หานฉงอันจ้องมองหานอวี้ฉีด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นจึงจะพูดกับอี้ไท่เฟยต่อไปว่า “คุณชายใหญ่เป็ผู้ไม่มีวิชาความรู้ ทำตัวเละเทะ คุณชายคนอื่นๆ ก็โง่เขลา และยิ่งไปกว่านั้นใน่เวลาวิกฤตเช่นนี้ ก็ยังละทิ้งตระกูลหาน คุณชายเจ็ดนั้นมีพร์และเฉลียวฉลาด ทว่าเขาก็ยังอายุน้อย จึงไม่มีทายาทคนไหนของตระกูลหานที่สามารถสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจมอบกุญแจห้องเก็บของตระกูลให้กับฉินหวังเฟยผู้เป็บุตรสาวเพียงคนเดียวที่อภิเษกออกไปแล้วของตระกูลหานเก็บรักษาไว้ชั่วคราว”
“ท่านพ่อ ยังมีข้าอยู่นะ! ข้าไม่้าแต่งงาน ข้า้าเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ของตระกูลหาน!” หานรั่วเสวี่ยที่กังวลมากจนแทบจะร้องไห้ออกมา พร์ของนางดีที่สุด ทำไมท่านพ่อถึงไม่พิจารณานางบ้างล่ะ
เมื่อหานอวี้ฉีได้ยินบิดาดุด่าตัวเอง เขาที่กำลังจะโกรธอีกครั้ง ฮูหยินสวี่ก็หยิกและหยุดเขาไว้ พร้อมกับพูดอย่างรวดเร็วว่า “นายท่าน ท่านพูดถึงอวี้ฉีเช่นนั้นได้อย่างไร? เขาเป็บุตรชายคนโตของท่านนะ! เขาอายุยังน้อย เลยยังห่วงเล่น แต่อีกไม่กี่ปีก็โตแล้วไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้ ถ้าท่านไม่เลือกผู้นำตระกูลในตอนนี้ ก็ต้องฝากกุญแจห้องเก็บของไว้ในความดูแลของข้า! ข้าเป็ภรรยาของท่านนะ!”
ใครจะรู้ว่า จู่ๆ หานฉงอันจะทำตามสิ่งที่พวกนางพูดอย่างชาญฉลาด แน่นอนว่าเขายังคงมองไปที่อี้ไท่เฟยและพูดว่า “อี้ไท่เฟย ท่านได้เห็นสถานการณ์ของตระกูลหานแล้ว ด้วยเพราะเหตุนี้ กระหม่อมจึงใช้แผนการอันโง่งม เพื่อ้าทดสอบเด็กเหล่านี้อีกสักสองสามปี และการมอบกุญแจห้องเก็บของให้ฉินหวังเฟย ก็ถือว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง สมกับที่หานฉงอันเป็สุนัขจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ ฉลาดจริงๆ เขาไม่ได้พูดอะไรร้ายแรง แต่มันทำให้ผู้คนไม่มีอะไรจะโต้แย้ง
แต่ใครจะคิดว่าอี้ไท่เฟยที่เงียบมาตลอดกลับยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“หานฉงอัน เ้าลองคิดดูให้ดี เ้าแน่ใจหรือว่ากำลังพูดความจริง? หากฉินหวังเฟยบังคับเ้า เ้าก็แค่พูดออกมา ในเมื่อวันนี้ข้ามาที่นี่แล้ว ข้าจะตัดสินแทนเ้าอย่างแน่นอน และการพัฒนาในอนาคตของตระกูลหาน ข้าก็จะดูแลเอง!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หัวใจของหานอวิ๋นซีก็เต้นไม่เป็จังหวะ คำพูดของอี้ไท่เฟยตรงไปตรงมาเหลือเกินไป
อี้ไท่เฟยเหลือบมองนางอย่างมีความหมาย จากนั้นก็มองทุกคนในตระกูลหานด้วยสายตาเ็าแล้วพูดต่อว่า “แน่นอน ถ้าฉินหวังเฟยไม่ได้บังคับเ้า ทั้งหมดนี้ก็เป็ความเต็มใจของเ้า และข้าก็จะไม่เข้าไปยุ่งอีก อย่างไรก็ตาม ข้าอยากจะเตือนเ้าสักหน่อย ตระกูลหานของเ้าล้วนแต่ร้องทุกข์ ใส่ร้ายฉินหวังเฟยว่าโลภทรัพย์สินของตระกูลหาน แทรกแซงกิจการครอบครัวจนวุ่นวายไปทั่วทั้งเมือง แม้ว่าฉินหวังเฟยจะไม่เอาเื่ แต่ข้าไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด!”
