จากนั้นนางก็เปิดกล่องเครื่องประดับไม้มะฮอกกานีอีกกล่องหนึ่ง ซึ่งแบ่งออกเป็สามชั้น โดยชั้นบนมีชุดเครื่องศีรษะทอง ชั้นล่างลงมามีชุดเครื่องประดับทับทิมหนึ่งชุดและไพลินหนึ่งชุด
หลิวเต้าเซียงมองดูแล้วถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “ท่านพี่ ปีนี้ท่านสอนพี่สาวน้องสาวในหมู่บ้านให้เย็บปัก ตอนนี้พวกนางเป็อย่างไรบ้างแล้ว?”
“เ้าไม่รู้สินะ นับแต่โบราณก็มีการยกย่องบุรุษมากกว่าสตรี ท่านแม่ไม่ได้คลอดลูกชายก็ถูกท่านย่าด่าทอมาตลอดว่าไม่ได้เื่ ข้าเกลียดท่านย่านัก ดังนั้นพวกนางจึงชอบฝึก หลังจากฝึกก็หาเงินเข้าบ้านได้ ตอนนี้มีใครกล้าบอกว่าผู้หญิงอย่างเราเป็ตัวล้างผลาญ กินข้าวเปล่าๆ อีก”
หลิวชิวเซียงผู้อ่อนโยนอยู่เสมอมีความพากเพียรของตนเอง เวลาที่เผชิญหน้ากับหลิวฉีซื่อ นางกับหลิวเต้าเซียงนั้นมีภาพจำที่ชัดเจนมาก ั้แ่เด็กท่านย่าบอกว่าครอบครัวของนางนั้นจบสิ้นแล้ว มีแต่ตัวล้างผลาญทั้งบ้าน
เพราะเหตุนี้สหายของหลิวชิวเซียงหลายคน แม้บางคนจะได้รับความรักจากที่บ้าน แต่ก็เทียบกับคนที่เป็พี่ชายหรือน้องชายในครอบครัวไม่ได้ จึงน้อยเนื้อต่ำใจกันอย่างมาก
หลิวเต้าเซียงยิ้มและถามว่า “แล้วพวกเขาเรียนรู้เป็อย่างไร?”
“มีบางคนที่เก่งกาจ กำลังฝึกเย็บปักลวดลายที่ยากและซับซ้อนบนเสื้อผ้า ทว่าล้วนปักผ้าเช็ดหน้าและกระเป๋าเงินได้กันหมด” หลิวชิวเซียงเห็นนางไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยต่อ “เ้าอย่าคิดว่าหนึ่งปีจะเป็เวลาที่นาน พวกนางคนไหนที่ไม่ยินยอมขึ้นเขาไปเกี่ยวหญ้าหมู กลับบ้านก็ต้องทำงานบ้าน งานเกษตรก็ต้องช่วยเหลือ ข้าไม่เข้าใจว่า ตอนนั้นท่านย่าเอาแต่ด่าเราว่าเป็ตัวล้างผลาญ แต่งานที่สั่งให้ข้าทำไม่ได้น้อยกว่าเด็กผู้ชายแต่อย่างใด”
หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกไปสะกิดนาง “อยู่ดีๆ เหตุใดจึงเศร้าขึ้นมาอีก อย่างน้อยก็แยกบ้านกันแล้ว เราปิดประตูบ้านให้สนิทและใช้ชีวิตของใครของมัน ท่านย่าแม้จะมาก่อกวนที่บ้านบ้าง แต่จะเอาของไปได้เท่าไรกันเชียว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางได้แต่แอบท่านปู่มา ตอนที่ท่านปู่อยู่บ้าน นางไม่กล้ามาก่อเื่อยู่แล้ว”
หลิวชิวเซียงคิดดู รู้สึกว่าตนเองนั้นอ่อนไหวเกินไปหรือไม่ จึงยิ้มแล้วถาม “ยามปกติเ้าไม่เหลียวแลด้วยซ้ำ เหตุใดวันนี้จึงเอ่ยถามเื่เย็บปักหาเงินกัน?”
