ความจริงแล้วหลังจากฝึกเคล็ดควบคุมิญญา แค่มีระดับพลังห้าปีก็จะก่อกายหยาบขึ้นมาได้ แหวนมิติของซูเฟยหยิ่งมีสมบัติ์อยู่มากมาย ดังนั้นการเพิ่มระดับพลังของจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินให้ถึงห้าปีจึงไม่ใช่เื่ยาก แต่ที่สำคัญคือทั้งสองคนต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการรวบรวมดวงจิต ซึ่งเทียบเท่ากับการขยายเส้นลมปราณของผู้ฝึกวิถีเซียน มิเช่นนั้นจะไม่สามารถรองรับระดับพลังห้าปีได้
เย่เฟิงกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา จึงเผื่อเวลาไปอีกหนึ่งเดือนเป็สองเดือน เพื่อให้มีเวลามากพอที่ทั้งสองคนจะสร้างกายหยาบขึ้นมา!
“ไอ้หลานชาย แกหันกลับมาอธิบายเื่ของหลงโม่หรานให้ฉันฟังที” ก่อนเย่เฟิงหมุนตัวกลับเข้าห้อง เสียงของเย่เวิ่นเทียนก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน “ตอนนี้ตาแก่อย่างฉันก็ไม่อยากรบกวนเวลาของคนหนุ่มสาวเท่าไรหรอก หึหึหึ...”
เหมือนว่าตระกูลเย่จะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเสียแล้ว เย่เวิ่นเทียนคิดอย่างอารมณ์ดีเป็พิเศษ
เย่เฟิงหมดคำจะพูดกับชายชราอย่างเย่เวิ่นเทียน เขานึกไปถึงคุณหนูหลิน และสองพี่น้องเซียวเยว่ เซียวฉี่ การมีหญิงสาวมากมายอยู่ข้างกายทำให้เขารู้สึกดี แต่ย่อมมีปัญหามากมายตามมาไม่หยุดหย่อน เย่เฟิงเข้าใจเื่นี้เป็อย่างดี...
เขาส่ายหัวไล่ความคิด ตอนนี้มีเื่ต้องทำเต็มไปหมด
เมื่อเย่เฟิงหันกลับไปก็พบว่าหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานยืนอยู่ที่ประตูและมองเขาด้วยความเป็ห่วง เมื่อเห็นหลี่เสวียนออกไป พวกเธอจึงโล่งใจ
ด้านชูชูที่ยืนประหม่าอยู่บนระเบียง เมื่อเห็นเย่เฟิงไล่ชายชราที่มีระดับพลังแข็งแกร่งไปอย่างง่ายดาย ก็ยิ่งชื่นชมชายหนุ่มมากขึ้น หลงหว่านเอ๋อร์มองคนไม่ผิดจริงๆ
“กลับเข้าบ้านกันเถอะ”
เย่เฟิงอ้าแขนออก เขาอยากจะกอดหญิงสาวทั้งสองไว้แนบอก
ใครจะคิดว่าหลงหว่านเอ๋อร์กลับยิ้ม และหลีกเลี่ยงวงแขนนั้นของเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว ด้วยระดับพลังที่เธอมีย่อมเป็ไปอย่างง่ายดาย “ฉันกับน้าอยากพักผ่อนแล้ว พวกเธอสองคนก็เล่นกันเบาๆ ล่ะ”
สิ่งนี้ทำให้เย่เฟิงขัดใจ เด็กน้อยคนนี้นี่ สงสัยเขาต้องเพิ่มระดับพลังของตัวเองเสียแล้ว มิฉะนั้นหลังจากนี้คงอดเชยชมเธอเป็แน่
ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง การที่ผู้หญิงของตัวเองมีระดับพลังสูง ถือเป็เื่อันตรายมากบนโลกเทวะ แม้เย่เฟิงจะเชื่อใจหลงหว่านเอ๋อร์ แต่เขาไม่้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้นานนัก ไม่อย่างนั้นหากหญิงสาวไม่เชื่อฟังเขาขึ้นมา คงเกิดปัญหาตามมาภายหลังแน่...
อืม ตัวอย่างเช่น เวลาอยู่ด้วยกันบนเตียง...