เมื่ออี้ไท่เฟยพูดเช่นนี้ ทั้งห้องโถงก็เงียบเสียจนได้ยินเสียงเข็มหล่น
นางดูเหมือนจะพอใจกับความเงียบอย่างมาก ดื่มชาอย่างใจเย็นและพูดต่อว่า “แน่นอน ถ้าข้ารู้ว่าวันนี้เ้าโกหกแม้แต่ครึ่งเดียว ข้าก็จะไม่ปล่อยเ้าไปเช่นกัน...!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ถ้วยชาก็วางลง พร้อมกับเสียง “แกร๊ง” ที่ดังขึ้น ซึ่งปลุกทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นให้ตื่น
ในคำพูดของอี้ไท่เฟยมีความปรารถนาดีอยู่ แต่ก็หมายถึงคำเตือนด้วยเช่นกัน
อย่าว่าแต่คนในตระกูลหานเลย แม้แต่หานอวิ๋นซีก็ยังหวาดกลัว!
ถ้าเป็ความปรารถนาดี หากหานฉงอันยอมรับว่าเขาถูกบังคับให้มอบกุญแจห้องเก็บของให้กับหานอวิ๋นซี อี้ไท่เฟยก็จะดูแลอนาคตของตระกูลหานและช่วยฟื้นฟูตระกูลหาน
ส่วนความหมายของคำเตือนนี้ก็ชัดเจนอย่างมาก หากหานฉงอันยอมรับว่าเขาไม่ได้ถูกบังคับ ฮูหยินสวี่ที่เอะอะโวยวายที่ประตูจวนฉินอ๋องและใส่ร้ายฉินหวังเฟย ก็ต้องถึงจุดจบเช่นกัน!
คนที่อยู่ในตอนนี้ส่วนใหญ่เป็คนฉลาด เข้าใจได้ว่าอี้ไท่เฟยหมายถึงอะไร โดยเฉพาะหานฉงอัน เขารู้ั้แ่อี้ไท่เฟยมาที่นี่ในวันนี้ ไม่ว่าความจริงจะเป็เช่นไร ก็้าจะจับจุดอ่อนของหานอวิ๋นซีให้ได้
อี้ไท่เฟย้าให้เขายอมรับว่าเขาถูกบังคับและใส่ร้ายหานอวิ๋นซี!
เขาควรเลือกอย่างไรดี?
ใช่ หานฉงอันจะเลือกอย่างไร?
ทุกคนต่างมองไปที่หานฉงอัน ฮูหยินสวี่ที่ใมากจนใบหน้าซีดเซียว คนที่ส่งเสียงดังที่ประตูจวนฉินอ๋อง และทำให้วุ่นวายไปทั่วเมืองก็คือนางเอง!
หากนายท่านเลือกหานอวิ๋นซี เช่นนั้นนางก็คงจบ จบสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ!
เมื่อคิดเช่นนี้ มือของฮูหยินสวี่ก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาและนางเป็คนแรกที่พูดว่า “นายท่าน ท่านต้องคิดให้ชัดเจนก่อนที่จะตอบ!”
และตอนนี้เวลานี้ หานอวิ๋นซีมองไปที่หานฉงอันด้วยสายตาที่จริงจัง
ต้องบอกว่านางเองก็ไม่แน่ใจจริงๆ
ข้อตกลงที่นางทำกับหานฉงอันเป็ข้อตกลงทางวาจาโดยไม่มีหลักฐานใดๆ หากหานฉงอันใส่ร้ายนาง ไม่ว่านางจะแก้ต่างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น
ความจริงแล้ว สิ่งที่หานฉงอันเผชิญอยู่ในเวลานี้ไม่ใช่การเลือกนางหรือฮูหยินสวี่ เขากำลังเผชิญหน้าว่าจะเลือกนางหรืออี้ไท่เฟย!