หลิวเต้าเซียงนั้นเกียจคร้านจนเคยตัว ตนเองอาศัยห้วงมิติในหนึ่งปีมานี้หาเงินได้หนึ่งพันสามร้อยตำลึง บวกกับเงินเก็บปีที่แล้วอีกสองร้อยยี่สิบตำลึง ในเวลาเพียงแค่สองปี ในมือของนางก็มีเงินมากถึงหนึ่งพันห้าร้อยยี่สิบตำลึง
ดังนั้นจดหมายของซูจื่อเยี่ยจึงทำให้นางหวั่นไหว แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตา
นางมองไปที่หลิวชิวเซียงก่อนจะถามด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพี่ ท่าน้าหาเงินมากกว่านี้หรือไม่?”
หลิวชิวเซียงขำขันแล้วยกนิ้วขึ้นมาดีดหน้าผากนางเบาๆ ยิ้มแล้วตำหนิ “ข้าว่าเ้าคงมีมารเข้าสิง อยากได้เงินจนบ้าไปแล้ว”
“เซียงเซียง พี่สาวพูดถูกต้อง คุณอยากได้เงินจนบ้าแล้ว ทำไมไม่รีบขยายพื้นที่ห้วงมิติ แบบนี้ถ้าคุณถึงระดับสูงเมื่อไร ก็สามารถนำเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชีได้” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดสร้างความมีตัวตน
หลิวเต้าเซียงดูิ่มัน “นายคิดว่ามาดึงดูดความสนใจแล้วฉันจะเปลี่ยนใจหรือ ไม่มีทาง!”
จริงๆ เลย ไม่กลัวเลยว่าจะทำให้หัวใจที่อ่อนไหวของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดนั้นแหลกละเอียด
การสื่อสารของนางกับสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเกิดขึ้นในชั่วอึดใจเดียว
หลิวเต้าเซียงเห็นว่าหลิวชิวเซียงไม่เชื่อ จึงกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าพูดเป็ความจริง ท่านพี่กำลังจะออกเรือน ก็ต้องหาเงินสินเ้าสาวให้ตัวเองอีกหน่อย พี่หูจื่อดูแล้วคงไม่ใช่คนที่หาเงินเก่งหรอก”
หาเงินไม่เก่งไม่พอ ยังเป็ตัวกินจุด้วย!
“เ้าพูดจริงหรือ? พี่หูจื่อหาเงินไม่เป็จริงๆ!” ได้ยินนางพูดเช่นนี้ หลิวชิวเซียงก็หันมาใส่ใจอย่างแท้จริง
หลิวเต้าเซียงใช้ไหล่กระทบนางเบาๆ “พี่หูจื่อส่งจดหมายมาหรือ?”
หลิวชิวเซียงไม่ตอบและกล่าวว่า “เ้าลองบอกวิธีหาเงินของเ้ามาสิ!”
“เมื่อครู่พี่จื่อเยี่ยส่งข่าวมาไม่ใช่หรือ บอกว่าอยากเจรจาธุรกิจ กล่าวคือ ไม่รู้ว่าเขาให้ใครไปทำค้าขายอะไร แต่บอกเพียงว่า้าผ้าเช็ดหน้า กระเป๋าเงิน และถุงหอมเย็บปักจำนวนมาก ถึงอย่างไรบ้านเราก็มีแต่ป่ากับเขา เขาบอกอีกว่า้าในฤดูใบไม้ผลิปีหน้ากับเดือนสิบเอ็ด สองรอบก็พอ ส่วนปริมาณ ยิ่งเยอะยิ่งดี”
หลิวชิวเซียงรู้สึกหวั่นไหวเมื่อได้ยิน จึงถามย้ำ “เื่จริงหรือ?”
