บทที่ 18
...
‘ได้เื่อะไรบ้างไหมไอ้ธัน’
‘เห็นแค่ปอร์เช่มาที่บ้านหลังหนึ่ง มีเด็กน้อยอายุประมาณสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่งอยู่ที่นี่ แต่ไม่เห็นว่ามีกอหญ้านะ’
‘ไม่ใช่กอหญ้าหรอ’
‘ฉันได้คุยกับเด็กน้อยนั่นนิดหน่อย เธอบอกว่ามีพี่สาว’
‘สืบให้ได้นะ ว่านั่นใช่กอหญ้าไหม’
‘ไว้ใจฉันได้’
ธันวาปิดหน้าจอมือถือก่อนจะยัดลงใส่กระเป๋ากางเกงอย่างลวก ๆ หันมองเข้าไปในบ้านอีกครั้ง วันนี้ในบ้านดูเงียบเหงาราวกับไม่มีคนอยู่บ้าน เขาเดินวนดูรอบ ๆ เพื่อมองหาบุคคลด้านในอีกครั้งก็ต้องสะดุดชะงักเท้าที่กำลังเดิน เพราะรู้สึกได้ว่ามีวัตถุแปลก ๆ มีจี้อยู่ที่เอวหนาของเขา
เขายืนนิ่ง ๆ ก่อนจะยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นเหนืออกแกร่งช้า ๆ และเมื่อคิดว่าคนด้านหลังน่าจะตายใจแล้วก็ใช้เทคนิคศิลปะการป้องกันตัวหันกลับไปคว้าหมับที่ข้อมือบุคคลด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย!”
“ทำไมเป็เธอ”
“ก็นายมาเดินลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าบ้านอีกแล้วทำไมละ”
“แล้วเธอเอาไม้แขวนมาจี้เอวฉันเนี่ยนะ”
“ก็ทำให้นายชะงักไปได้แล้วกัน ... จะปล่อยได้หรือยัง ฉันเจ็บ”
“อยากให้ปล่อยก็ตอบคำถามฉันมาก่อน”
“คำถามอะไร”
“พี่สาวเธอที่อยู่บ้านหลังนี้ชื่ออะไร”
“นายเป็เอามากนะ ฉันไม่บอกหรอก”
“ถ้าไม่บอก ฉันจะจับเธอไปถ่วงทะเลสาบ”
“อย่านะ! ฉันว่ายน้ำไม่เป็”
“งั้นก็บอกมา”
“ไม่บอก มีคำถามอื่นไหม”
ยังไม่ทันที่ธันวาจะได้พูดอะไร ก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ผู้ชายที่เขาตามมาเดินลงจากรถมามองหน้าธันวาและเด็กสาว ตามลงมาด้วยผู้หญิงคนหนึ่งที่ใบหน้าคุ้นเคย เมื่อเธอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่กับเด็กสาวเป็ใครก็ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ด้วยความใ
“เกิดอะไรขึ้นเว่ยเอิน”
“ตาคนบ้านี่มายืนทำลับ ๆ ล่อ ๆ พี่ปอร์เช่จัดการเขาเลย”
“คุณเป็ใคร มาทำอะไรที่นี่”
“ผม.. เห็นว่าบ้านหลังนี้ร่มรื่นดี เลยมาดูบ่อย ๆ ไม่คิดว่าน้องสาวของคุณจะขี้ระแวง”
“หรอ”
“ปอร์เช่ เราเข้าบ้านเถอะ”
“ค่อย ๆ เดินนะ .. ส่วนคุณถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ปล่อยมือน้องสาวผมได้แล้ว”
ธันวาไม่รอช้า ละมือออกจากข้อมือเล็ก ๆ ของเด็กสาว ก่อนที่เธอจะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที ก้มลงมากัดแขนของเขาอย่างแรง แล้วรีบวิ่งเข้าไป ปิดประตูบ้านอย่างรวดเร็วราวกับว่ากลัวว่าผู้ชายคนนี้จะตามเข้ามา
“เธอ!”
“แบร่!”
