ม่อหลิงหานเดินก้าวยาวๆ มาถึงข้างกายเยว่เฟิงเกอ จากนั้นดึงมือน้อยๆ ของนางไว้แล้วลากคนออกไปทันทีโดยไม่พูดไม่จา
“ท่านอ๋อง พวกเราจะไปที่ใดกันเพคะ? ” จู่ๆ ก็ถูกม่อหลิงหานลากตัวไปด้วยแรงมหาศาล เยว่เฟิงเกอจึงต้องเดินตามอยู่เื้ัอย่างทุลักทุเล
ม่อหลิงหานตอบด้วยน้ำเสียงเ็า “ไปคุกใต้ดิน”
เยว่เฟิงเกอมองแผ่นหลังอำมหิตของม่อหลิงหาน อดกลืนน้ำลายไม่ได้
เขาคงไม่โกรธจนเป็บ้าถึงขนาดคิดจะจับนางขังคุกหรอกกระมัง
เยว่เฟิงเกอคิดอย่างเศร้าสร้อย ดูท่าคืนนี้หากนางไม่เอาอกเอาใจม่อหลิงหานให้ดี เกรงว่าคงจะถูกจับเข้าคุกใต้ดินเป็แน่
ถึงตอนนั้น นางคงไม่อาจถอนพิษให้ฮองเฮาได้ แล้วเื่ที่นางไปโม้ไว้ต่อหน้าฮองเฮาก่อนหน้านี้เล่า จะไม่เป็การผายลมหรอกหรือ
เพียงเพื่อไม่ให้ม่อหลิงหานจับนางโยนเข้าคุกใต้ดิน เยว่เฟิงเกอจึงเริ่มดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการของเขา
“ท่านปล่อยข้านะ ข้าไม่อยากถูกจับเข้าคุกใต้ดิน” ยามที่เยว่เฟิงเกอพูดประโยคนี้ออกมา นางได้ก้มหน้าลงกัดมือม่อหลิงหาน
ม่อหลิงหานถูกกัดจนเจ็บ จึงหันมาขมวดคิ้วมองเยว่เฟิงเกอ “เปิ่นหวางบอกเมื่อใดว่าจะจับเ้าขังคุกใต้ดิน? ”
ในสมองน้อยๆ ของสตรีน่าตายนางนี้มีอะไรอยู่บ้างนะ?
เยว่เฟิงเกอได้ยินแล้ว ก็อึ้งค้างไป
ที่แท้ม่อหลิงหานไม่ได้คิดจะจับนางขังคุกใต้ดิน? นี่เขาทำเอานางตกอกใหมด
“เช่นนั้น ท่านจะพาข้าไปทำอันใดที่คุกใต้ดิน? ” เมื่อเยว่เฟิงเกอดึงสติกลับมาได้แล้ว ก็ถามม่อหลิงหานด้วยใจที่ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าใดนัก
ม่อหลิงหานก้มมองมือตนที่ถูกเยว่เฟิงเกอกัด โรคคลั่งความสะอาดของเขาก็คล้ายจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนนี้เองเยว่เฟิงเกอก็ดูออกว่าโรคเก่าของม่อหลิงหานกำลังจะกำเริบขึ้นอีกแล้ว ก่อนที่เขาจะอาละวาดใส่ นางจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบน้ำลายที่หลงเหลืออยู่บนมือเขาอย่างแรง
“แหะแหะ ท่านอ๋อง เมื่อครู่หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ หม่อมฉันเพียงล้อเล่นกับพระองค์เท่านั้นเพคะ” เยว่เฟิงเกอเช็ดมือม่อหลิงหานพลางหัวเราะแห้งๆ
ม่อหลิงหานแค่นเสียงเ็า ไม่ได้ปล่อยมือเยว่เฟิงเกอเพียงเพราะนางกัดเขา
“ชาวเฟิงหลันที่ลอบสังหารเปิ่นหวางวันนี้ ตอนนี้ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน ในเมื่อพระชายาไม่อยากให้เปิ่นหวางสังหารเขา เช่นนั้นก็ไปสอบสวนเขาด้วยกันกับเปิ่นหวาง” ม่อหลิงหานพูดจบก็ลากเยว่เฟิงเกอมุ่งหน้าไปยังคุกใต้ดิน
ตลอดทางที่ก้าวเดิน เยว่เฟิงเกอไม่ได้ดิ้นรนสลัดมือออกอีก ในเมื่อนางยอมรับทำภารกิจเอาอกเอาใจม่อหลิงหานแล้ว นางก็ไม่ควรไปทำให้ม่อหลิงหานโกรธ
เมื่อคนทั้งสองมาถึงคุกใต้ดิน เยว่เฟิงเกอที่เพิ่งก้าวเข้าไปด้านในก็ถูกกลิ่นคาวเืเข้มข้นถาโถมเข้าใส่จนแทบจะอาเจียน
ในคุกใต้ดินแห่งนี้ชื้นมาก หากอยู่ที่นี่นานๆ ต่อให้จะเป็คนที่ร่างกายแข็งแรงแค่ไหนก็เป็ต้องล้มป่วย
นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะจะให้คนอยู่เลยจริงๆ
