หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้าง ก่อนส่ายหน้า “ไม่หรอก! หนีจวิ้นหว่านคงมิได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้ นางต้องถูกสวีซื่อบังคับเป็แน่ ดังนั้นจึงไม่กล้าลงมือ ถึงได้ทิ้งกริช แล้ววิ่งหนีไปเช่นนี้”
โจวชิงหวามุ่นคิ้ว “เ้าคงมิได้คิดจะคืนดีกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์ถามอย่างมีชั้นเชิงว่า “พวกเราคือพี่น้องร่วมสายเื เหตุใดจะคืนดีมิได้เล่า!”
ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยตนเอาไว้ เหตุใดนางจะให้อภัยสักครั้งมิได้...
โจวชิงหวาไม่เข้าใจความคิดของหญิงสาวที่มีต่อหนีจวิ้นหว่านเท่าใดนัก จึงไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ระหว่างพวกนาง
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ สองพี่น้องยังเป็ไม้เบื่อไม้เมากันอยู่เลย
หนีเจียเอ๋อร์กล่าวขึ้นว่า “ชิงหวา ข้ารู้ว่าเ้าหวังดีกับข้า แต่ข้าไม่อยากให้เ้าทำร้ายนาง หนีจวิ้นหว่านถึงขั้นทรยศมารดา เพื่อบอกให้เ้าไปช่วยข้า เป็สวีซื่อต่างหากที่วางแผนหมายจะกำจัดข้า หาใช่นางไม่!”
โจวชิงหวาถอนหายใจ ห่อกริชเอาไว้ ก่อนย้อนถาม “แล้วเ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”
หนีเจียเอ๋อร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนตอบเบาๆ “เป็ไปไม่ได้แน่ที่ท่านพ่อจะลงดาบนาง และนี่ก็มิใช่ปัญหาหนักหนาสาหัส จนถึงต้องขับสวีซื่อออกจากจวน”
พอได้ยินแบบนี้ โจวชิงหวาก็พยักหน้า ต่อให้หนีจวิ้นหว่านจะเป็สตรีที่มีใจอิจฉาริษยา แต่ก็ยังพอมีคุณธรรมอยู่บ้างเช่นกัน
ทั้งสองมายังห้องหนังสือ เพื่อมอบกริชอาบยาพิษให้นายท่านหนี พลางรายงานว่าหนีจวิ้นหว่านถูกสวีซื่อบีบบังคับ ให้ลอบสังหารหนีเจียเอ๋อร์
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นายท่านหนีก็ยิ่งโมโห รีบมุ่งหน้าไปยังเรือนตะวันออกทันที
โจวชิงหวาเป็ฝ่ายเก็บกริชขึ้นมา ก่อนที่ทั้งเขาและหนีเจียเอ๋อร์จะติดตามนายท่านหนีไป
พอเห็นเ้านายเดินเข้ามาด้วยสีหน้าถมึงทึง ผู้คุ้มกันทั้งสองต่างก็พร้อมใจกันเปิดประตูให้โดยไม่ต้องสั่ง
แต่ท่านเ้าบ้านกลับไม่มีความอดทนมากพอที่จะรอให้พวกเขาเปิดประตู จึงยกเท้าขึ้นถีบในทันใด ประตูไม้พังโครม ก่อนที่นายท่านหนีจะสะบัดชายเสื้อ และก้าวเข้าไปในเรือน
ฝุ่นหนาพลันลอยคละคลุ้ง จนหนีเจียเอ๋อร์ต้องขมวดคิ้ว
มุมปากของโจวชิงหวายกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนเดินตามเข้าไป
สวีซื่อที่กำลังรอฟังข่าวดี ผุดลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินการเคลื่อนไหว เมื่อเห็นคนทั้งสามมาด้วยกัน ก็เข้าใจได้ทันที ว่าหนีจวิ้นหว่านคงจะทำงานไม่สำเร็จ ไม่เพียงสังหารหนีเจียเอ๋อร์มิได้ ซ้ำยังก่อปัญหาใหญ่ให้ตนอีกด้วย
จึงรีบลงมาจากเตียง เตรียมคุกเข่าตรงหน้าสามี แต่ยังไม่ทันทรุดตัวลงบีบน้ำตาขอร้อง นายท่านหนีก็เป็ฝ่ายคว้าแขนของนางขึ้นมาเสียก่อน
สวีซื่อมองบุรุษตรงหน้า แล้วกะพริบตาด้วยความใ
เพียะ!
