วันพฤหัสบดี คาบเรียนเวทมนตร์
ผู้สอนคือศาสตราจารย์ฟลิตวิก แชมป์เก่าการประลองเวท ซึ่งมีเชื้อสายของภูต ทำให้เขาตัวเล็กมาก สูงไม่ถึง 110 เิเ เขาสวมชุดคลุมพ่อมดสีเทาเก่า ๆ ซึ่งยิ่งทำให้ดูเหมือนคนชราร่างจิ๋วผมหงอกไปอีก
เพราะความสูง เขาจึงต้องยืนบนกองหนังสือระหว่างสอนเพื่อให้ถึงโต๊ะ
ตอนเรียกชื่อนักเรียน เขาส่งเสียงกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นเมื่อถึงชื่อของแฮร์รี่ และเผลอพลัดตกจากโต๊ะหายตัวไปเลย ทำเอานักเรียนหลายคนหัวเราะกันลั่น
ยกเว้นเฮอร์ไมโอนี่กับเดม่อน
สำหรับเดม่อน คาบเรียนเวทมนตร์คือจุดแข็ง ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก็เตรียมตัวมาเต็มร้อย เพราะรู้ดีว่าวิชานี้สำคัญ
เดม่อนเองก็ให้ความเคารพและชื่นชมศาสตราจารย์ฟลิตวิกเป็อย่างมาก ศาสตราจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความสามารถ แต่กลับอ่อนน้อม ไม่ลำเอียง และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกในชั้นเรียน แม้กระทั่งเล่นมุกตลกกับเขาบ้างก็ไม่ว่ากัน
สำหรับเดม่อน เื่เรียนเวทมนตร์พื้นฐานอาจไม่ได้สอนอะไรใหม่ให้เขาแล้ว เว้นเสียแต่ว่าศาสตราจารย์ฟลิตวิกจะยอมติวพิเศษให้
ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ยากนักหากจะให้เกิดขึ้น
“เวทมนตร์ ไม่ได้เป็แค่คาถายาก ๆ หรือซับซ้อน มันคือศิลปะ เป็การแสดงออกถึงจิตใจและเจตจำนง”
“วันนี้ เราจะเรียนคาถาแรก ลูมอส (Lumos) มันเป็พื้นฐาน แต่ก็ใช้ได้หลากหลาย ใช้ส่องสว่างในที่มืด ใช้เป็สัญญาณไฟ ตกแต่ง หรือแม้แต่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉินก็ได้”
เมื่อเริ่มสอน นักเรียนทุกคนก็เริ่มตั้งสมาธิไปที่ปลายไม้กายสิทธิ์
“ลูมอส (Lumos)!”
เสียงเรียกคาถาดังขึ้นทั่วห้อง แสงสีต่าง ๆ พากันเปล่งออกมาราวกับแสงดาว บ้างก็อ่อนโยน บ้างก็เจิดจ้าราวเปลวไฟ
เดม่อนยังไม่ร่ายคาถา เขาหันไปช่วยเนวิลล์ที่แสงออกมาแค่ลูกเล็ก ๆ จนกระทั่งเนวิลล์สามารถทำได้ระดับกลางแล้ว เดม่อนจึงหันมายิ้มบาง ๆ ก่อนจะร่ายเบา ๆ
“ลูมอส (Lumos)”
และแล้ว นักเรียนทั้งห้องก็เห็น “ดวงอาทิตย์อันอบอุ่น” ปรากฏขึ้นเหนือหัว มันลอยตามท่าทางที่เดม่อนชูไม้ขึ้น แสงนั้นสว่างอบอุ่นแต่ไม่แสบตา ราวกับใจที่มั่นคงและยิ่งใหญ่ของใครบางคน
“โอ้! พระเ้า! กริฟฟินดอร์บวกห้าคะแนน สำหรับลูมอสอันไร้ที่ติของเธอ!”
ศาสตราจารย์ฟลิตวิกะโลงจากโต๊ะ รีบวิ่งไปหาเดม่อนอย่างตื่นเต้นสุดขีด
มัลฟอยที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองแสงในมือเดม่อนด้วยสีหน้าอิจฉาและเกรงกลัว นี่คือ “ลูมอส” จริงเหรอ?
แม้แต่เวอร์ชันที่เสริมพลังอย่าง Lumos Solem ยังไม่สามารถสว่างแบบนี้ได้!
เดม่อนเป็แค่เด็กกำพร้า ทำไมถึงมีพลังเวทมากมายขนาดนี้?