เยว่เฟิงเกอครุ่นคิดกับตนพลางมองม่อหลิงหานขณะเดินมาถึงห้องขังที่สาม
หลังจากเฉียวเฟยเปิดประตูห้องขังออก เยว่เฟิงเกอก็ได้เห็นชาวเฟิงหลันที่พบกันเมื่อตอนกลางวันคนนั้น ยามนี้เขากำลังขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องขัง โดยมีผมเผ้ายุ่งเหยิง ตามเนื้อตัวมีรอยแส้เต็มไปหมด
ชายชาวเฟิงหลันได้ยินเสียงฝีเท้าก็ลืมตามองออกมานอกห้องขัง
ม่อหลิงหานเดินก้าวยาวๆ เข้าไป ยืนอยู่ตรงหน้าชาวเฟิงหลันคนนั้น “พูดมาเถอะ ใครเป็คนบงการเ้าให้มาสังหารเปิ่นหวาง? ”
ชายชาวเฟิงหลันแค่นเสียงเ็า หันศีรษะไปทางอื่น
เฉียวเฟยเห็นชายคนนั้นมีท่าทีไม่อยากตอบคำ ก็กำลังคิดจะก้าวเข้าไปลากคนมาตีอย่างหนักอีกครั้ง แต่กลับถูกม่อหลิงหานยกมือห้ามไว้
“ข้าบอกแล้วว่าเป็เพราะจั้นอ๋องสุนัขเยี่ยงเ้าที่ทำให้ราษฎรชาวเฟิงหลันของเราไม่ได้กินอิ่มนอนอุ่น ข้าถึงได้มาสังหารเ้าอย่างไรเล่า เพียงแต่วันนี้ข้าตกอยู่ในเงื้อมมือเ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็รีบลงมือเถอะ หากจะตัดหัวก็แค่มีแผลใหญ่เท่าปากชามเท่านั้น” ชายคนนั้นพูดจบก็เบนศีรษะออก ถ่มน้ำลาย
ม่อหลิงหานมองชายชาวเฟิงหลันตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแข็งกร้าวเช่นนี้
หากสามารถโน้มน้าวให้คนคนนี้มาเป็พวกได้ย่อมจะเกิดผลดี เพราะคนคนนี้ต้องเป็พวกที่กล้าออกไปปะทะในแนวหน้าอย่างแน่นอน
เยว่เฟิงเกอเห็นม่อหลิงหานไม่กล่าววาจาใดถึงได้เดินเข้ามา
นางเองก็คิดว่า หากทำให้ชายชาวเฟิงหลันคนนี้กลายมาเป็คนของตนได้ และให้คำแนะนำที่ดีแก่เขา เขาต้องสร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงให้พวกนางได้เป็แน่
คิดถึงตรงนี้ เยว่เฟิงเกอก็นั่งยองๆ ลงตรงหน้าชายผู้นั้น กล่าวกับเขาว่า “พวกเราไม่สังหารเ้าหรอก แม้วันนี้เ้าจะลอบสังหารจั้นอ๋อง แต่จั้นอ๋องของข้าเป็คนจิตใจกว้างขวาง เขาไม่มีทางสังหารผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เื่รู้ราวเพียงเพราะเื่เล็กๆ เช่นนี้หรอก”
ชายชาวเฟิงหลันได้ยินเยว่เฟิงเกอกล่าวเช่นนี้ ถึงได้หันศีรษะกลับมามองนาง
“หึ พวกเ้ามันก็พวกเดียวกันนั่นแหละ ใครไม่รู้บ้างเล่าว่าแท้จริงแล้วจั้นอ๋องที่เก่งกาจด้านาผู้นี้มีนิสัยโหดร้าย สังหารคนได้ไม่กะพริบตา” ชายชาวเฟิงหลันพูดพลางถลึงตาอย่างดุร้ายใส่ม่อหลิงหาน “ในเมื่อวันนี้ข้าสังหารคนไม่สำเร็จ ชีวิตนี้ของข้า แน่นอนว่าตกอยู่ในกำมือพวกเ้า อย่างมากในอีกสิบแปดปีข้างหน้าตัวข้านี้ก็ยังจะถูกกล่าวขานและยกย่องว่าเป็ชายชาตรีที่แท้จริง”
เยว่เฟิงเกอฟังวาจาฮึกเหิมของชายคนนี้ก็อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ “ข้าบอกแล้วว่าไม่สังหารเ้า ก็จะไม่สังหารเ้า ข้าไม่ขอปิดบังแล้ว ระหว่างแคว้นเป่ยชวนและแคว้นเฟิงหลันต่างมีากันมาหลายปี ทำให้ราษฎรของสองแคว้นไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข วันนี้ที่ข้ากับท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าฝ่าา ก็เพื่อเสนอวิธีแก้ปัญหานี้ต่อพระองค์...”