เสียงฝ่ามือดังขึ้นอย่างชัดเจน สวีซื่อยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ต้องกลืนคำพูดกลับไป เพราะถูกเหวี่ยงลงบนเตียง ทว่าหน้าท้องของนางกลับกระแทกขอบเตียงพอดี ทำให้สวีซื่อถึงกับจุกเสียดจนต้องกุมท้องเอาไว้ ในขณะที่ส่วนล่างของนางยังมีน้ำคร่ำไหลออกมา
สวีซื่อล้มลงบนเตียง น้ำตาหลั่งริน ด้วยไม่คิดว่าคนที่กล้าตบตีนางจะเป็นายท่านหนี
นางค่อยๆ ประคองร่างตัวเองให้ลุกขึ้น มองบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา กำหมัดแน่น ก่อนทุบลงบนอกเขา พลางส่ายหน้า แล้วพูดเสียงเศร้า “นายท่าน ข้าเพิ่งแท้งลูกมานะ ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไร?”
หยาดน้ำตาของนางหลั่งรินราวกับสายฝน
แต่ใบหน้าของนายท่านหนีในวันนี้กลับนิ่งสนิท ไม่สะทกสะท้านกับน้ำตาของนางแม้แต่น้อย ซ้ำยังสั่งคนรับใช้เสียงเฉียบขาดอีกด้วย “พ่อบ้าน ส่งสตรีชั่วผู้นี้กลับไปยังตระกูลสวี”
พ่อบ้านกวักมือเรียกผู้คุ้มกันนอกประตู ให้มาทำตามคำสั่ง
สวีซื่อหยิบปิ่นทองบนโต๊ะขึ้นมาจ่อกับคอของตน “นายท่าน ั้แ่วันที่แต่งงานกับท่าน สวีซูฉินผู้นี้ ก็ให้สัตย์สาบานแล้ว ว่าชั่วชีวิตนี้ ข้าจะเป็ของท่าน ต่อให้ตายกลายเป็ผีก็ไม่พรากจาก แต่บัดนี้ท่านกลับไม่้าข้าแล้ว ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ หากท่านขับไล่ข้าไป วันนี้ สวีซูฉินจะขอตายต่อหน้าท่าน ถ้าท่านดึงดันจะใจร้าย เช่นนั้นก็ส่งศพของข้ากลับตระกูลสวีเถิด”
นายท่านหนีมองดวงตาอันโศกเศร้าคู่นั้นอย่างเกรี้ยวกราด “ได้! หากเ้าตาย ข้าจะส่งศพเ้าไปยังตระกูลสวีเอง”
หนีเจียเอ๋อร์มีสีหน้าเรียบเฉย มองสวีซื่อด้วยสายตาเ็า ไร้ซึ่งร่องรอยของอารมณ์ใดๆ ในดวงตาคู่สวย “ท่านแม่ ท่านใช้วิธีนี้กับพี่หญิง เพื่อบีบบังคับให้นางสังหารข้า ใช่หรือไม่?”
แม้จะเอ่ยถาม แต่น้ำเสียงปราศจากความกังขา...
ท่าทางของสวีซื่อเปลี่ยนไป แต่ยังคงกระชับปิ่นทองไว้ในมือ สายตาที่มองนายท่านหนีมีแต่ความท้าทาย ด้วยเดิมพันว่าเขาจะต้องยอมประนีประนอม เพราะเห็นแก่หน้าของตระกูลสวี
โจวชิงหวายกมือขึ้นกอดอก ก่อนโพล่งขึ้นว่า “หากฮูหยินตัดสินใจดีแล้ว ก็ใช้อาวุธนี้เถอะ มันอาบยาพิษมาแล้ว คงทำให้ท่านไปสบาย โดยไม่ต้องทรมาน”
ว่าแล้ว ก็ยื่นกริชให้สวีซื่อ
ใบหน้าของสวีซื่อซีดเผือดทันที ตัวสั่นเทาจนเผลอผงะถอย มือที่กำปิ่นทองคลายลงเล็กน้อย
นายท่านหนีรีบคว้ามืออีกฝ่ายมากระแทกอย่างแรง จนปิ่นทองร่วงหล่น จากนั้นก็ยัดกริชเข้าไปแทนที่ “เ้ามิใช่อยากฆ่าตัวตาย เพื่อพิสูจน์ความจริงใจให้ข้าเห็นหรอกหรือ?”
