ข้าลุกขึ้นนั่ง แล้ววางเท้าทั้งสองข้างลงกับพื้นจากนั้นก็มีความรู้สึกว่าพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายดูเหมือนจะคงที่ขึ้นมาแล้วเมื่อมองเข้าไปภายใน ก็พบว่าอาการาเ็ดีขึ้นมากพอสมควรหากเทียบกับสองปีที่ผ่านมาโดยอาศัยเหล้าบ่มนี้จนทำให้ฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่แล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าหวังตัวจวี๋จะเป็คนที่มีน้ำใจมากคนหนึ่งคาดว่าตอนนั้นโม่ชิงคงจะชอบนิสัยของเขาที่เป็แบบนี้จึงยอมให้เ้าหมอนี่บดขยี้อย่างเต็มใจ
ข้าลุกขึ้นเดินเท้าเปล่าไปยังหน้าประตูไม้แล้วยื่นมือออกไปผลักเปิดออก ก่อนที่เปลือกตาจะหรี่ลงตามสัญชาตญาณ แต่ไม่นานก็สามารถปรับสายตาให้เข้ากับความจ้าของแสงแวววับนั้นได้จนมองเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวในชุดสีขาวกำลังจับกระบี่เล่มยาวอันดุดันแวววับรับแสงอรุณอันโชติ่ในฤดูใบไม้ผลิก่อนจะกวัดแกว่งข้อมือลากผ่านท่ามกลางดอกกระบี่ที่สวยงามหลายต่อหลายดอกจากนั้นก็เห็นว่าปราณกระบี่อันคมกริบเฉือนผ่ากลางอากาศ แล้วฟันตรงดิ่งลงที่... ท่อนไม้ที่วางเรียงอยู่ด้านหน้า!
เมื่อเสียง “ปั้ง” ดังขึ้นอย่างชัดเจน ท่อนไม้ทรงกระบอกเ่าั้ก็ถูกผ่าจนแยกออกจากกันเป็สองท่อนอย่างเรียบสนิทและมีขนาดเท่ากัน
ซ่งฉียวนโบกสะบัดมือหนึ่งครั้งจากนั้นท่อนไม้ที่แยกออกจากกันเป็สองท่อนเ่าั้ก็กองรวมกันเป็รูปร่างคล้ายูเาลูกเล็กๆอยู่หน้าเตาฟืนอย่างเป็ระเบียบ
เขาสะบัดเศษไม้ที่แทบมองไม่เห็นด้วยซ้ำบนกระบี่ออกก่อนจะเสียบไปเก็บเข้าฝักที่ด้านหลัง จนเกิดเสียงโลหะกระทบดังกังวานขึ้นตามมาเป็สัญญาณว่ากระบี่ได้เข้าไปในฝักอย่างสมบูรณ์แล้ว จากนั้นเด็กคนนี้ก็หันหน้ามามองข้าและก็หน้าแดงขึ้นมาทันที พร้อมกับอมยิ้มอย่างเขินอาย “ท่านอาจารย์ท่านตื่นแล้วหรือขอรับ? ข้าจะไปตักน้ำมาให้ท่านเดี๋ยวนี้เลยขอรับ!” เมื่อพูดจบก็กำลังจะเดินหนีไป
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าไปเองก็ได้เ้า...” ข้ามองไปยังเตาฟืน ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้นึกถึงซุปเม็ดบัวหยินเอ่อ [1] ที่เด็กคนนี้ทำให้ข้ากินเมื่อหลายวันก่อน ช่างเป็ซุปที่มีรสเลิศชุ่มคอยิ่งนักข้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงโพล่งออกมาว่า “ทำซุปเม็ดบัวหยินเอ่อให้ข้าที”