ทันทีที่ชายชาวเฟิงหลันได้ยินเช่นนี้ก็มองเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบ เขาอยากจะรู้ว่าหลังจากนี้นางจะพูดอะไรต่อ
เยว่เฟิงเกอกล่าวต่อ “จั้นอ๋องของข้ามีใจเมตตา นึกสงสารราษฎรเสมอมา เพื่อจะแก้ปัญหาาระหว่างสองแคว้น ท่านอ๋องต้องอดหลับอดนอนเหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้ไปเข้าเฝ้าฝ่าา เพื่อเสนอความคิดนี้ของเขาต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าา ฝ่าาเองก็ทรงเห็นด้วยกับความคิดของท่านอ๋อง สัญญาจะยุติากับแคว้นเฟิงหลัน อีกทั้ง ในอนาคตระหว่างแคว้นทั้งสองยังจะสามารถไปมาหาสู่กันอย่างเป็มิตร และเราจะอาศัยโอกาสนี้ร่วมเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็อยู่ที่ยากลำบากของชาวเฟิงหลันไปด้วย”
“ที่เ้าพูดมาเป็เื่จริงหรือ? ” ชายชาวเฟิงหลันได้ยินคำกล่าวเ่าั้ ใบหน้าค่อยๆ ฉายแววตกตะลึง
เยว่เฟิงเกอยิ้มบางๆ “ทุกสิ่งที่ข้าพูดย่อมต้องจริงแท้แน่นอน ข้าในฐานะชายาจั้นอ๋อง วาจาทุกคำที่ข้าพูดออกมาแล้ว ย่อมต้องเป็คำไหนคำนั้น ไม่มีทางมั่วซั่ว หรือพูดขึ้นอย่างไร้แก่นสารอย่างแน่นอน”
ชายชาวเฟิงหลันตื่นเต้นจนลุกขึ้นนั่ง เขามองม่อหลิงหานที่สีหน้าเรียบเฉยสลับกับเยว่เฟิงเกอ
“หากสิ่งที่พระชายาตรัสมาเป็ความจริง เช่นนั้นกระหม่อมต้องขอขอบพระทัยพระชายาจั้นอ๋อง รวมถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยชวนแทนราษฎรชาวเฟิงหลันทั้งหลายด้วย” ชายคนนั้นพูดพลางคุกเข่าลงตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ โขกศีรษะให้นางและม่อหลิงหาน
เยว่เฟิงเกอรีบประคองคนขึ้นมา “ไม่ต้องมากพิธีหรอก นี่ไม่ใช่วันขึ้นปีใหม่เสียหน่อย ต่อให้เ้าจะโขกศีรษะให้ข้า ข้าก็ไม่มีซองแดงให้เ้าหรอกนะ”
คำพูดของเยว่เฟิงเกอทำเอาชายคนนั้นตกตะลึงไปเล็กน้อย กระนั้นเขาก็รู้ดี นางไม่มีทางโกหกหลอกลวงเขาแน่
ขณะเดียวกันสายตาที่ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอก็ปรากฏแววชื่นชมเพิ่มมากขึ้น
ทั้งที่แผนการนี้เป็เยว่เฟิงเกอที่เสนอออกมาแท้ๆ แต่นางกลับไม่รับความชอบไว้เอง ซ้ำยังผลักผลงานทุกสิ่งอย่างนี้มาให้เป็ของเขา
สิ่งนี้ทำให้ชายชาวเฟิงหลันเปลี่ยนความคิดฝังแน่นที่มีต่อจั้นอ๋องอยู่เดิม
เช่นนี้ ขอแค่ฮ่องเต้เริ่มสร้างความสัมพันธ์อันดีด้วยการไปมาหาสู่กับชาวเฟิงหลัน ชายคนนี้ย่อมจะถูกโน้มน้าวให้เข้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของจั้นอ๋องไปโดยปริยาย
ด้วยเื่นี้ ทำให้ม่อหลิงหานยิ่งรู้ว่าเขาควรต้องมองเยว่เฟิงเกอใหม่ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม