ฉินโจ้วแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะใช้ช่องว่างมิติสัตว์เลี้ยงทั้งสามช่องก่อนที่เขาจะรู้สึกเหมือนเกิดแรงสั่นะเืขึ้นสามจุดในบริเวณพื้นที่ว่างเปล่าหลังจากนั้นช่องว่างมิติสำหรับสัตว์เลี้ยงก็ได้ถูกสร้างขึ้นและเชื่อมโยงกับเขาเดิมทีเขาก็มีช่องว่างมิติสำหรับสัตว์เลี้ยงอยู่สองช่อง ได้รางวัลจากระบบมาอีกหนึ่งช่องและได้เพิ่มมาอีกสามช่อง ทำให้ตอนนี้เขามีทั้งหมดหกช่องว่างมิติสำหรับสัตว์เลี้ยงดูแล้วช่างมากมายเหลือเกิน
หลังจากที่หยดเืสองหยดลงบนไข่สัตว์เลี้ยงทั้งสองใบแล้วผ่านไปชั่วครู่ก็เกิดแสงหลากสีส่องประกายออกมาพลังชีวิตที่แข็งแกร่งได้แผ่พุ่งออกมา เมื่อแสงที่ส่องประกายจางหายไปสัตว์ตัวเล็กขนาดเท่ากำปั้นสองตัวก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าของฉินโจ้วเป็เต่าตัวเล็กตัวหนึ่งกับปลาหมึกั์อีกตัวหนึ่ง
หนานกงเสี่ยวนั่งยองๆ กับพื้นเอามือทั้งสองข้างเท้าคางเอาไว้มองดูเ้าตัวน้อยทั้งสองด้วยความอยากรู้อยากเห็น สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นดวงตายังไม่เปิดขึ้นอย่างเต็มที่ ท่าทางเต็มไปด้วยความงุนงงสับสน
เต่าน้อยนอกจากกระดองเต่าที่มีสีดำแล้วส่วนอื่นก็เป็สีชมพูดู น่าทะนุถนอมและน่ารักเป็อย่างมากบนกระดองเต่าเต็มไปด้วยลวดลายซ้ำๆ มีกลิ่นอายลึกลับแผ่ออกมาเมื่อดูโดยรวมแล้วคงอธิบายออกมาได้ว่า มีหัวเป็เต่าั มีหางเป็กิเลนดูแล้วเหมือนัที่แบกกระดองเต่าไว้ที่หลัง
เต่าอู : สัตว์เลี้ยงระดับ SS ระดับเลเวล 0 พลังชีวิต 100,000 หน่วย ทักษะ : ?
เพราะยังอ่อนแออยู่จึงยังไม่สามารถแสดงทักษะใดๆ ออกมาได้
เมื่อเปรียบเทียบกับเต่าอูแล้วหมึกร้อยหนวดนั้นดูไม่น่ารักเอาเสียเลย แถมยังดูน่ากลัวอีกด้วย ตัวทั้งตัวดูดำขลับเต็มไปด้วยหนวดและปุ่มดูดดูแล้วไม่ต่างจากหนอนดิน เคลื่อนไหวเชื่องช้าบนหนวดและปุ่มดูดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเขี้ยวสีขาวที่เรียงตัวกันอย่างเป็ระเบียบดูแล้วให้ความรู้สึกน่าขนพองสยองเกล้า
หมึกร้อยหนวด : สัตว์เลี้ยงระดับ SSระดับเลเวล 0 พลังชีวิต 100,000 หน่วย ทักษะ : ?