“แน่นอนสิ เขายังบอกอีกว่า หากว่าเป็ไปได้ให้ข้าส่งจดหมายให้เขาที่สถานีรถม้าหลังปีใหม่ทันที” หลิวเต้าเซียงคิดว่าไปกลับแบบนี้คงใช้ระยะเวลาราวสองเดือน “พี่ก็รู้ว่าข้าไม่ถนัดงานเย็บปัก หากท่านพี่ยินยอม ก็ให้ท่านพี่เอาไปเป็สินเ้าสาว แน่นอนว่าอย่าลืมความดีของข้าล่ะ ทุกปีท่านพี่ต้องตัดชุดสวยๆ ให้ข้าหลายๆ ชุดนะ”
หลิวชิวเซียงอดไม่ได้ที่จะหยิกจมูกเล็กๆ ของน้องรองเบาๆ “ดูเ้าคิดสวยหรูเชียว” ถึงแม้ว่านางจะไม่เอ่ย แต่คนเป็พี่สาวจะไม่ทำให้เลยเชียวหรือ?
“ไม่เหมือนกัน นั่นเป็ของตอบแทนทุกปีของท่านพี่” หลิวเต้าเซียงกระดิกจมูกเล็กๆ ของตนเองอย่างน่ารักน่าชัง
“นี่ เดี๋ยวนี้รู้จักของขวัญตอบแทนแล้วหรือ ได้เลย!” หลิวชิวเซียงหยอกล้อนาง แล้วเอ่ยอีก “ถึงอย่างไรคุณชายซูก็บอกว่าเป็เื่หลังปีใหม่ รอวันที่หนึ่งตอนที่เราไปสวัสดีปีใหม่ในแต่ละบ้าน ข้าจะเอ่ยกับพี่น้องทุกคนเอง แล้วรอคำตอบจากพวกนางหลังวันที่สิบห้า”
หลิวเต้าเซียงยักไหล่และผายมือออก “ตามนั้น!”
ความน่ารักน่าชังทำให้หลิวชิวเซียงหัวใจละลาย แล้วโอบกอดน้องสาวอย่างหวงแหน
หลิวชุนเซียงกลับหึงหวงเป็เมื่อเห็นพี่สาวทั้งสองมัวแต่คุยและหัวเราะกันเอง นางไม่พูดจาใดๆ หอบค้อนของเล่นที่เฉินซื่อถือไว้แล้ววิ่งดุ่มๆ มาระหว่างคนทั้งสอง จากนั้นก็ไปหาหลิวชิวเซียง อีกเดี๋ยวก็ไปก่อกวนหลิวเต้าเซียง
เฉินซื่อได้ยินเสียงหัวเราะของครอบครัวจากข้างนอก กระทั่งริ้วรอยบนหน้าผากก็ลดน้อยลงไปไม่น้อย
ทางด้านของหลิวซานกุ้ยเป็ไปตามที่เขาคาดไว้ หลิวต้าฟู่ยื้อให้เขาอยู่ทานอาหารเที่ยงด้วยกัน ทว่าตอนที่กลับมาสีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก จางกุ้ยฮัวใกล้คลอดแล้วจึงไม่ได้สังเกต ถามเพียงว่าเขากินข้าวหรือยัง เมื่อได้ยินคำตอบว่ากินมาแล้วก็หันศีรษะไปนอนพักบนคั่งไฟในห้องตะวันตก
เฉินซื่อนวดแป้งในห้องครัวไว้เรียบร้อย วันที่ยี่สิบเก้าก็พาหลานสาวสามคนทำหมั่นโถวนึ่ง พริบตาเดียวก็ถึงวันสิ้นปี
ทันทีที่หลิวเต้าเซียงลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าพี่สาวกำลังถือไม้กวาดทำความสะอาด นางขยี้ตาแล้วเอ่ยถาม “ท่านพี่ ข้างนอกหิมะตกหรือไม่?”