แต่มัลฟอยยังไม่มีเวลาคิดเื่นั้นมากนัก
เพราะตอนนี้ เพื่อนร่วมบ้านสลิธีรินที่แต่เดิมให้เกียรติเขาเพราะพ่อเขา กลับกำลังมองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง
่นี้มีข่าวลือในบ้านสลิธีรินว่า เดม่อน ไวต์ ไม่ได้ถูกคัดเข้าบ้านสลิธีริน เพราะมัลฟอยเคยดูิ่เขาว่าเป็พวกลูกมักเกิ้ล (Mudblood) บนรถไฟ
ทำให้เดม่อนเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์เข้าบ้านสลิธีริน จึงหันไปเลือกกริฟฟินดอร์แทน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เด็กอัจฉริยะคนนี้ควรเป็ของบ้านสลิธีริน แต่เพราะมัลฟอย บ้านจึงต้องสูญเสียเขาให้กับศัตรู!
ความโกรธนี้ไม่อาจระงับได้ และหากไม่ใช่เพราะพ่อของมัลฟอยเป็กรรมการโรงเรียนล่ะก็ เขาคงโดนเกลียดแบบเปิดเผยไปนานแล้ว
แม้จะยังไม่มีใครกล้าแสดงออกอย่างเปิดเผย แต่เมื่อข่าวเื่ฝีมือของเดม่อนในวิชานี้และวิชาแปลงร่างแพร่ไปถึงนักเรียนสลิธีรินชั้นอื่น ๆ มัลฟอยจะกลายเป็ “ตราบาป” ของบ้านในสายตารุ่นน้องทันที
และเมื่อนั้นแหละ ภัยพิบัติที่แท้จริงของมัลฟอย จะเริ่มต้น
ท่ามกลางเสียงฮือฮาในห้องเรียน เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกถึง “วิกฤต” อย่างรุนแรง ตอนนี้เดม่อนตามแต้มเธามาเหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้น!
หลังจากความสามารถของเดม่อนถูกเผยออกมา ศาสตราจารย์ฟลิตวิกก็ยังคงให้กำลังใจนักเรียนคนอื่น แต่แน่นอนว่า เขาจะไม่เพิ่มคะแนนให้กริฟฟินดอร์อีกแล้ว ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถหนีแต้มออกไปได้อีก
รอนกับซีมัสกลายเป็แฟนคลับเดม่อนอย่างเต็มตัว พวกเขาทำหน้าเ้าเล่ห์ใส่นักเรียนสลิธีรินไม่หยุด
ตอนซีมัสร่ายเวท แสงของเขามีประกายไฟแปลก ๆ แฝงอยู่ แต่เพราะแสงหลักมันจ้ามาก ไม่มีใครสังเกตเห็นเลย
รวมถึงแฮร์รี่ด้วย เขามองแสงในมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ ในใจรู้สึกห่างไกลจากเดม่อนเหลือเกิน
เขารู้มาั้แ่แรกว่าเดม่อนเก่งเวทมนตร์ แต่แค่ “ลูมอส” ธรรมดา ๆ ทำไมถึงแตกต่างกันได้ขนาดนี้?
เสียงกระซิบที่ได้ยินว่า “แม้แต่ผู้กอบกู้โลกก็ยังสู้เดม่อนไม่ได้” ทำให้แฮร์รี่รู้สึกอับอายยิ่งนัก
เขาไม่ชอบถูกเรียกว่าผู้กอบกู้โลกอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกเหมือนไม่มีที่ยืน
บางส่วนในใจเขารู้ว่า... เขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ถ้าเขาไม่เอาเวลาไปเล่นกับรอนตลอด และละเลยการบ้านกับการเตรียมตัว
เขาหันไปสบตาเฮอร์ไมโอนี่ ทั้งคู่เหมือนเห็นประกายความมุ่งมั่นในสายตาของกันและกัน ทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาแคบลงเล็กน้อย
หลังเลิกเรียน ศาสตราจารย์ฟลิตวิกเรียกเดม่อนไว้
แต่เพราะเดม่อนต้องรีบไปเรียนวิชาแปลงร่างของศาสตราจารย์มักกอนนากัล ทั้งคู่จึงคุยกันได้ไม่นาน
ศาสตราจารย์ฟลิตวิกถามถึงพื้นเพของเดม่อนอย่างคร่าว ๆ แล้วชมถึงพร์ของเขาอย่างยั้ง ๆ ก่อนจะมอบหมาย “การบ้านพิเศษ” ให้
“ลองฝึกลูมอสให้สามารถเปล่งแสงได้เจ็ดสี ไม่ต้องรีบส่งนะ ถ้าเมื่อไหร่เธอพร้อม ก็แวะมาหาฉันที่ห้องทำงานชั้นแปดได้เลย”
“ได้ครับ ศาสตราจารย์”
ทั้งสองทำสัญญากันเล็ก ๆ ก่อนจะรีบแยกย้าย
(จบบท)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้