แน่นอนว่าซ่งฉียวนที่ถูกข้าเรียกเอาไว้เมื่อครู่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่ดูเหลอหลาเป็อย่างมากเพราะจู่ๆ ก็ได้ยินคำขอที่ฟังดูผิดปกติของข้าสภาพเขาในตอนนี้จึงตกอยู่ในความตกตะลึง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ตอบกลับว่า “ขอรับท่านอาจารย์รอประเดี๋ยว! ข้าจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้เลยขอรับ! ”
ดูจากท่าทางที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเขาแบบนี้แล้วข้าก็รู้เลยว่าเขาต้องกำลังนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อคืนนี้เป็แน่ตอนนี้เมื่อเห็นข้าจึงรู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเองแบบนี้แต่เขาไม่ได้พูดกับข้าอย่างตรงไปตรงมาเหมือนเมื่อก่อน มันจึงทำให้ข้าค่อนข้างรู้สึกแปลกๆอยู่เล็กน้อย
ตอนนี้ข้าคิดว่าเขาอาจจะมีสองบุคลิกจริงๆ คือตอนกลางวันเป็หนุ่มน้อยน่ารักผู้ขี้อายและเคารพครูบาอาจารย์มากกับอีกคนที่มีน้ำเสียงสุดแสนจะโรคจิตในตอนกลางคืน มันยากจริงๆ ที่จะทำให้ข้าสื่อสารกับพวกเขาไปพร้อมๆกันได้
ซ่งฉียวนคนก่อน หากหลังจากที่รู้ว่าตัวเองทำเื่ที่เป็การล่วงเกินต่อข้าแล้วเขาจะต้องรีบขอโทษในตอนฟ้าสางอย่างแน่นอน แม้ว่าข้าจะไม่ได้ถือสาอะไรแต่เวลานี้หลังจากที่เขาเริ่มลดคำกล่าวขอโทษลงไปอยู่เรื่อยๆข้ากลับรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
เ้าเด็กเหลือขอ! เ้าคิดว่าตอนนั้นข้าหลับอยู่จริงหรือ???!!!
ข้ารู้ว่าตอนนี้โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเื่ขายหน้าอย่างเมาจนล้มพับนอนอยู่กลางป่าเช่นนี้ข้าเองก็ไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว ทว่าพอพูดถึงเื่ดื่มเหล้าข้าจึงยกมือขึ้นแล้วขยับแขนเสื้อเข้ามาใกล้ปลายจมูกพร้อมกับสูดดมไปมาและก็ได้กลิ่นเหล้าอันเหม็นหึ่งตามที่คาดไว้
ดูเหมือนว่าจะได้เวลาอาบน้ำแล้วจริงๆ ...
ทะเลสาบหน้าเรือนไม้ที่ข้ากับซ่งฉียวนอาศัยอยู่นั้นกว้างใหญ่มากทะเลสาบแห่งนี้มีน้ำพุที่ใสสะอาดไหลรินออกมาตามซอกหินซึ่งสายน้ำเ่าั้สะอาดบริสุทธิ์มากจากนั้นข้าจึงแหวกผืนน้ำออกเป็พื้นที่เล็กๆ แล้วโยนหินผลึกไฟเข้าไปสองสามก้อนจนเกิดเป็บ่อน้ำพุร้อนเล็กๆ เวลาที่ไม่มีอะไรทำข้าก็มักจะมาแช่ตัวเพื่อผ่อนคลายและดื่มด่ำไปกับความรื่นรมย์ของการใช้ชีวิตแต่ทุกครั้งที่เรียกซ่งฉียวนมาด้วย เขาก็จะปฏิเสธทุกครั้งไปเขายอมไปอาบน้ำเย็นคนเดียวดีกว่าที่จะมาอาบน้ำพร้อมกับข้า
เมื่อหวนนึกถึงเื่นี้ขึ้นมาแล้วทำไมข้าถึงได้มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเล่า... หรือว่าตอนนั้นเ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างซ่งฉียวนจะถูกใจข้าเข้าให้แล้ว????