“กำลังตกโปรยปราย วันนี้ไม่มีเื่อะไร เ้านอนต่ออีกหน่อยดีหรือไม่?” หลิวชิวเซียงเอ็นดูน้องสาวคนนี้มาตลอด นางจำได้เสมอว่าเป็เพราะน้องรองที่มีนิสัยเด็ดเดี่ยวหัวรั้น ตอนที่นางอายุเก้าขวบเพิ่งจะเคยได้กินพุทราจีนครั้งแรกและรู้ว่ารสชาติหวานนั้นเป็อย่างไร ไม่รู้เพราะเื่นี้หรือไม่ที่ชีวิตครอบครัวหลังจากนั้นเป็ต้นมาก็เริ่มหวานมากขึ้นทุกวัน
จนถึงตอนนี้ ครอบครัวของนางก็มีแต่ความสุข มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ แม้ว่าจะยังคงอาศัยในบ้านดิน แต่เมื่อวานได้ยินน้องรองพึมพำว่า ่ต้นฤดูใบไม้ผลิจะเลือกสถานที่สร้างบ้านเอ้อร์จิ้นย่วน แล้วก็มีเรือนรับรองขนาบซ้ายขวาด้วย
หลิวชิวเซียงเป็คนที่พอใจง่าย นางรู้สึกชีวิตครอบครัวตอนนี้ก็ดีมากแล้ว
“ไม่ล่ะ เพราะอากาศหนาวเกินไป จมูกเย็นจนแข็งแล้ว ไม่อยากออกจากที่นอนอุ่นๆ” หลิวเต้าเซียงเก็บมือเข้าไปในผ้าห่มตามเดิม เมื่อครู่ขยี้ตาและรู้สึกมือเย็น
“ท่านพี่ วันนี้บ้านเรายังมีอะไรต้องทำหรือไม่?”
“ไม่มี เพียงแต่ต้องทำความสะอาดหลังอาหารค่ำอีกหนึ่งรอบ วันรุ่งขึ้นคือวันปีใหม่ ได้ยินท่านยายบอกว่าห้ามกวาดบ้าน” หลิวชิวเซียงเก็บกวาดอย่างคล่องแคล่ว
ในสมัยโบราณ หลายคนเชื่อในเื่นี้ โดยคิดว่าวันแรกของปีเป็วันเปิดปีใหม่ ห้ามปัดกวาดสิ่งมงคลในบ้านออกไป ดังนั้นจึงห้ามใช้ไม้กวาดกวาดพื้น
หลิวเต้าเซียงคิดๆ แล้วก็ยิ้มตาพริ้มและเอ่ยว่า “เช่นนั้นรุ่งขึ้นตอนที่ขอซองแดงกับท่านพ่อ จะต้องกล่าวอวยพรว่า ยินดีกับท่านพ่อที่สอบผ่าน”
หลิวชิวเซียงกล่าวว่า “เ้าอยากอ้อนท่านพ่อให้สองซองสินะ!”
สองพี่น้องพูดคุยกันสักพัก หลิวเต้าเซียงซุกมือไว้ใต้ผ้าห่มจนอุ่น ส่วนหลิวชิวเซียงก็นำเสื้อผ้าของนางมาตากบนเตาไฟเพื่อไล่ความเย็น
หลิวเต้าเซียงรับเสื้อผ้าอย่างมีความสุขและกล่าวว่า “จริงๆ ด้วย เด็กที่มีพี่สาวคือเด็กโชคดี”
หลิวชิวเซียงเหลือบมองอย่างไม่ไยดี “คิดสวยหรูอีกแล้ว!”
