แม้จะเป็ชายชราอายุปาเข้าไปแปดสิบกว่าปี แต่บุตรชายของเขากลับหน้าใหญ่ใจโต ลำพังแค่สินสอดทองหมั้นก็สิบตำลึงเงินแล้ว พูดจนหวังซื่อหวั่นไหวมิใช่น้อย
เดิมทีนางก็ไม่สนความเป็ความตายของสองพี่น้องิเป่าจูอยู่แล้ว หากแต่งงานออกไปแล้วยังสามารถสร้างผลประโยชน์ให้ตนเองได้ ก็ยิ่งมิขัดข้อง
จึงตอบรับเื่การหมั้นหมายอย่างกระตือรือร้น แล้วยังรับเงินมัดจำจากอีกฝ่ายไว้ก่อนห้าตำลึง
แต่ใครจะคาดคิดว่า่เวลาเพียงไม่กี่เดือนสถานการณ์กลับพลิกผัน ิเป่าจูในตอนนี้ได้ย้ายออกจากบ้านตระกูลิไปแล้ว ไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่อยู่ในความควบคุมอีกต่อไป!
บัดนี้ผู้อื่นตามมาถึงที่ กล่าวว่าจะมาสู่ขอนางแต่งงาน อย่าเห็นว่าปกติหวังซื่อชอบพูดพล่ามเสียงแปร๋นแสบแก้วหูไปทั่ว เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ก็จนปัญญาขึ้นมาทันที
“ว่าอย่างไร พวกเ้าคิดจะจับหมาป่าขาวด้วยมือเปล่า [1] อย่างนั้นหรือ ได้รับสินสอดของข้าไปแล้วไม่ทำตามสัญญาใช่หรือไม่” ซุนเถียนเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาเบิกโพลง ปรากฏแววตาดุร้าย
หวังซื่อเห็นท่าทางนักเลงโตอย่างนั้นก็รู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้าง ถูกอีกฝ่ายตวาดเสียงดังเช่นนี้ ยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“มิได้ มิได้...” เหมียวซิ่วหลันเห็นบุตรสาวไม่ตอบ จึงรีบออกหน้าไกล่เกลี่ยกับอีกฝ่าย
“ซุนเถียน...เอ้อ... พี่ชาย ท่านเข้าใจผิดแล้ว ใช่ว่าพวกเราไม่ทำตามสัญญา แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ท่านว่า เื่นี้...ก็ให้มันแล้วไปดีหรือไม่ ข้าจะช่วยหาคนอื่นที่ดีกว่านี้ให้ท่านเป็อย่างไร”
“เฮอะ! ดีกว่านี้? ข้าว่าพวกเ้าคิดจะบิดพลิ้วเสียมากกว่า!” ซุนเถียนตวาดลั่น เส้นเืที่ขมับปูดโปน มือหนากระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังสนั่น จนแม่ลูกสะดุ้งใ
“ก็...ก็มันจนปัญญาแล้วนี่...” หวังซื่อเอ่ยเสียงเบา ทั้งยังสั่นระริกไปทั่วร่าง
“ก็ได้ ถ้าไม่อยากส่งแม่นางน้อยมาแต่งงานก็ต้องคืนสินสอดข้ามา พวกเ้าทำให้ข้าเสียเวลามากมายโดยเปล่าประโยชน์ จะให้แล้วไปง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด พวกเ้าต้องชดใช้ค่าเสียเวลาให้ข้าอีกห้าตำลึง ห้ามขาดแม้แต่เหวินเดียว มิเช่นนั้นข้าจะเผาเรือนของพวกเ้าให้วอดวาย!”
ในหมู่บ้านที่เขาจากมา เขาเป็อันธพาลทำตัวเหิมเกริม ชอบใช้กำลังมาโดยตลอด ด้วยความเ้าอารมณ์นิสัยใจคอโเี้ จึงไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยวด้วย
บัดนี้รู้สึกว่าตนเองถูกเอาเปรียบ ย่อมมิใช่แค่คืนสินสอดแล้วเื่จะจบลงง่ายๆ หากไม่ให้คนสกุลิจ่ายค่าตอบแทนเสียบ้าง คิดจะไล่ตะเพิดเขาไปด้วยวิธีนี้ เชอะ ไม่มีทาง!
“อะ...อะไรนะ! ค่าเสียเวลาห้าตำลึง?”