หนานกงเสี่ยวนั้นชอบเต่าอูมากกว่าเธอจึงยื่นนิ้วมือของเธอไปก่อนเพื่อลองััพวกมัน แต่ดูเหมือนเ้าเต่าอูนั้นจะไม่เห็นแก่หน้าสาวสวยเลยแม้แต่น้อยมันเลือกที่จะไต่ขึ้นไปบนเท้าของฉินโจ้ว ทำให้หนานกงเสี่ยวเม้มริมฝีปากสีชมพูแน่นไม่พอใจที่เต่าอูนี่สายตาช่างแย่จัง
ฮ่า... ฮ่า...เสียงหัวเราะของฉินโจ้วดังขึ้น ก่อนจะยื่นผลึกเวทจำนวนหนึ่งให้กับหนานกงเสี่ยวปกติแล้วสัตว์เลี้ยงจะชอบกินผลึกเวท ซึ่งก็เป็ไปตามที่คาดไว้ เมื่อหนานกงเสี่ยวยื่นผลึกเวทให้กับเต่าอูเต่าอูก็แสดงท่าทีเป็มิตรกับเธอทันที ก่อนจะยอมให้เธอััหลังได้เมื่อหมึกร้อยหนวดได้เห็นอย่างนั้นแล้ว ก็มองหนานกงเสี่ยวอย่างมีความหวังหรือพูดให้ถูกก็คือ กำลังมองผลึกเวทในมือของหนานกงเสี่ยวนั่นเอง สมกับเป็สัตว์เลี้ยงระดับSS ซึ่งปกติแล้ว IQ จะไม่ค่อยสูงเท่าไร
หนานกงเสี่ยวถึงกับใจเต้นแรงเมื่อหมึกร้อยหนวดเข้ามาใกล้ซึ่งมันสามารถกินผลึกเวทได้อย่างรวดเร็วโดยปกติแล้วผู้หญิงมักจะเกลียดสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายกับงูดูเหมือนว่าหมึกร้อยหนวดจะกะพริบตาให้กับหนานกงเสี่ยวเพื่อเป็การขอบคุณก่อนจะเพลิดเพลินกับผลึกเวทต่อ
พวกเขาหยอกล้อกับสัตว์เลี้ยงและศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะของพวกมันหลายชั่วโมงผ่านไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนเมื่อยามรักษาการณ์เข้ามารายงานว่าคนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่มาขอพบ แต่ท่าทางของฉินโจ้วไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเหมือนก่อนหน้านี้ก็คือไม่ยอมให้เข้าพบ
หนานกงเสี่ยวจ้องมองเขาตาปริบๆ ก่อนจะยิ้ม และพูดขึ้นว่า"คิดที่จะเรียกราคาเพิ่มหรือ?"
"ฉลาดนะเรา" ฉินโจ้วหัวเราะขึ้นมาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะรู้วิธีที่จะโก่งราคาเสียด้วย
"นิสัยไม่ดีเลย"หนานกงเสี่ยวพูดพลางแลบลิ้นใส่ ดูๆ ไปแล้วเหมือนว่าเขาเองเป็คนค่อนข้างขี้เล่นเพียงแต่ว่าเวลาปกติชอบเข้มงวดทำเหมือนเป็อาจารย์สอนเด็ก
"แล้วใครใช้ให้เขามารังแกผมก่อนล่ะ" ฉินโจ้วตอบกลับได้โดยไม่ต้องคิด
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีชายคนดังกล่าวก็กลับเข้ามารายงานอีกครั้งว่าคนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ยินดีที่จะเพิ่มราคาขึ้นให้อีก 1.5 เท่าฉินโจ้วยิ้ม แต่ยังคงวางมาดเหมือนเดิมคือ ยังไม่ยอมให้เข้าพบ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาคนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่มาขอเข้าพบอีกหลายต่อหลายครั้ง และราคาก็เพิ่มขึ้นจาก 1.5 เท่าไปเป็ 2 เท่าของราคาปกติแต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็ยังปราศจากเสียงตอบรับใดๆ
"ไม่คิดราคาแพงเกินไปหน่อยหรือ?" หนานกงเสี่ยวเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกกังวลศัตรูน้อยลงไปหนึ่งคน ดีกว่ามีเพื่อนเพิ่มขึ้นสิบคนเสียอีกโดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจด้วยแล้ว ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะถูกแทงข้างหลังเมื่อไร