ธันวายืนนิ่ง ๆ เอามืออีกข้างลูบแขนตัวเองป้อย ๆ ตรงรอยที่เด็กสาวนั้นกัด ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก เมื่อเขาหันเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง ก็เห็นว่ากอหญ้าที่บัดนี้ท้องกลมโตยืนมองเขาอยู่จากในตัวบ้าน เมื่อเธอเห็นว่าเขาเองก็มองเธอจึงหลบเข้าไปในตัวบ้านทันที
‘เจอแล้ว’
ตื๊ด ตื๊ด
“เธอเป็ยังไงบ้าง สบายดีไหม”
“เท่าที่เห็นก็สบายดี ... กอหญ้าเห็นฉันแล้ว”
“เธอโวยวายไหม”
“ไม่นะ เธอเห็นว่าปอร์เช่ไม่รู้จักฉัน เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร จะให้ฉันทำอะไรต่อ”
“นายอยู่ที่นั่น จัดการหาที่พักแบบระยะยาวไว้เลย นายต้องดูแลเธอจนกว่าฉันจะจัดการงานที่นี่เสร็จ”
“กี่เดือน”
“สี่เดือน โปรเจ็คนี้ประมาณสี่เดือน”
“งั้นฉันไปเดินหาที่พักที่ใกล้ ๆ ก่อนแล้วกัน”
“ไอ้ธัน ... ได้ถ่ายรูปเธอไว้บ้างไหม”
“เจอกันโดยบังเอิญ และบรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไว้รอบหน้าจะจัดการให้”
“ดูแลเธอให้ดี”
ทุกการกระทำของบุคคลด้านนอกล้วนอยู่ในสายตาของกอหญ้า เธอจำได้ดีว่านั่นคือธันวา แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมธันวาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่าปอร์เช่เองเพิ่งบินมาจากไทย หรือว่าเขาจะสะกดรอยตามปอร์เช่มา
เธอเดินมานั่งที่โซฟาก่อนจะหยิบไอแพดเครื่องโปรดมาเปิดดูโซเชียลทั่วไป เมื่อเลื่อนผ่านข่าวสังคมก็เห็นข่าวใหญ่โตของบริษัทนำเขารถสปอร์ตที่โชว์ชื่อและใบหน้าของผู้บริหารอยู่บนหน้าจอ ผ่านไปได้สามสี่เดือนแล้วที่เธอตัดสินใจเดินออกมา แต่ไม่มีแม้สักวินาทีที่เธอจะลืมใบหน้าของผู้ชายคนนี้ได้เลย
“พี่หญ้า วันนี้แม่บอกว่าป้าเฉียงได้ดอกไม้ใหม่มาลงที่ร้านด้วย พี่หญ้าอยากไปดูไหม”
“มาลงใหม่หรอ ไปสิ พี่อยากได้มาเพิ่มอีก”
“พี่หญ้าแต่งตัวรอเลย เลยเว่ยเอินตากผ้าเสร็จเราจะได้ไปกัน”
“รบกวนแล้ว”
ตลาดดอกไม้ริมทะเลสาบ
ดอกไม้นานาพันธุ์ที่ถูกบรรจุอยู่ในกระถางพลาสติกกำลังชูดอก ผลิใบ ล่อลวงให้ผู้พบเห็นเข้ามาเชยชม และก็แน่นอนกอหญ้าคือหนึ่งในนั้น เธอเลือกต้นไม้ดอกไม้มากมายจากร้านของป้าเฉียง ซึ่งเป็เพื่อนสนิทของแม่เว่ยเอิน
“รบกวนป้าเฉียง ให้เด็กไปส่งที่บ้านเหมือนเดิมนะคะ”
“ลูกชายป้าเพิ่งประสบอุบัติเหตุไปส่งให้ไม่ได้ แต่ป้ามีรถเข็นนะ ให้ยัยหนูเว่ยเอินเข็นไปได้ไหม”
“เดี๋ยวผมเข็นไปให้ครับ”
“นาย! ทำไมเป็นายอีกแล้ว”
“ดอกไม้เยอะขนาดนี้ ตัวเธอเท่ากับมดแบบนี้จะเข็นไปไหวหรอ”
“ก็ไม่ใช่ให้นายมายุ่งแล้วกัน”
“เว่ยเอิน อย่าเสียมารยาท”
“แต่ว่า”
“งั้นก็รบกวนคุณแล้วนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