แหวะ! คิดไปไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว ทำไมข้าถึงได้หลงตัวเองขนาดนี้นะ!ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุได้แค่สิบกว่าปีเท่านั้นเองร่างกายยังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ แล้วจะมาเข้าใจเื่บ้าๆพวกนี้ได้อย่างไร!
หลังจากสลัดความคิดอันวุ่นวายทิ้งไปข้าก็เปลื้องผ้าตัวเองด้วยความว่องไว ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปเหยียบในสระแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด รู้สึกแค่ว่ามันช่างผ่อนคลายและสดชื่นไปทั้งตัวเลย
เมื่อกางแขนออกแล้วเอนคอพิงกับขอบสระ ทำให้ข้านึกถึงวันแรกที่ข้ามมิติมายังโลกใบนี้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้เพราะข้าก็อยู่ในห้องอาบน้ำเช่นเดียวกัน ตอนนั้นข้ามองภาพสะท้อนของใบหน้าในสระที่ทำมาจากหยกขาวก็ยังคิดว่าร่างกายนี้เป็สตรีนางหนึ่งอยู่เลยอย่างไรเสียรูปร่างหน้าตานั้นก็เติบโตมาแบบที่เกินกว่าจะตัดสินได้ว่าเป็ชายหรือหญิง
จะว่าไปแล้วการที่ข้าเอาแต่ใส่หน้ากากอันนี้อยู่ตลอดเวลาจนถึงตอนนี้ก็เป็เวลาสองปีแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าตาของตัวเองเลย
เมื่อมองไปรอบๆ และพบว่าซ่งฉียวนไม่ได้อยู่แถวนี้จึงยกมือขึ้นไปจับบนหน้ากากและถอดมันออกมาใบหน้าที่เห็นหลังจากที่ก้มหน้าลงไปอีกครั้งก็เป็ใบหน้าเดียวกันกับที่เห็นในตอนนั้นคิ้วอันดกดำ หางตายาวที่ยกขึ้นทำให้ตาดูเฉี่ยว ช่างเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ถูกซ่อนเร้นหากไม่ข่มรัศมีของตัวเองเอาไว้ ก็คงจะเหมือนกับจิ้งจอกตัวผู้จอมยั่วตัวหนึ่ง
ทว่าเมื่อเทียบตอนนี้กับเมื่อก่อนแล้ว บริเวณตำแหน่งระหว่างคิ้วทั้งสองข้างที่มีดอกบัวสีเงินอ่อนสามกลีบเพิ่มขึ้นมาทำให้ข้านึกถึงพระสนมในละครย้อนยุคเ่าั้ ที่ตรงหว่างคิ้วของพวกนางส่วนใหญ่จะมีลวดลายดอกไม้อยู่หนึ่งเส้นที่ขับเน้นให้ทั้งร่างดูเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
“สักวันข้าจะกำจัดสลักเงินนี้ออก! ”
จู่ๆ ประโยคนี้ของซ่งฉียวนก็แวบขึ้นมาในหัว ทำให้ข้าตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาในทันที ได้แต่บอกตัวเองอยู่ในใจว่าข้าได้ทำพลาดครั้งใหญ่แล้วต่อไปหากถอดหน้ากากออก แล้วสลักเงินนี่จะไม่เผยออกมาให้เห็นหรือ? คิดได้ดังนั้นจึงรีบเอื้อมมือขึ้นไปร่ายคาถาอำพรางลงบนสลักเงินรูปดอกบัวนั่น