"พวกเขาไม่มีทางเลือก" ฉินโจ้วเองก็มีแผนเตรียมไว้อยู่ในใจแล้วจึงไม่กังวลแต่อย่างใด อีกอย่างราคาสองเท่าที่กิลด์ราตรียิ่งใหญ่ยอมให้นั้นถือว่าเป็สัญญาณของการประนีประนอม เมื่อเป็เ้าของเหมืองแร่ที่ป่าเอลฟ์ฉินหวังกรุ๊ปก็ไม่ได้ถูกเหยียบย่ำเหมือนมดตัวเล็กๆ อีกต่อไปแต่กำลังจะกลายเป็สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถที่จะเผชิญหน้าและคุกคามการมีอยู่ของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ได้แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ฉินหวังกรุ๊ปปราบหอเลิศรสลงได้ทำให้ผู้คนที่เคยมีปัญหากับฉินโจ้วถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่น เพราะเกรงว่าจะเป็เป้าหมายที่ถูกโจมตีเป็รายต่อไปเมื่อเทียบกับกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ที่ถูกฉินหวังกรุ๊ปโจมตีไปก่อนหน้านี้แล้วฉินโจ้วถือว่าราคานี้ค่อนข้างเหมาะสมแล้ว
ทันทีที่ฉินโจ้วพูดจบคนรับใช้ก็เข้ามารายงานว่า คนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่้าขอเข้าพบฉินโจ้วไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเองก็ไม่ได้มองดูเวลาในตอนนี้ ก่อนจะอนุญาตให้ชายคนดังกล่าวเข้ามาได้
ตัวแทนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่คือ รองหัวหน้ากิลด์‘เจี่ยนเตาโฉ่ว’ (มือกรรไกร)และมีลูกน้องติดตามมาด้วยอีกสองคน ก่อนจะตรงเข้ามาในห้องนั่งเล่นเจี่ยนเตาโฉ่วกำหมัดประสานมือแสดงความเคารพ และพูดขึ้นว่า "ได้พบกันอีกครั้ง คุณฉินหวัง”คำพูดที่แสดงออกมานั้น ไม่ได้ดูนอบน้อม แต่ก็ไม่หยิ่งยโสท่าทีดูสงบเยือกเย็นไม่มีอาการโกรธเกรี้ยวจากการที่ถูกปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งให้เห็นแม้แต่น้อย
ถ้า้าซื้ออาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ ราคาสูงขึ้นสามเท่าจากปกติมีวัตถุดิบจำนวน 10 ล้านชิ้น ผลึกเวทระดับกลาง 1,000 ชิ้น และแผนที่ 1 ชิ้น"ท่าทีของฉินโจ้วนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยในขณะที่พูด
เจี่ยนเตาโฉ่วถึงกับใน้ำเสียงของฉินโจ้วไม่เหมือนการต่อรอง แต่เหมือนเป็คำสั่งมากกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถตัดสินใจในข้อตกลงหลายๆสิ่งได้ แต่ไม่สามารถตัดสินใจเื่แผนที่ได้ กิลด์ราตรียิ่งใหญ่เพิ่งจะได้แผนที่มาเมื่อสามวันที่ผ่านมาเื่นี้เป็ความลับของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่หัวหน้าระดับสูงเองยังไม่มีสิทธิ์รู้เื่นี้เลยด้วยซ้ำ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรกัน เจี่ยนเตาโฉ่วรู้สึกประหลาดใจในความฉลาดของฉินโจ้วทำให้เขาไม่กล้าที่จะมองข้าม เขาจึงบอกกับฉินโจ้วว่า เขาไม่สามารถตัดสินใจในเื่นี้ได้จำเป็ต้องปรึกษากับหัวหน้ากิลด์เสียก่อน ฉินโจ้วจึงให้เวลาเขาสิบนาที
เมื่อได้รับข้อความจากเจี่ยนเตาโฉ่วทองคำราตรีก็เรียกประชุมขึ้นในห้องประชุมของเมืองหนูทันทีกิลด์ราตรียิ่งใหญ่นั้นมีเงินทุนค่อนข้างมากระยะเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนนับั้แ่ล้มเหลวจากาป้องกันเมืองคราวก่อนเมืองใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นบนซากปรักหักพัง และขนาดก็ไม่ได้เล็กกว่าแต่ก่อนเลย กลับยิ่งใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก
ในห้องประชุมมีคนอยู่ทั้งหมดห้าคนหัวหน้ากิลด์ทองคำราตรี รองหัวหน้ากิลด์ ‘จั่วอั้น’รองหัวหน้ากิลด์ ‘ฉิงเฟิง’ ผู้บังคับบัญชากองทหาร ‘เถี่ยฉวั้น’ (กำปั้นเหล็ก) หัวหน้าแผนกขนส่ง ‘เฟิงย่า’ อันที่จริงแล้ว พวกเขาอยู่ั้แ่ตอนที่ได้รับข้อความจากเจี่ยนเตาโฉ่วแล้ว