อี้ไท่เฟยพูดอย่างตรงไปตรงมาว่านางจะใส่ใจกับการพัฒนาของตระกูลในภายภาคหน้า ทุกสิ่งที่หานฉงอันทำก็เพื่ออนาคตของตระกูลหานไม่ใช่หรือ?
เป็การดีกว่าที่จะฝากอนาคตของตระกูลหานไว้ในมือของอี้ไท่เฟย ที่ทรงพลังมากกว่าอยู่ในมือของฉินหวังเฟยที่ไร้พลังอย่างนาง!
ในเวลานี้ หานฉงอันสามารถเอาใจอี้ไท่เฟยและหักหลังนางได้!
จะทำอย่างไรดี?
“หานฉงอัน สรุปแล้วเ้าถูกบังคับหรือเต็มใจ? นี่เป็ครั้งสุดท้ายที่ข้าจะถามเ้า” อี้ไท่เฟยเตือนหานฉงอันจาก้า ให้โอกาสหานฉงอันครั้งสุดท้าย
“นายท่าน! ท่านต้องคิดให้ชัดเจน!” ฮูหยินสวี่ที่เกือบจะร้องไห้ออกมา พระเ้ารู้ดีว่านางกลัวแค่ไหน
หานอวี้ฉี ผู้ซึ่งหยิ่งยโสโอหังและไม่สนฟ้าดินใดๆ ก็ประหม่าเช่นกัน หากมารดาของเขากระทำความผิด เขาเองก็คงจบเห่เช่นกัน เขารีบพุ่งไปตรงหน้าหานฉงอัน คุกเข่าลงต่อหน้าเขาและพูดเสียงดังว่า “ท่านพ่อ ท่านรีบตอบอี้ไท่เฟยสิว่าท่านถูกบังคับ! ท่านถูกนางบังคับ!”
หากบอกว่าความกังวลใจของสองแม่ลูกสวี่คือความร้อนตัวและความกลัว เช่นนั้นเวลานี้ความกังวลใจของหานรั่วเสวี่ยเองนี้ก็เป็ความคาดหวัง
นางรู้มาจากมู่หลิวเยวี่ยว่า หานอวิ๋นซีและมู่หลิวเยวี่ยเดิมพันกันในการตามหาผู้ร้ายตัวจริงที่วางยาพิษ และหลังจากนี้สามวัน หากแพ้ละก็ จะต้องถอดเสื้อผ้าออกแล้ววิ่งไปตามถนน
หากการสอบสวนของหานอวิ๋นซีสามารถล่าช้าไปได้สามวันเพราะปัญหาของตระกูลหาน หานอวิ๋นซีก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยวิธีนี้ “ความเป็สหายร่วมรบ” ของนางกับมู่หลิวเยวี่ยก็จะใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกขั้น หากมีมู่หลิวเยวี่ยคอยสนับสนุนนางอยู่ และหาโอกาสไปพบองค์หญิงฉางผิงได้ นางก็ไม่จำเป็ต้องกังวลเกี่ยวกับอำนาจที่อยู่เื้ัฮูหยินสวี่
ดังนั้น นางจึงแนะนำมู่หลิวเยวี่ยและมู่หรงหว่านหรูให้กับฮูหยินสวี่เพื่อสร้างฉากวุ่นวายนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าแม่ของนางไม่รู้การกระทำลับหลังเหล่านี้
นางที่ไม่ปรึกษาความเห็นของท่านแม่ ก็รีบคุกเข่ากับหานอวี้ฉีและเต็มไปด้วยความประหม่า “ท่านพ่อ อนาคตของตระกูลหานอยู่ในกำมือของท่าน!”