ขณะที่หวังซื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา นางไม่คิดจะคืนเงินห้าตำลึงแรกที่อยู่ในมือออกไปด้วยซ้ำ ให้จ่ายเพิ่มอีกห้าตำลึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
จะให้นางคายเงินที่อยู่ในมือออกไป ยากยิ่งกว่าขึ้น์ ให้ดึงเส้นเอ็นเลาะกระดูกยังดีเสียกว่า เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
แต่เมื่อเห็นท่าทางเหี้ยมเกรียมของซุนเถียน นางเชื่อว่าหากตนเองไม่ยอมรับปาก อีกฝ่ายต้องวางเพลิงเผาบ้านนางอย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังร้อนใจอยู่นั้น ิเถี่ยจู้ก็ก้าวเข้ามาในบ้านพอดี เมื่อเห็นคนในห้องก็อึ้งผงะไปชั่วขณะหนึ่ง
หัวหน้าครอบครัวกลับมาแล้ว หวังซื่อไม่มีแก่ใจจะซักถามอีกฝ่ายว่าไปที่ใดมา รีบเล่าเื่ราวทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียด และรอคอยให้ิเถี่ยจู้ตัดสินใจ
ิเถี่ยจู้ขมวดคิ้ว ความคิดเขาไม่ต่างจากหวังซื่อเท่าใดนัก ในเมื่อรับสินสอดมาแล้ว จะให้คืนกลับไปย่อมเป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
แต่เื่ของิเป่าจูก็เป็เื่ยากเช่นกัน สองครอบครัวได้ทำข้อตกลงกันไว้แล้วว่า ตราบใดที่ิเป่าจูจ่ายเงินครบยี่สิบตำลึงก็ถือว่าตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง แล้วจะทำเช่นไรให้นางยอมรับการแต่งงานนี้เล่า?
ด้วยความสามารถของิเป่าจูเวลานี้ การหาเงินสิบตำลึงเป็เื่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ จะรอให้นางหาเงินไม่ทันตามข้อตกลงยิ่งเป็ไปไม่ได้เลย
ทว่าเขาเป็คนโเี้เห็นแก่ตัวมาแต่ไหนแต่ไร แม้กระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยคิดว่าสัญญากระดาษแผ่นเดียวจะตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับิเป่าจูได้จริงๆ
มีแต่เขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะรังเกียจเ้าลูกเต่าสองคนนั้น เื่จะเป็ครอบครัวเดียวกันหรือไม่ คนตัดสินใจไม่มีทางเวียนไปถึงพวกเขา!
“เื่นี้ง่ายนิดเดียว!” ิเถี่ยจู้ตัดสินใจทันควันด้วยความมั่นใจผิดปกติ
จากนั้นก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตำแหน่งประธาน กระซิบบอกเล่าแผนการของตนเอง พลางปรึกษาหารือกับคนอื่นๆ อีกเล็กน้อย จนกระทั่งได้บทสรุปแล้ว ทั้งหมดจึงแยกกันออกเป็สองกลุ่ม มุ่งหน้าไปยังบ้านของิเป่าจูโดยหลีกเลี่ยงจากสายตาชาวบ้าน
กู้ชิงชิงรั้งอยู่เพียงสองวันก็เดินทางกลับ จงต้าเหนียงรู้สึกหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยว ่สองวันมานี้จึงไปตามพวกิเป่าจูมากินข้าวที่บ้านด้วยทุกวัน
ิเป่าจูไม่อยากรบกวนให้ท่านป้าต้องสิ้นเปลือง เพราะพวกเขาสามคนกินแค่มื้อเดียวก็หมดไปไม่น้อยแล้ว
แต่เมื่อนึกถึงความหงอยเหงาของสองตายายที่ไร้ลูกหลานอยู่ข้างกาย ก็ใจอ่อนยอมตกลง แต่ทุกครั้งที่ไปก็จะต้องมีของติดไม้ติดมือไปด้วยเสมอ
วันนี้ก็เช่นกัน นัดกันว่าจะไปตอนเที่ยง หลี่ไหวฺอวี้กับิเป่าอวี้ถือเนื้อหมูเตรียมออกจากบ้านแล้ว แต่ทันใดนั้นิเป่าจูนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้รดน้ำสมุนไพรในสวน จึงบอกให้ทั้งสองล่วงหน้าไปก่อน บอกว่าตนเองทำธุระเสร็จแล้วจะรีบตามไป
“พี่หญิง ถ้าเช่นนั้นข้ากับพี่ไหวฺอวี้ไปก่อนนะขอรับ!” การรดน้ำใช่ว่าเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ จึงต้องนำเนื้อหมูไปก่อนล่วงหน้า