หลังจากที่ทองคำราตรีได้ฟังเงื่อนไขจากเจี่ยนเตาโฉ่วแล้วเขาก็นั่งนิ่งและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เมื่อผู้บัญชาการกองทหารได้ยินก็รู้สึกโกรธทันทีก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า "ฉินโจ้วรังแกกันมากเกินไปแล้ว ต้องจ่ายราคาสามเท่านี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกปล้น และแถมยัง้าแผนที่อีกด้วยเฮอะ... ฝันไปเถอะ"
สีหน้าของเฟิงย่าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขาไม่เพียงเป็ผู้ดูแลเื่ระบบขนส่งแต่ยังดูแลเื่เงินทุนอีกด้วยนั่นทำให้ไม่มีใครรู้สถานการณ์ทางการเงินของราตรียิ่งใหญ่ได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว เมื่อเขาคำนวณในใจราคาสามเท่านั่นก็เกือบ 3 ล้านเหรียญทองเข้าไปแล้วถ้าหากว่าจ่ายเงินก้อนนี้ออกไปอีก สถานะทางการเงินของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ต้องถึงจุดต่ำสุดเป็แน่บางทีแม้แต่เงินเดือนของพนักงานของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่เองก็ยังไม่สามารถจ่ายได้ถึงแม้ว่าจะมีธนาคารทองคำอยู่ แต่เงินที่มีอยู่ก็ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้มิเช่นนั้นแล้วจะเป็การทำลายระบบห่วงโซ่ของเงินทุนที่มีอยู่ ซึ่งเื่นี้เฟิงย่าเองก็ไม่กล้าเสี่ยงและสุดท้ายยังได้รับผลกระทบเมื่อครั้งล่าสุดที่การเงินของธนาคารฉินหวังนั้นเข้าขั้นวิกฤติอีกธนาคารทองคำเองก็เสียชื่อเสียงไปไม่น้อย และเมื่อรวมกับการต่อสู้กับธนาคารฉินหวังทำให้วันเวลาของธนาคารทองคำนั้นผ่านไปอย่างยากลำบาก
คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าเฟิงย่านั้นเป็หัวหน้าฝ่ายการเงินด้วยซึ่งสิ่งเหล่านี้เขาเข้าใจได้เป็อย่างดี ก่อนจะเอ่ยคัดค้านขึ้น"ผมไม่เห็นด้วยกับราคาที่ต้องจ่ายสามเท่า มันค่อนข้างสูงมากเกินไป"
สีหน้าของฉิงเฟิงคล้ำราวกับแร่เหล็กก่อนจะพูดขึ้นว่า "ทำไมฉินโจ้วถึงรู้ได้ว่าเรามีแผนที่อยู่ในมือต้องมีใครเปิดเผยความลับออกไปแน่ ชายคนนี้น่าจะไปตายเสียจริง พับผ่าสิ”
"ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกันถึงเื่นี้ให้คิดว่าจะยอมรับเงื่อนไขของฉินโจ้วหรือไม่ เวลากำลังจะหมดลงไปเรื่อยๆ แล้ว"จั่วอั้นเอ่ยขึ้นมา
"ผมไม่เห็นด้วยที่จะส่งแผนที่ให้" เถี่ยฉวั้นแสดงจุดยืนที่ชัดเจน
"ผมเองก็ไม่เห็นด้วยกับราคาสามเท่าเราสามารถใช้ไอเทมอื่นๆแลกเปลี่ยนได้หรือไม่?" ฉิงเฟิงกล่าวขึ้น
สีหน้าของทองคำราตรีนิ่งสงบไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยก่อนจะส่ายหน้า และพูดขึ้นว่า "ฉินหวังนั้นมีจุดยืนที่ชัดเจนมากไม่มีใครเปลี่ยนความคิดของเขาได้หรอก"
"ผมไม่เชื่อหรอกว่า ถ้าเราไม่มีอุปกรณ์จากฉินหวังกรุ๊ปแล้วเราจะทำภารกิจไม่สำเร็จ ครั้งที่แล้วนั้นเรายังขาดการเตรียมพร้อมด้วยประสบการณ์จากการป้องกันเมืองของกลุ่มสายฟ้า แต่ไม่มีทางที่เราจะทำไม่สำเร็จในครั้งถัดไป"เถี่ยฉวั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างมั่นใจ
รองหัวหน้ากิลด์จั่วอั้นขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้นว่า"จริงๆ แล้วคุณมีความมั่นใจมากแค่ไหน?"