อี้ไท่เฟยนั่งมองความกังวลใจของตระกูลหานอย่างสบายๆ ไม่ได้เร่งเร้าอีกต่อไป ดูเหมือนนางจะมั่นใจในตัวเลือกของหานฉงอันอย่างมาก
ทางด้านข้าง มู่หรงหว่านหรูเองก็ไม่ได้กังวลในหานฉงอันเลย และมองไปที่ฮูหยินสวี่พร้อมกับขมวดคิ้วและสายตาเยาะเย้ยดูถูก ฮูหยินสวี่แต่งงานกับหานฉงอันมาหลายปีแล้ว นางยังไม่รู้จักสามีของนางอีกหรือ?
อี้ไท่เฟยยื่นโอกาสให้ขนาดนี้ หานฉงอันจะยังเลือกหานอวิ๋นซีอีกหรือ เห็นได้ชัดว่าเขาจะเลือกอะไร เหตุใดถึงได้ประหม่าอีกล่ะ?
หานฉงอันมองไปที่เด็กสองคนตรงหน้า พวกเขากำลังหลบตาอย่างขุ่นมัว ไม่สามารถเห็นแววตาของเขาได้อย่างชัดเจน แต่หานฉงอันก็ไม่ได้พูดเป็เวลานาน
ฉากนี้ทำให้หานอวิ๋นซีที่ไม่สบายใจอยู่แล้วยิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ อย่าพูดถึงหานฉงอันเลย หากเป็นาง นางก็คงเลือกอี้ไท่เฟยอย่างแน่นอน
นางกำลังมีปัญหาใหญ่
นางแอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และในขณะเดียวกัน หานฉงอันก็เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นสิ่งนี้หัวใจของทุกคนก็เต้นเร็วขึ้น หานฉงอันจะตอบแล้วใช่หรือไม่?
ประหม่าเหลือเกิน!
แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะรู้อยู่แก่ใจ แต่นางก็ยังไม่อยากยอมแพ้จนกว่าผลจะออกมา นางมองไปที่หานฉงอันอย่างสงสัย แต่ใครจะรู้ ว่าหานฉงอันจะหลบสายตานางและมองตรงไปที่อี้ไท่เฟย
นี่มัน…
หานฉงอัน สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร!
หานอวิ๋นซีอ้าปากค้าง เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขาตั้งใจใส่ร้ายนางจริงๆ?
ตึกตัก! ตึกตัก!
การเต้นของหัวใจของหานอวิ๋นซีเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
“ทูลไท่เฟย...” หานฉงอันพูดอย่างใจเย็น
ครั้งนี้แม้แต่อี้ไท่เฟยและมู่หรงหว่านหรูเองก็จริงจังและนั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัว นางคาดหวัง หวังว่าหานอวิ๋นซีจะเป็คนผิด!
โดยไม่คาดคิด ในตอนที่หานฉงอันกำลังจะเอ่ยถึงทางเลือกของเขา ทันใดนั้นเสี่ยวอี้เอ๋อร์ก็ะโออกมาจากด้านหน้าของมารดาเขา และล้มลงข้างๆ หานฉงอันอย่างแรง
“อี้เอ๋อร์!”
หานฉงอันที่กระวนกระวายและรีบหันไปช่วย แต่เมื่อเขาอุ้มเสี่ยวอี้เอ๋อร์ขึ้นมา เสี่ยวอี้เอ๋อร์ก็ร้องไห้ “ท่านพ่อ พี่หญิงอวิ๋นซีเป็คนดี พี่หญิงอวิ๋นซีไม่มีทางบังคับท่านใช่หรือไม่?”
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวอี้เอ๋อร์ยังเด็กเกินไป เขาไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อี้ไท่เฟยพูดในตอนนี้ เขารู้แค่ว่าพี่หญิงอวิ๋นซีไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน เขาที่กำลังจะพูด ใครจะรู้ว่าท่านแม่ที่อ่อนแออยู่เสมอกลับดึงเขาออกมา
ด้วยการสนับสนุนจากแม่ของเขา เขาก็ยิ่งมีความกล้ามากขึ้นและ้าที่พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมา
“ท่านพ่อ ท่านอย่าใส่ร้ายพี่หญิงอวิ๋นซีเลยได้หรือไม่?”