เห็นได้ชัด ว่าเขาไม่ใส่ใจทั้งความผูกพันฉันสามีภรรยา หรือความสัมพันธ์ของสองตระกูล สวีซื่อจ้องมองกริชที่จ่อเข้ามาใกล้ แล้วกัดฟันพูด “ข้าไปก็ได้!”
หนีเจียเอ๋อร์ “ท่านแม่ หากท่านยอมรับความจริงให้เร็วกว่านี้ ก็คงรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้ได้...”
สวีซื่อมองหญิงสาว ดวงตาคู่นั้นเยียบเย็นราวกับงูจับจ้องเหยื่อ แต่หนีเจียเอ๋อร์กลับยักคิ้วให้ ทั้งยังส่งยิ้มท้าทายนาง
“ไปเสีย!” นายท่านหนีสะบัดแขนเสื้อ
สวีซื่อหอบหิ้วเสื้อผ้าข้าวของ และจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี แม้จะเหลือเพียงน้อยนิดก็ตาม
โจวชิงหวาและหนีเจียเอ๋อร์มองหน้ากัน ยิ้มให้กับการยอมออกจากจวนไปแต่โดยดีของสวีซื่อ
...
สองวันถัดมา เพื่อเป็ขอบคุณโจวชิงหวา ที่ช่วยชีวิตบุตรสาวและพานางกลับจวนได้อย่างปลอดภัย นายท่านหนีจึงจัดเลี้ยงขอบคุณเขา
โดยมีเว่ยอี๋เหนียง หนีเจียเฮ่อ และแม่นมโจวมาร่วมงานด้วย
ส่วนหนีจวิ้นหว่านกลับปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าไม่สบาย
แต่นายท่านหนีคิดว่านางเพียงหาข้ออ้าง จึงสั่งให้แม่บ้านไปเชิญมาอีกครั้ง ทว่าถูกหนีเจียเอ๋อร์ห้ามไว้เสียก่อน
“ท่านพ่อ ถึงอย่างไรสวีซื่อก็เป็มารดาของพี่หญิง จะให้มาร่วมงานนี้ นางย่อมรู้สึกลำบากใจเป็ธรรมดา ช่างนางเถอะ!”
นายท่านหนีจึงเชื่อหนีเจียเอ๋อร์ แล้วพูดเปลี่ยนเื่ “สวีซื่อมิได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับตระกูลหนีอีกแล้ว ดังนั้น นางย่อมต้องตัดขาดกับมารดาเช่นกัน”
หนีเจียเอ๋อร์ไม่อาจโต้แย้ง จึงปล่อยไปตามที่ควรจะเป็
หลังจากทุกคนนั่งประจำที่ นายท่านหนีก็หยิบจอกสุราขึ้น แล้วพูดเสียงเคร่งขรึม “ชิงหวา จอกนี้ข้าขอขอบคุณเ้า ที่ช่วยชีวิตเสี่ยวเอ๋อร์เอาไว้อีกครั้ง”
โจวชิงหวายืนขึ้นยกจอกสุรา ชนจอกสุราของนายท่านหนี พลางเอ่ยอย่างนอบน้อม “เป็หน้าที่ของชิงหวาขอรับ”
นายท่านหนีพยักหน้าอย่างพอใจ หลังจากเทสุราขึ้นดื่มอีกแก้ว ก็ถามขึ้นทันที “ชิงหวา เว่ยอี๋เหนียงกับข้า ต่างก็เห็นว่าเ้าเป็ผู้ที่มีความรับผิดชอบ ควรค่าแก่การมอบความไว้วางใจ จึงอยากจะให้เ้ากับเสี่ยวเอ๋อร์หมั้นหมายกัน เ้าคิดเห็นเช่นไร?”
หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้าง ตะเกียบในมือร่วงหล่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็สีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
แต่ยังไม่อาจปล่อยวางสาเหตุการตายของตนในชาติที่แล้วได้ นางจึงกลัวการแต่งงานยิ่งนัก
สำหรับโจวชิงหวา เขาเต็มใจรับปากด้วยใจจริง ทว่าเมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดแน่นของหนีเจียเอ๋อร์ ความสุขก็พลันเลือนหาย เขาจะยินดีได้อย่างไร หากนางแสดงท่าทีเช่นนั้น...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้