น้ำเสียงของเถี่ยฉวั้นเริ่มอ่อนลงในทันทีขณะที่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า "น่าจะน้อยกว่า 40%"
"ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือ การสร้างเมืองหนูให้สำเร็จที่สำคัญเราลงทุนไปมากกับเมืองหนูถึงแม้ว่าราคาสูงสามเท่าและแผนที่นั้นต่างก็สำคัญทั้งคู่ซึ่งเราเองก็ไม่สามารถรับไหว แต่สิ่งหนึ่งที่คุณอาจจะไม่รู้นั่นก็คือในวันแรกหลังจากกลุ่มสายฟ้าทำาป้องกันเมืองสำเร็จมีรายได้เข้าสู่เมืองงู 130,000 เหรียญทองและเมืองวัวที่เป็ของกิลด์วังเทพแห่งตะวันเองก็มีรายรับเข้ามา 150,000 เหรียญทอง ถึงแม้ว่านี่เป็เพียงแค่วันแรกซึ่งรายได้หลักจะมาจากการซื้อที่ดิน แต่ถ้าตัดรายได้ส่วนนี้ออกไปผลกำไรต่อวันน่าจะอยู่ที่ 2,000-5,000 เหรียญทองด้วยการหลั่งไหลที่เพิ่มขึ้นของประชากร ตัวเลขนี้ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นที่จะพูดก็คือเราสามารถฟื้นฟูค่าใช้จ่ายที่เสียไปได้โดยต้องใช้เวลาราวหนึ่งปีหรือน้อยกว่านั้นผมจึงมีความเห็นว่า มันเป็ราคาที่ค่อนข้างคุ้มค่า"รองหัวหน้ากิลด์จั่วอั้นได้แสดงรายการข้อมูล ซึ่งดูเหมือนว่าเขานั้นจะเห็นด้วย
"แต่ว่า..." หัวหน้ากองทหารเถี่ยฉวั้นทำท่าจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาเป็คนทำแผนที่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าแผนที่ใหม่นั้นจะสามารถช่วยปรับปรุงให้กิลด์แข็งแกร่งขึ้นได้มากขนาดไหนแต่ถึงอย่างนั้นถ้าอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้ายังไม่จบสิ้น ก็จะทำให้ก้าวต่อไปไม่ได้ ซึ่งในใจของเขาไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขดังกล่าวทำให้รู้สึกท้อแท้เป็อย่างมาก
เฟิงย่าก็ไม่ได้คัดค้านอีกต่อไปจากการวิเคราะห์ของจั่วอั้น การทำธุรกิจนี้ดูเหมือนจะคุ้มค่าถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายอาจจะดูสูงไปบ้าง แต่ในแง่ของรายได้ที่เข้ามานั้นค่อนข้างน่าประทับใจ
ฉิงเฟิงไม่ได้เอ่ยอะไรและยกการตัดสินใจให้กับทองคำราตรีทุกคนต่างมองไปที่ทองคำราตรีเพื่อรอให้เขาเป็คนตัดสินใจ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ทองคำราตรีก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป ในขณะที่กำลังจะเดินออกไปนั้นเขาก็พูดขึ้นประโยคหนึ่งอย่างห่อเหี่ยว
"ทำตามข้อตกลงที่ฉินโจ้วเรียกร้อง"
เจี่ยนเตาโฉ่วเดินออกมาด้วยความโล่งอกถึงแม้ว่าเขาจะเป็หัวหน้ากลุ่ม แต่ก็รู้สึกประหม่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินโจ้วที่มีสถานะที่เหนือกว่าผู้อื่นเขาไม่กล้าที่จะพูดเสียงดัง จนกระทั่งได้รับมอบอาวุธเรียบร้อยจึงค่อยรู้สึกว่าแรงกดดันที่มีค่อยๆหายไป