หรือว่าท่านอาจารย์จงใจให้เป็แบบนี้?
เย่เฟิงประหลาดใจ เมื่อซูเฟยหยิ่งหยิบสมบัติ์ออกมาให้หลงหว่านเอ๋อร์มากมายจนสามารถเพิ่มระดับพลังขึ้นเป็ยี่สิบห้าปี นี่ไม่ใช่เขาถูกอีกฝ่ายรังแกอยู่หรอกหรือ?
แน่นอนว่าซูเฟยหยิ่งย่อมมีเหตุผล หญิงสาวตระกูลหลงมีร่างกายชีพจรเซียน แน่นอนว่าร่างกายมหัศจรรย์เช่นนี้เพิ่มระดับพลังได้รวดเร็วอยู่แล้ว และข้อดีอีกอย่างคือ ทำให้เย่เฟิงอยู่ในโอวาทง่ายขึ้นด้วย
“งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ”
ซูเมิ่งหานเอ่ยอย่างอ่อนแรง อยากจะวิ่งขึ้นบ้านไปเช่นกัน
“คิดจะหนีเหรอ?” เย่เฟิงคว้าเธอเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนยิ้มกรุ้มกริ่ม “ปะ พวกเราขึ้นไปพร้อมกันเถอะ”
ร่างบางของซูเมิ่งหานถูกอุ้มในท่าเ้าสาว ใบหน้าเธอแดงก่ำ มือขาวโอบรอบคอเย่เฟิงแน่น เรือนผมที่ปรกลงครึ่งหน้าทำให้ใบหน้าเธอยิ่งดูเย้ายวน
“ตาบ้า นี่กลางห้องโถงนะ...”
ซูเมิ่งหานเขินอาย แต่ไม่ขัดขืนอีกฝ่าย เพราะเธอเองก็รอคอยที่จะได้อยู่ตามลำพังกับเขา
นับั้แ่เย่เฟิงออกจากเมืองเยี่ยนจิง และเดินทางไปทะเลตะวันออกกับหลงหว่านเอ๋อร์ ซูเมิ่งหานก็รู้สึกหึงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อกล่าวถึงหลงหว่านเอ๋อร์ แน่นอนว่าซูเมิ่งหานไม่ชอบใจนัก แต่หลังจากรับรู้ถึงเื่ราวอันขมขื่นที่ผ่านมาของผู้หญิงคนนี้ก็ทำให้พวกเธอสนิทกันไม่น้อย รวมถึงเมื่อครู่นี้ที่สองสาวนอนพักอยู่ในห้องด้วยกัน ต่างก็เปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเอง
ไม่นานนัก เย่เฟิงก็อุ้มซูเมิ่งหานเข้าห้องนอน แล้วล็อกประตูห้องทันที เขาเป็ดั่งสัตว์ร้ายที่อดกลั้นมานาน เมื่อวางร่างบางสุดเย้ายวนลงบนเตียงก็ขึ้นคร่อมร่างของเธอทันที มือทั้งสองข้างลูบไล้ปัดป่ายทั่วร่างใต้ชุดนอนตัวบาง
ซูเมิ่งหานครางเสียงแ่ มือคู่สวยพยายามดันร่างอีกฝ่าย แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ทั้งยังกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของเย่เฟิงมากขึ้น
“คิดถึงฉันไหม?”
เย่เฟิงขบติ่งหูเธอแ่เบา ก่อนกระซิบถาม
“ใครคิดถึงนายกัน” ซูเมิ่งหานหยอกเย้า แล้วถามต่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ หลิงเฉินคนนั้นยังมีชีวิตอยู่จริงเหรอ?”
เย่เฟิงเพิ่งนึกได้ว่าตนยังไม่บอกเื่ของซูเฟยหยิ่ง หลงโม่หราน และพลังสมานิญญา เขาอดโทษตัวเองไม่ได้ เื่สำคัญขนาดนี้กลับลืมพูดกับเธอเสียสนิท แม้เย่เฟิงจะไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงมากนัก แต่เื่ที่หลงหว่านเอ๋อร์รู้แล้ว แต่ซูเมิ่งหานกลับไม่รู้ เธอคงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเท่าไรนัก
“ฉันเจออาจารย์แล้ว...”
เย่เฟิงโอบกอดเธอพร้อมอธิบายเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาสอดมือเข้าไปใต้ชุดนอนตัวบางและลูบไล้ขึ้นไปถึงยอดปทุมถัน แม้ว่าขนาดไม่ใหญ่โตเมื่อเทียบกับหญิงอื่นรอบตัวเย่เฟิง แต่มันก็น่าดึงดูดและมีขนาดพอดีมือ ทั้งยังนุ่มมืออีกด้วย
“เอ๋? อาจารย์ลอยตัวได้ด้วยเหรอ?”
“แล้วเื่หลงโม่หร่านเป็เื่จริงไหม?”
“แล้วพลังสมานิญญาคืออะไร?”
เมื่อซูเมิ่งหานได้ฟังเย่เฟิงพูดถึงเื่ราวต่างๆ ก็ประหลาดใจทุกครั้ง จนไม่ทันสังเกตว่าชุดนอนตัวบางที่สวมอยู่ถูกอีกฝ่ายถอดอย่างคล่องมือ แล้วโยนลงบนโซฟาข้างเตียง
“แล้วอาจารย์... รู้เื่ของฉันไหม?”
เมื่อเย่เฟิงจูบยอดปทุมถัน เธอครางเสียงกระเส่าขณะถามสิ่งที่กังวลเป็พิเศษ
“ฉันบอกอาจารย์ไปแล้ว อีกไม่นานฉันจะพาเธอไปพบอาจารย์”
“อืม”
ซูเมิ่งหานพยักหน้าตอบรับอย่างอ่อนแรง เธอรู้สึกว่าการเล้าโลมของเย่เฟิงทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกแปลกๆ และร้อนรุ่มขึ้นมา
ขณะเดียวกันเย่เฟิงโน้มตัวจู่โจมริมฝีปากแดง แล้วเกี่ยวลิ้นอันหอมหวานของเธอ
“อึก อืม...”
ซูเมิ่งหานหน้าแดงก่ำรู้สึกร้อนรุ่มมากขึ้น มือคู่สวยเปลี่ยนท่าทีต่อต้านเป็วางบนไหล่ของเย่เฟิงเพื่อตอบรับความปรารถนา ขณะหญิงสาวหอบหายใจหนัก ในที่สุดเย่เฟิงก็รุกล้ำเข้าไปพื้นที่ในร่างกายเธอ ทั้งสองคนโอบกอดหลอมรวมเป็หนึ่งเดียว
“อ๊ะ... เบาหน่อยสิ...”
หญิงสาวอ้าปากหอบ เรือนผมสวยแผ่กระจายบนผ้าปูที่นอนสีชมพู ร่างกายขาวเนียนสั่นไหวเล็กน้อย แพรขนตายาวชุ่มไปด้วยน้ำตา ดวงตาปรือขึ้นอย่างเย้ายวน ใบหน้าสวยงามเช่นนี้ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายไม่อาจต้านทานไหว แน่นอนว่าเย่เฟิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาคำรามก่อนระบมจูบอีกฝ่าย อยากกลืนกินเธอราวกับสัตว์ป่าหื่นกระหาย
ทันใดนั้นเย่เฟิงก็รู้สึกได้ถึงจิตหยั่งรู้ที่กวาดมองพวกเขา จึงอดลอบยิ้มไม่ได้ หลงหว่านเอ๋อร์คงอดใจไม่ไหวจนต้องใช้จิตหยั่งรู้แอบมอง เพราะระดับพลังของเย่เฟิงห่างจากเธอสิบปี จึงยากจะหยุดจิตหยั่งรู้ของเธอได้ เขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้เธอมองต่อไป
…………
“คนบ้า คนบ้ากาม คนผีทะเล!”
เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์ทราบจากจิตหยั่งรู้ว่าห้องนอนที่อยู่ถัดไปเต็มไปด้วยบรรยากาศอันเร่าร้อน จึงอดก่นด่าอีกฝ่ายไม่ได้ เธอฝังหน้าลงบนหมอนด้วยใบหน้าแดงก่ำ ด้านชูชูนั้นป้องปากหัวเราะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้