“อืม ไปเถอะ พี่จะรีบตามไป” ไปกินข้าวบ้านผู้อื่น อย่าให้ท่านป้ากับท่านลุงรอนาน
โอ่งน้ำตั้งอยู่ใต้ชายคา ิเป่าจูพูดพลางตักน้ำใส่บัวรดน้ำ แล้วออกมานั่งยองๆ ข้างแปลงเพื่อรดน้ำ
มีคนเดินผ่านมาถึงข้างกาย เห็นรองเท้าผ้าใบหยุดลงโดยไม่พูดอะไร แล้วก็เดินผ่านไป ิเป่าจูเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังสูงโปร่งนั้นพลางย่นจมูกไม่สบอารมณ์ เขาทำท่าทางเ็าชอบกลเช่นนี้มาสองวันแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองปิดประตูจากไป ิเป่าจูก็รดน้ำต้นไม้ต่อ โดยไม่ละเลยแม้แต่ต้นเดียว จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย ก็รู้สึกเมื่อยหลังอยู่บ้างเล็กน้อย
นางยืดเอวขึ้น ทุบเบาๆ สองสามที จนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้ว จึงคิดจะไปที่บ้านของท่านป้า
ทว่ายังไม่ทันได้ขยับ ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู นึกว่าสองคนนั้นลืมของย้อนกลับมาเอา จึงออกไปเปิดประตูโดยไม่คิดอะไรมาก
“ลืมอะไรอีกล่ะ... เหตุใดเป็เ้า? มาทำอะไร?” หวังซื่อกับหญิงที่ดูสูงวัยคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
ในใจของิเป่าจูพลันบังเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ทุกครั้งที่หวังซื่อมาเยือนมักไม่มีเื่ดี ไม่คิดอยากต่อล้อต่อเถียงด้วย ยิ่งไม่้ารู้ว่าอีกคนคือผู้ใด จึงปิดประตูทันควัน
“โอ๊ย!”
หวังซื่อร้องเสียงแหลมบาดหู ในขณะที่ิเป่าจูปิดประตู นางก็ใช้ร่างอวบอ้วนพุ่งเข้ามาดันประตูแล้วบุกรุกเข้ามาด้านใน ก่อนที่จะถูกิเป่าจูปิดประตูใส่
“นี่ท่านจะทำอะไร!” พอเห็นหวังซื่อถือวิสาสะบุกเข้ามา ิเป่าจูก็ยิ่งมีท่าทีระแวดระวัง
“นี่หรือเป่าจู ช่างเป็เด็กน่าเอ็นดูเสียจริง” เหมียวซิ่วหลันก้าวเข้ามาจับมือิเป่าจู พลางชมเปาะไม่ขาดปาก “ดูสิ อายุแค่นี้ก็งดงามแล้ว เ้ายังไม่รู้จักข้าสินะ ตามลำดับาุโเ้าต้องเรียกข้าว่าท่านยาย!”
ท่านยายอะไรกัน? ช่างไม่สำเหนียกว่าตนเองเป็คนนอกบ้างเลย!
ิเป่าจูไม่ค่อยชอบใจที่จู่ๆ คนแปลกหน้ามาทำตัวสนิทสนม จึงสะบัดมือออกอย่างแรง ถอยห่างออกมาสองสามก้าว พลางมองคนทั้งสองด้วยสายตาเ็า
“มาทำอะไร?” หวังซื่อคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีกล่ะ?
ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเื่อะไร แต่ิเป่าจูก็รู้สึกเหนื่อยใจทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ จึงถามออกไปตามตรง
“โธ่ ยายหนูเป่าจู เ้าไม่รู้อะไร”
หวังซื่อร้องคร่ำครวญ ใบหน้าที่เดิมทีสงบนิ่งพลันบิดเบี้ยว น้ำตาก็ไหลพรากออกมาราวกับสั่งได้ ร่ำไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลอาบแก้ม
ท่าทางเช่นนี้ทำเอาิเป่าจูใอยู่บ้างจริงๆ ทว่าในใจกลับแค่นเสียงเยาะ รอดูว่าวันนี้นางจะมาแสดงบทบาทอันใด
“เ้าจำเื่ที่ท่านลุงของเ้าหมั้นหมายให้เ้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ตอนนี้พวกเขามาทวงสัญญาถึงบ้านแล้ว ท่านลุงของเ้ากับข้าคิดว่า ตอนนี้เ้าโตเป็ผู้ใหญ่แล้ว ย่อมมีความคิดเป็ของตนเอง เลยคิดว่าจะล้มเลิกงานแต่งนี้ไปแบบง่ายๆ แต่ใครจะไปรู้...”
หวังซื่อพูดไปก็ร้องไห้ฟูมฟายเช็ดน้ำตา ราวกับกำลังร้องทุกข์อยู่หน้าประตูศาลาว่าการก็ไม่ปาน
เชิงอรรถ
[1] จับหมาป่าขาวด้วยมือเปล่า หมายถึงการฉกฉวยผลประโยชน์โดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรง คล้ายสำนวนไทยว่า ‘จับเสือมือเปล่า’