หลังจากลูบไล้ไปบนแก้มขาวนวลเนียนของตัวเองแล้วก็จ้องเงาสะท้อนที่เปล่งรัศมีละลายใจสตรีในน้ำอยู่พักหนึ่งข้าถึงได้ใส่หน้ากากกลับเข้าไป และตั้งใจจะขึ้นฝั่งเพื่อไปใส่เสื้อผ้า
เมื่อขึ้นฝั่งมาได้ไม่ทันไรก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแย่แล้วเพราะก่อนจะออกมาที่นี่ข้าได้นำแหวนหยกวางไว้ในห้องแล้วลืมหยิบมาด้วยและเสื้อผ้าที่วางอยู่ริมสระตอนนี้ก็มีแต่กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งไปหมดจนใส่อีกไม่ได้แล้วข้าจึงร้องะโไปยังเรือนไม้ด้วยความเคยชิน “ฉียวน นำแหวนหยกที่อยู่ในห้องมาให้ข้าที”
แต่ปรากฏว่าหลายครั้งที่นิสัยเคยชินนี้เป็สิ่งที่ทำร้ายคนมากที่สุดระหว่างที่รอซ่งฉียวนอยู่นั้น ข้าก็ก้มตัวลงตั้งใจจะหยิบเอาเสื้อผ้าที่สกปรกมากองรวมไว้ด้วยกันเพื่อรอที่จะนำไปซักในทะเลสาบ จากนั้นก็ได้ยินเสียงะโของเด็กหนุ่มดังเข้ามาในหูข้าแบบไม่ทันตั้งตัวข้าใจนทำให้เสื้อผ้าที่อยู่ในมือร่วงลงไป “ท่านอาจารย์! ท่าน ท่าน... เหตุใดท่านจึงไม่ใส่เสื้อผ้า??? ”
ข้าใจนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพบว่าคราวนี้ตัวเองเสียสติไปแล้วจริงๆ ทั้งที่รู้ถึงการกระทำเมื่อคืนของเด็กคนนี้อยู่แต่ก็ยังจะเรียกให้เขามาเห็นตัวเองอยู่ในสภาพเช่นนี้อีก! ข้าก้มหน้าลงมองน้องชายที่โล่งโจ้งอยู่ด้านนอกแวบหนึ่งแล้วหันไปมองซ่งฉียวนที่ตอนนี้หน้าแดงเหมือนก้นลิงกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ทำให้ข้าเกาหัวด้วยความกระอักกระอ่วน ก่อนจะโบกมือดึงแหวนหยกมาไว้ในมือเพื่อรีบหาเสื้อคลุมมาสวมคลุมตัวไว้แล้วพูดด้วยสีหน้าตึงๆ ว่า “แค่ลืมหยิบเสื้อผ้ามาด้วยเท่านั้นเอง” จากนั้นจึงเดินไปด้านหน้าสองสามก้าวแล้วยัดเสื้อผ้าสกปรกเ่าั้ให้เขา “ซักด้วย”
“ท่านอาจารย์! ”
“มีอะไรหรือ?” ข้าหันหน้าไปและพยายามควบคุมตัวเองให้วางสีหน้าให้เป็ปกติที่สุด
“ข้าทำซุปเม็ดบัวหยินเอ่อเสร็จแล้ววางไว้บนโต๊ะหินแล้วขอรับ” ซ่งฉียวนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับใบหูที่แดงก่ำ “ท่านอาจารย์อย่าลืมกินตอนร้อนๆนะขอรับ”
“เข้าใจแล้ว”
“ท่านอาจารย์! ”
ข้าหันหน้ากลับไปอีกครั้งและรู้สึกได้เลยว่าหน้าทั้งหน้าแทบจะตึงไปหมดแล้ว“อะไร? ”
“เสื้อผ้าท่าน...” ซ่งฉียวนชี้มือชี้ไม้มาที่เสื้อผ้าของข้า พร้อมกับทำท่าอ้ำอึ้งก่อนจะพูดว่า “ใส่กลับด้านขอรับ”
อ๊าอ๊าอ๊า!!! บัดซบเอ้ย!!! ขายหน้าหมดแล้ว!!!
......
เชิงอรรถ
[1] หยินเอ่อ คือ เห็ดหูหนู
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้