หลังจากที่หลิวเต้าเซียงล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ทั้งสองก็ไปอุ้มหลิวชุนเซียงที่กำลังหลับอุตุอยู่ในห้องปีกตะวันตกขึ้นมาแล้วล้างหน้าล้างตาให้นาง จากนั้นก็พาไปห้องครัว ตอนที่สามพี่น้องเข้าไป เฉินซื่อได้ลวกบะหมี่ไว้ให้คนละถ้วย ้ายังมีไข่ดาววางทับ้าด้วย
เมื่อเห็นทั้งสามคนเข้ามา ก็ยิ้มทักทาย “รีบมากินบะหมี่เร็ว เพิ่งทำเสร็จ แช่นานจะไม่อร่อย”
จากนั้นนางก็ยกถ้วยที่ไม่มีพริกขึ้นมาแล้วเอ่ย “ข้าจะเอาบะหมี่ไปให้แม่พวกเ้า อากาศหนาวเกินไป แม่เ้าใส่เสื้อผ้าราวกับซาลาเปา ใกล้คลอดแล้ว ไม่ควรให้นางออกมาเดินเพ่นพ่าน”
จางกุ้ยฮัวผู้น่าสงสาร มารดาของพวกนางถูกท่านยายกักขังไว้ ห้ามก้าวออกจากห้องโถงเด็ดขาด
“น้องสาม มานั่งข้างพี่รองทางนี้ กินบะหมี่กับพี่รองดีหรือไม่?” หลิวเต้าเซียงกุมมือน้อยๆ ของหลิวชุนเซียง
หลิวชุนเซียงอ่อนไหวมาก่นี้ ได้ยินว่าน้องชายน้องสาวในท้องมารดาจะออกมาแล้ว ซึ่งมารดานั้นชอบใจมาก นางจึงรู้สึกว่ามารดาไม่รักตนเองแล้ว
“ได้!” หลิวชุนเซียงทำตัวน่ารักกว่าเดิมนัก
หลิวเต้าเซียงปลอบโยนอีกครั้ง “น้องสาม เด็กดี ท่านแม่มีน้องชายน้องสาว ร่างกายอ่อนเพลียง่าย เราต้องรักท่านแม่ให้มากๆ ตอนที่เ้าอยู่ในท้องท่านแม่ ท่านแม่ก็รักเ้าเช่นนี้”
“จริงหรือ?” ดวงตาดำขลับขนาดใหญ่ของหลิวชุนเซียงเปล่งประกายเจิดจ้า
หลิวเต้าเซียงยิ้ม “ข้าจะโกหกเ้าด้วยเหตุใด ไม่เชื่อเ้าก็ถามพี่ใหญ่สิ ตอนที่เ้าเพิ่งเกิดมา ท่านแม่ไม่มีเวลาสนใจพวกข้าด้วยซ้ำ วันๆ เฝ้าแต่เ้าคนเดียว”
แม้ว่าหลิวชุนเซียงจะยังพูดได้ไม่คล่อง แต่นางก็รู้ว่าผู้ใหญ่รักนางหรือไม่
หลังจากเกลี้ยกล่อมหลิวชุนเซียง สามพี่น้องก็กินบะหมี่ในชามอย่างช้าๆ
เพล้ง! จู่ๆ ก็มีเสียงชามแตกดังมาจากห้องตะวันตก
หลิวเต้าเซียงลุกขึ้นยืน เอ่ยถามอย่างประหม่าว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ดูเหมือนจะมีชามแตกในห้องท่านแม่” หลิวชิวเซียงตอบอย่างไม่มั่นใจ
“ข้าจะไปดู” ก่อนที่นางจะพูดจบก็ได้ยินเสียงเฉินซื่อะโดังออกมา บอกให้หลิวซานกุ้ยไปเชิญหมอตำแยในหมู่บ้าน
“ท่านยาย เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของข้า?” หลิวเต้าเซียงรีบวิ่งไปที่ประตูห้องตะวันตก ส่วนหลิวซานกุ้ยที่กำลังยุ่งกับการซ่อมเล้าไก่ก็กลับมาแล้ว
“ท่านแม่ กุ้ยฮัวเป็อะไรไป?”
เฉินซื่อสูงวัยมากแล้ว ผ่านเื่ราวประสบการณ์นับไม่ถ้วน ขณะนี้อารมณ์สงบนิ่งและเอ่ย “เ้ารีบไปเชิญหมอตำแยในหมู่บ้านมาเร็วเข้า กุ้ยฮัวจะคลอดแล้ว”
หลิวซานกุ้ยได้ยินดังนั้นก็รีบเหยียบเกล็ดหิมะวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านอย่าง ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าหิมะจะทำให้รองเท้าผ้าฝ้ายคู่ใหม่ของเขาเปียกหรือไม่ ตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงเื่เดียวคือต้องรีบเชิญหมอตำแยมาโดยด่วน
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้