราชวงศ์เพื่อเริ่มต้นร่ำเรียนการร่ายข้อจำกัด พลังิญญาของเขาในขณะนี้เทียบเท่ากับระดับลมปราณฟ้าแล้ว การเขียนอักษรรูนจะไม่ใช่เื่ยากสำหรับเขาอีกต่อไป
และเขา้าเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดก่อนที่จะเข้าสำรวจนิกายที่ล่มสลายในอีกสามสัปดาห์ต่อมา
"เอาล่ะ ปล่อยให้เป็หน้าที่ของข้า" หยวนเหลียงพยักหน้าอย่างจริงใจ และรับขวดหยกกลับคืน
เมื่อพูดจบบรรพบุรุษหยวนเหลียงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปในทิศทางของเขตหยวน
หลี่ชิงหยุนประสานมือบอกลาบรรพบุรุษหยวนเหลียงจากระยะไกล จากนั้นเขากลับไปที่เจดีย์ปฐมกาลเพื่อปรึกษาบางอย่างกับกู่ซินเหลียน
หลังจากการตัดสินใจ หลี่ชิงหยุนเลือกที่จะให้กู่ซินเหลียนและกู่ซินหยานอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์เ้าเมืองเสี่ยวพร้อมทั้งให้เหรียญเงินเป็จำนวนมากเพื่อยังชีพพวกเขา อีกทั้งเขายังมอบทักษะการฝึกฝนและสมุนไพรเพื่อรักษากู่ซินหยานเมื่อนางตื่นขึ้น
กู่ซินเหลียนไม่สามารถปรากฏตัวอยู่ข้างเขาได้ในขณะนี้ มิเช่นนั้นความลับของเขาอาจจะถูกเปิดเผยทันที
. . .
หน้าคฤหาสน์เ้าเมืองปรากฏร่างของเสี่ยวหยง เสี่ยวหลาง เสี่ยวฉินและกู่ซินหยาน พวกเขาทั้งหมดมาเพื่อส่งหลี่ชิงหยุนที่กำลังจะออกเดินทาง
"หลี่ชิงหยุน เ้าจะกลับมาอีกเมื่อใด?" กู่ซินเหลียนจ้องมองใบหน้าของหลี่ชิงหยุนอย่างอ่อนโยน เสียงของนางฟังดูนุ่มนวลชวนให้หลงใหล
"เมื่อป้าซินหยานตื่นขึ้น ข้าจะกลับมาอีกครั้ง" หลี่ชิงหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"เ้าสัญญาแล้ว" กู่ซินเหลียนกัดริมฝีปากเบาๆ ราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง
จู่ๆกู่ซินเหลียนโผเข้ากอดหลี่ชิงหยุนโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
ดวงตาของนางเริ่มชื้นขึ้นและอดไม่ได้ที่จะสะอึกสะอื้น
หลี่ชิงหยุนไม่คาดคิดว่ากู่ซินเหลียนจะกอดเขาต่อหน้าตระกูลเสี่ยวเช่นนี้
แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธและให้นางอยู่ในอ้อมกอดเขาสักครู่
หลังจากกอดกันครู่หนึ่งกู่ซินเหลียนผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขา พร้อมกับวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
เสี่ยวหยง เสี่ยวหลางและเสี่ยวฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับความใสซื่อของกู่ซินเหลียน
หลี่ชิงหยุนถูจมูกอย่างเขินอาย 'ฮ่าย~ เกิดเป็ชายหนุ่มที่หล่อเหลานี่ช่างลำบากเสียจริง'
"สหายหนุ่มหลี่ ระวังตัวด้วย" เ้าเมืองเสี่ยวหยงและเสี่ยวหลางก็มาส่งเขาที่หน้าคฤหาสน์ แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักหลี่ชิงหยุนได้ไม่นาน แต่พวกเขาก็ชอบบุคลิกของหลี่ชิงหยุนเป็อย่างมาก
ทันใดนั้นเสี่ยวหยงกลับส่งกระแสจิตไปหาหลี่ชิงหยุนอย่างลับๆ "สหายหนุ่มหลี่ ข้ารู้ว่าเ้าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของฉางเป่ยลี่เมื่อคืนนี้ เพราะฉะนั้นระวังตัวด้วย" เขารู้ดีว่าผู้ที่อยู่เื้ัของฉางเป่ยลี่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่เขาเองก็ยังไม่กล้าล่วงเกินคนเ่าั้ แต่ในเมื่อหลี่ชิงหยุนได้ลงมือไปแล้ว เสี่ยวหยงก็ทำได้แค่เตือนเท่านั้น
หลี่ชิงหยุนสะดุ้งเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเ้าเมืองเสี่ยวจะสังเกตเห็นเขาด้วย
"ไม่ต้องประหลาดใจถึงขนาดนั้น พลังิญญาของข้าครอบคลุมคฤหาสน์เ้าเมืองตลอดเวลา หากผู้ใดหายไปข้าย่อมรับรู้ได้โดยธรรมชาติ" เสี่ยวหยงตอบกลับผ่านกระแสจิต
"เป็เช่นนั้น" หลี่ชิงหยุนรู้สึกโล่งอกในทันที
เสี่ยวฉินก็ประสานมือบอกลาแก่หลี่ชิงหยุน "หลี่ชิงหยุน ไว้เจอกันคืนนี้"
"คืนนี้?" หลี่ชิงหยุนมองไปที่เสี่ยวฉินอย่างมึนงง "องค์ชายลำดับที่หนึ่งก็เชิญเ้าไปงานเลี้ยงด้วยงั้นหรือ?"
"เอ่อ... แม่นางหนานกงเฟิงหลิง้าให้ข้าไปเป็เพื่อนนางเท่านั้น" เสี่ยวฉินก้มหน้าลงพลางเกาแก้มอย่างลำบากใจ
"โอ้?" หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองด้วยสายตาที่จับผิด พลางยกนิ้วโป้งให้กับเสี่ยวฉินก่อนจะจากไปด้วยเสียงหัวเราะ
ลุงหมานกำลังรอเขาอยู่ที่รถม้าก็ออกเดินทางในทันทีเพื่อมุ่งหน้าสู่หอสมุดราชวงศ์