ดีที่ว่าทะเลสาบไปไกลจากบ้านมากนัก เดินกินลมชมวิวแค่เพียงไม่นานก็ถึงยังไม่ทันได้รู้สึกเหนื่อย แต่ที่ทำให้กอหญ้ารู้สึกเหนื่อยนั่นไม่ใช่การเดิน แต่เป็เสียงที่สองคนด้านหลังเถียงกันตลอดทางนี่แหละ
“ทำไมนานชอบมายุ่งกับพี่สาวเราอยู่เรื่อย”
“เธอชื่อเว่ยเอินสินะ ฉันอายุมากกว่าเธอ เธอควรเรียกฉันว่าพี่ไหม”
“ก็นายทำตัวไม่น่าเคารพ ฝันไปเถอะว่าจะเรียกว่าพี่”
“ฉันไม่น่าเคารพยังไง เธอต่างหากที่แก่แดดแก่ลม”
“นี่นาย! อย่างฉันเรียกฉลาดย่ะ ไม่ใช่แก่แดด .. เห้ย! เข็นดี ๆ สิต้นไม้จะลงไปกองรวมกันอยู่แล้ว”
“เธอนี่เป็เด็กที่ขี้บ่นมากรู้ตัวไหม อีกอย่างฉันมีชื่อ ฉันชื่อธันวา จำชื่อฉันไว้ด้วยยัยเปี๊ยก”
“ใครเด็ก! ฉันโตแล้วนะ ที่สำคัญสวยมากด้วย”
“ใครให้ความมั่นใจเธอมาเนี่ย”
“พอแล้ว เถียงกันไม่เหนื่อยหรอ”
“ก็เขาหาว่าเว่ยเอินเป็เด็กอะพี่หญ้า”
“เราก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย ยังไงคุณธันวาก็โตกว่าเรา...ขอบคุณ คุณธันวามากนะคะที่ช่วยพาดอกไม้กลับมาบ้านให้”
“ไม่เป็ไรครับ มีอะไรให้ช่วยเรียกได้เลยนะกอหญ้า”
“หมายถึง ... คุณอยู่ที่นี่หรอ”
“ใช่ครับ ผมอยู่ที่นี่”
กอหญ้าหยุดเดิน ก่อนจะหันมามองหน้ากับธันวานิ่ง ๆ ทั้งคู่สบตากับเล็กน้อยราวกับกำลังค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง ธันวาฉีกยิ้มหวานให้เธอจนตาหยีโดยที่การกระทำของทั้งคู่อยู่ในสายตาของเด็กสาวทุกอย่าง เธอหันมองกอหญ้าสลับกับธันวาสองสามที ก็เห็นกอหญ้ายิ้มบาง ๆ ที่มุมปากก่อนที่เธอจะหันหลังและเดินไปตามทางต่อโดยที่ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรกันอีก
ทั้งสามเดินมาถึงหน้าประตูรั้วสีขาว เด็กสาวก็รีบวิ่งแจ้นไปเปิดประตูเพื่อให้ธันวาได้เข็นรถที่บรรจุต้นไม้ ดอกไม้ หลายสิบต้นเข้าไปในบ้านอย่างไม่รีบร้อน ธันวามองรอบ ๆ บ้านทันทีที่เข้ามา พบว่าจุดหลายจุดถูกปลูกไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์อุดมสมบูรณ์ผลิใบออกดอกอย่างคับคั่ง เขาเดินมาจอดรถเข็นตามที่เด็กสาวบอก ก่อนจะยกต้นไม้ ดอกไม้ลงจากรถเข็นจนหมด
“นี่ก็เย็นแล้ว เย็นนี้ก็อยู่ทานข้าวด้วยกันสิ ถือว่าเป็ค่าตอบแทนที่คุณธันวามาช่วยเรา”
“ได้หรอครับ ถ้าอย่างนั้นมื้อนี้ต้องรบกวนด้วยนะครับ”
“เชอะ! ถ้าไม่ติดว่าพี่หญ้าชวน นายไม่มีทางได้เข้ามาแน่”
เว่ยเอินบ่นเสียงเบา ๆ ให้ธันวาได้ยิน ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้กอหญ้าและธันวาหัวเราะขบขันให้กับความแก่แดดของเธอ เมื่อเว่ยเอินเดินเข้าไปในบ้านแล้วก็เหลือเพียงทั้งคู่ที่ยืนนิ่ง ๆ โดยที่ไม่มีใครพูดออกมาเลยสักคำ กอหญ้าถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตากับธันวา
“คุณธันวามาทำอะไรที่นี่คะ”
“ผมว่ากอหญ้ารู้นะครับ”
“มาคนเดียวหรอคะ”
“ตอนนี้ผมมาคนเดียว และจะอยู่ดูแลกอหญ้าที่นี่จนกว่าตัวจริงจะเสร็จงาน”
“คุณตามปอร์เช่มาหรอ”
“ขอโทษด้วยที่ต้องทำแบบนี้ แต่ราชันย์มันเป็ห่วงกอหญ้ามากนะ”
“เลิกพูดถึงเขาเถอะค่ะ อีกอย่างถ้าคุณธันวามาที่นี่เพื่อดูแลกอหญ้า คุณธันวากลับไปเถอะค่ะ กอหญ้าดูแลตัวเองได้ มีเว่ยเอินอีกคน”
“มาเฟียจากดูไบ ที่พ่อของกอหญ้าไปติดหนี้ไว้ เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ตอนนี้ถ้าปอร์เช่กลับไทย แล้วกอหญ้าต้องอยู่คนเดียว เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ไม่สู้ให้ผมอยู่ที่นี่ดีกว่าหรอ”
เธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยืนมองหน้าธันวานิ่ง ๆ อย่างใช้ความคิด เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาพรากชีวิตพ่อของเธอไปแล้ว ทำไมยังตามรังควานเธออีก แต่อีกใจก็ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ธันวาพูดจะใช่เื่จริงไหม
“ผมไม่เคยโกหก คุณก็รู้ดีนะกอหญ้า ส่วนที่เหลือผมให้คุณตัดสินใจ ระหว่างอยากให้ผมไปไกล ๆ กับความปลอดภัยของคุณและลูกคุณจะเลือกอะไร”
“ฉันเชื่อว่าต่อให้ฉันไล่คุณไป เขาก็จะส่งคุณมาอยู่ดี”
“ถ้าอย่างนั้น เพื่อไม่ให้ผมต้องเหนื่อยเพิ่ม คุณก็ให้ผมดูแลคุณเถอะ”
“เข้าในบ้านเถอะค่ะ สักพักเว่ยเอินน่าจะทำอาหารเสร็จแล้ว”
“ครับ”
ธันวาเดินเข้ามาในบ้านก็พบว่าเว่ยเอินยกอาหารมาวางไว้จนเรียบร้อย ตามมาด้วยปอร์เช่ที่ยกอาหารจานสุดท้ายมาวาง เขามองหน้าธันวานิ่ง ๆ แต่ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านหรือขับไล่ เพียงไม่นานเขาก็นั่งลงเพื่อทานอาหาร
“กอหญ้ารู้จักเขาหรอ”
ปอร์เช่ตั้งคำถามทันทีที่ธันวาเดินเก็บจานชามไปช่วยเว่ยเอินล้างในครัว ทั้งคู่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องโถง เธอเข้าใจดีว่าปอร์เช่เป็ห่วงเพราะธันวาคือคนแปลกหน้าที่มาทำลับ ๆ ล่อ ๆ เพียงเวลาไม่กี่วันก็เข้ามาในบ้านได้แล้ว แต่จะให้เธอบอกไปว่ายังไงละว่าเขาคือมือขวาของราชันย์ก็คงไม่ได้อีกนั่นแหละ
“เขาไว้ใจได้นะ หญ้าดูคนไม่ผิดหรอก”
“แต่เราไม่รู้จักเขา เขาพยายามตีสนิทเราคิดไม่ซื่อหรือเปล่า”
“คิดมากน่า เื่นี้หญ้าตัดสินใจแล้วไม่ดีหรอจะได้มีคนมาคอยปะทะฝีปากกับเว่ยเอิน เธอจะได้ไม่ต้องตามปอร์เช่ต้อย ๆ”
“ไอ้ดีก็ดีอยู่ แต่ว่า”
“เอาน่า เชื่อหญ้า”
“งั้นเราแล้วแต่หญ้าละกัน … เราไปเอาถุงที่ซื้อมาแกะดูไหม”
“อื้อ ได้สินี่เราเตรียมใกล้ครบหรือยังนะ”
“งั้นรอแป๊บหนึ่งนะ”