ฉินโจ้วไม่ได้ใส่ใจท่าทีของเจี่ยนเตาโฉ่วในใจของเขานั้นจดจ่ออยู่กับแผนที่ที่อยู่ในมือ แผนที่นั้นเป็สิ่งที่หาได้ยากมากในเกมเปรียบไปก็คล้ายกับกุญแจดอกหนึ่ง กุญแจที่สามารถใช้เปิดประตูก็เหมือนกับแผนที่ที่สามารถใช้เปิดโลกใหม่ได้ นี่ไม่ใช่เื่ที่พูดเกินจริงแต่อย่างใดเนื่องจากแผนที่นั้นหาได้ค่อนข้างยาก และแผนที่ส่วนใหญ่ก็มักจะเผยให้เห็นเทือกเขาหรือทุ่งหญ้าบางครั้งอาจจะเป็ปราสาท แต่สำหรับในกรณีนี้มันเป็สถานที่ที่ยังไม่เคยมีผู้ใดได้เคยสำรวจมาก่อน
คนที่เปิดแผนที่นั้นมีสิทธิ์ที่จะตั้งชื่อแผนที่หรือมีสิทธิ์ในการใช้แผนที่ได้ซึ่งถ้ามีการตั้งชื่อก็จะได้เพียงแค่แต้มชื่อเสียงเท่านั้นแต่สิทธิ์อย่างหลังนั้นคือผลประโยชน์อย่างแท้จริง
และเมื่อถูกตามล่าจากใครบางคนก็สามารถใช้เป็ป้อมปราการป้องกันความปลอดภัยได้อีกด้วย
ถ้าแผนที่ใหม่แสดงให้เห็นถึงบางสิ่งที่มีเฉพาะเพียงในเกมเท่านั้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจก็จะแตกแขนงออกไปราวกับสายน้ำ แน่นอนว่านี่คงต้องขึ้นอยู่กับโชคด้วยแผนที่ส่วนใหญ่มักจะมีแต่สิ่งของทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นการได้จัดการมอนสเตอร์เป็คนแรกที่แผนที่ใหม่ก็ให้อัตราการตอบแทนสูงถึงสามเท่าซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นแย่งกันไปที่แผนที่ใหม่แล้ว
ฉินโจ้วไม่ได้สนใจอัตราการดรอปของไอเทม เขา้าเพียงแค่ไอเทมเดียวเท่านั้นถึงแม้ว่าความน่าจะเป็จะน้อยมากก็ตาม แต่เขามักจะโชคดีอยู่เสมอฉินโจ้วกำลังตั้งตารอคอยให้แผนที่ใหม่นี้เปิดขึ้น เพื่อที่เขาจะได้นำบางสิ่งนั้นออกมาได้
เพียงครั้งแรกที่ได้เห็นแผนที่ดูคล้ายกับบัตรเชิญ สีแดงของมันทำให้มองดูเด่นเป็อย่างมากด้านหน้านั้นมีตัวอักษรขนาดใหญ่อยู่สี่ตัว ''ท่องเที่ยวค้นหา''นี่เป็สัญลักษณ์ของแผนที่ใหม่ ด้านหลังเหมือนเป็เขาวงกต เป็สิ่งที่แผนที่้าจะบอกว่าจะค้นหามันได้อย่างไร
ซึ่งสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน ไม่ซับซ้อน
"คุณสนใจที่จะไปสำรวจแผนที่ใหม่ด้วยกันไหม?" ฉินโจ้วถามขึ้น
"ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ฉันก็จะไปด้วย" หนานกงเสี่ยวตกปากรับคำ"แต่ว่า่วันสองวันนี้ ฉันอาจจะต้องอยู่ที่โรงแรมหลายวันหน่อยพี่ชายฉันต้องรู้สึกเป็ห่วงแน่ ฉันจะกลับมาเมื่อมีโอกาสและจะย้ายไปอยู่บ้านของนาย"
ดวงตาของฉินโจ้วเป็ประกายเจิดจ้าก่อนจะพูดสนับสนุนขึ้นว่า "นี่เป็ความคิดที่ดีมาก ถ้ารีบหน่อยก็ดี ผมเองก็เพิ่งจะซื้อบ้านที่ผ่านมาได้แต่พูดว่าจะย้ายๆ แต่ก็ไม่มีเวลาสักที ดูเหมือนว่าควรใช้เวลานี้จัดการให้เรียบร้อยเสียที"
"อืม..."หนานกงเสี่ยวรู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมากเมื่อคิดว่ามีสถานที่ส่วนตัวที่สามารถลงหลักปักฐานได้ชั่วชีวิต ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข
ในเวลานี้ทั้งสองก็เห็นด้วยว่าเป็เวลาที่ดีที่จะออฟไลน์พร้อมกัน เพื่อออกไปจัดการธุระส่วนตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้