“พี่ใหญ่รังแกข้า แล้วก็เป็พี่หญิงอวิ๋นซีที่เป็คนช่วยข้าไว้ พี่หญิงอวิ๋นซียังส่งคนมาปกป้องท่านแม่กับข้าด้วยนะ”
“ท่านพ่อ ท่านอย่า...”
คำพูดของเสี่ยวอี้เอ๋อร์ทำให้อี้ไท่เฟยขุ่นเคือง จู่ๆ นางก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ทหาร ลากเด็กผู้นี้ออกไป ในห้องโถงเช่นนี้ จะปล่อยให้เด็กร้องไห้อยู่ได้อย่างไร? มันเหมาะสมหรือไร?”
ตอนนี้ อี๋เหนียงเจ็ดรีบเข้าไปอุ้มเสี่ยวอี้เอ๋อร์ออกมาและขอร้องด้วยความกลัว “ไท่เฟย โปรดใจเย็นก่อนนะเพคะ เด็กน้อยไม่รู้เื่ราว หม่อมฉันจะปิดปากเขาไม่ให้เขาส่งเสียงออกมาเองเพคะ หม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาอีก!”
อี๋เหนียงเจ็ดที่พูดและกอดเสี่ยวอี้เอ๋อร์ไว้ มือหนึ่งก็ปิดปากของเขาไว้แน่น ท่าทางหวาดกลัวและน่าอายของนางเช่นนั้น ช่างน่าสมเพชและน่าขำสิ้นดี
สำหรับสตรีที่อ่อนแอแบบนี้ อี้ไท่เฟยรู้สึกดูถูกเหยียดหยามถึงก้นบึ้งของหัวใจ นางมองไปอย่างเ็า โบกมือให้คนรับใช้ และเมินเฉย
หานอวิ๋นซีมองไป เดิมทีคิดว่าเสี่ยวอี้เอ๋อร์อาจสามารถช่วยนางได้ อย่างไรก็ตามหานฉงอันก็รักอี้เอ๋อร์มากที่สุดและมองเขาในแง่ดีมากที่สุด
แต่ตอนนี้ เมื่อมองดูท่าทางที่น่าสงสารของอี๋เหนียงเจ็ดแล้ว นางคงสิ้นหวังจริงๆ!
แต่!
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากเสี่ยวอี้เอ๋อร์ปิดปาก อี๋เหนียงเจ็ดก็พูดขึ้นมาว่า “นายท่าน อี้เอ๋อร์และข้าเชื่อว่าท่านไม่ได้ถูกบังคับ”
เสียงพูดอู้อี้และเบาเป็อย่างมาก แฝงไปด้วยความหวาดกลัวและความอ่อนแอ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันเผยให้เห็นถึงพลังที่หนักแน่นผิดปกติ ซึ่งน่าเหลือเชื่ออย่างมาก ให้ความรู้สึกว่ามันเป็อย่างที่อี๋เหนียงเจ็ดพูด แต่ก็ดูเหมือนไม่ใช่เช่นกัน
หานอวิ๋นซีมองด้วยความประหลาดใจ จากที่นางรู้จักอี๋เหนียงเจ็ด นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอี๋เหนียงเจ็ดจะพูดสิ่งนี้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ออกมา!
และฝูงชนเองก็ดูใเช่นกัน พูดได้ว่าคำพูดของอี๋เหนียงเจ็ด ทำให้ทุกคนไม่สบายใจโดยไม่มีเหตุผล
แม้แต่อี้ไท่เฟยก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “พอได้แล้ว! หานฉงอัน ตอบคำถามของข้ามาเดี๋ยวนี้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หานฉงอันละสายตาจากอี๋เหนียงเจ็ดสองแม่ลูก และมองไปทางฝั่งอี้ไท่เฟยอีกครั้ง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และไม่ลังเลอีกต่อไป “ทูลไท่เฟย กระหม่อม...”
