เห็นคนรับใช้ไปกันหมดแล้ว ซูจิ้งเซียงจึงเปิดฉากกล่าว “ยาปลุกกำหนัดนี้เป็ข้าวาง ั้แ่เด็กข้าก็ถูกมอบให้แม่ใหญ่เลี้ยงดู มองดูผิวเผินแม่ใหญ่ปฏิบัติต่อข้ากับน้องสี่ดุจเดียวกัน แต่ความจริง...”
“เ้านังสารเลว! ข้าจะฆ่าเ้า!” ไม่รอให้ซูจิ้งเซียงพูดจบ จู่ๆ เสียงแหลมของนางแซ่หลี่ก็ดังมา
ซูเฟยซื่อหันศีรษะไป เพียงเห็นใบหน้าแดงเรื่อของนางยังไม่จางหาย น่าจะเพิ่งได้สติก็แล่นมาที่นี่
ก็ใช่ ใครบ้างที่เจอเื่แบบนี้ไม่คิดแก้แค้น เมื่อนางทำร้ายซูจิ้งเซียงจนสูญเสียความบริสุทธิ์ในวันนั้นก็ควรคิดได้ว่าต้องมีวันนี้แล้ว
มองสองคนนี้รับผลกรรมตอบสนอง ต่างวางแผนเล่นงานซึ่งกันและกัน ช่างสะใจจริงๆ
เดิมทีซูจิ้งเซียงก็ไม่อาจระบายความหวาดกลัวสยดสยองในใจออกมาได้ ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางคับแค้นใจของนางแซ่หลี่ที่แทบจะฆ่าตนแล้ว กลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด “ข้าเป็นังสารเลว? ใครกันแน่ที่สารเลว? ข้าใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง ได้รับการปฏิบัติอย่างไรก็สนองคืนแบบนั้น แม่ใหญ่ จำได้ไหมว่าความบริสุทธิ์ของข้าเสียไปได้อย่างไร? กล้าพูดต่อหน้าท่านพ่อหรือไม่?”
ไม่คิดว่าซูจิ้งเซียงจะเปิดโปงความผิดของตนในเวลานี้ ร่างของนางแซ่หลี่สั่นเทิ้ม รีบวิ่งไปคุกเข่าลงตรงหน้าซูเต๋อเหยียน “นายท่าน ข้าสมรสเข้าจวนอัครมหาเสนาบดีเป็เวลานานขนาดนั้น สุขุมรอบคอบระมัดระวังมาตลอด ไม่กล้ามีความผิดพลาดใดๆ วันนี้ซูจิ้งเซียงไม่เพียงวางยา กระทั่งยังคิดเหยียดหยามใส่ร้ายข้า นายท่าน ท่านต้องให้ความเป็ธรรมแก่ข้านะเ้าคะ”
ซูเฟยซื่อหัวเราะเ็าในใจ นางแซ่หลี่ฉลาดกว่าซูจิ้งเซียงมากอย่างที่คิด
ภายใต้ความหวาดกลัวยังสามารถคิดหาวิธีที่ดีที่สุด สาดอุจจาระชามหนึ่งให้ซูจิ้งเซียงก่อน เช่นนี้ซูจิ้งเซียงพูดอะไรอีก ซูเต๋อเหยียนก็คงไม่เชื่อแล้ว
แต่น่าเสียดาย ในที่สุดนางแซ่หลี่ก็พลาดไปจุดหนึ่ง รังแกซูจิ้งเซียงได้ แต่นางไม่ใช่เป็คนที่ถูกรังแกได้
“ใส่ร้ายป้ายสีหรือ? แม่ใหญ่ ท่านลองคลำจิตสำนึกของตนดู ทำสิ่งที่ขัดต่อกฎ์ถึงขนาดนั้นแล้ว คืนนี้ท่านยังหลับลงอีกหรือ?” ซูจิ้งเซียงเต้นเร่าแทบจะไปตีนางแซ่หลี่เสียให้ได้
กลับถูกซูเต๋อเหยียนตบหน้าไปอย่างเหี้ยมโหดทันที “ลูกชั่ว เ้าคิดจะก่อความวุ่นวายไปถึงเมื่อไร กลัวว่าอายผู้คนไม่พอหรือ?”
ซูจิ้งเซียงกุมแก้มไว้อย่างไม่อยากจะเชื่อ สองตาแดงเรื่อคลอน้ำตา “ท่านพ่อ ความบริสุทธิ์ของลูกไม่เหลือแล้ว ท่านไม่ปวดใจแทนข้า แต่ยังกลับตีข้า ท่านยังเป็พ่อแท้ๆ ของข้าอีกหรือ”
“คิดแผนเล่นงานวางยา ละเมิดเบื้องสูง ข้าไม่มีบุตรสาวเช่นเ้า” ซูเต๋อเหยียนสะบัดศีรษะไป ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลังจากที่ซูจิ้งเซียงสูญเสียความบริสุทธิ์ทั้งยังเสียโฉมไปก่อนหน้านี้ เขาก็ได้ทอดทิ้งบุตรสาวคนนี้ไปแล้ว
ในความคิดของเขาแล้ว บุตรสาวก็เป็ส่วนที่ช่วยให้ตำแหน่งของเขามีเสถียรภาพ เป็ตัวหมากที่ทำให้ก้าวสู่ตำแหน่งสูง ทว่าหมากที่ไร้ประโยชน์ก็ไม่ควรเก็บไว้ข้างกาย
วาจานี้เสมือนดาบเหล็กที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของซูจิ้งเซียง
นางแซ่หลี่ไม่ดีต่อนาง นางก็ยังหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองว่าเพราะนางแซ่หลี่ไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของตน ทว่าซูเต๋อเหยียนซึ่งเป็พ่อแท้ๆ กลับทำแบบนี้ ดั่งคำโบราณว่าความรักในเครือญาตินับว่าอ่อนแอจืดจางเป็ที่สุด
“วางแผนวางยา ล่วงละเมิดเบื้องสูง ท่านว่าไม่มีบุตรสาวเช่นข้า แต่นายหญิงข้างกายท่านก็เป็เช่นนั้น? ท่านรู้ไหมว่าคืนนั้นในพระตำหนักของพี่ใหญ่เป็ยาพิษชนิดใดที่ทำให้หลิวมามาตาย เป็ยาเบื่อหนูที่แม่ใหญ่ให้ข้า เดิมตั้งใจจะวางยาพิษน้องสาม แต่ไม่คิดว่าขนมนั่นจับพลัดจับผลูถูกหลิวมามากิน ภายหลังแม่ใหญ่ไม่เพียงไม่ได้ลงโทษข้า ทว่ายังใช้ให้ข้าไปที่ตำหนักเย็น เพราะแม่ใหญ่ก็ได้เตรียมยาคิดจัดการน้องสามไว้แต่เนิ่นๆ เพียงแต่น้องสามโชคดีจึงเอาตัวรอดมาได้ แต่ข้าล่ะ ความบริสุทธิ์ของข้าไม่เหลือ แล้ว แม่ใหญ่ยังส่งหิมะทำลายโฉมมา คิดทำให้โฉมหน้าข้าไม่สามารถหายดีไปตลอดกาล ที่ข้าทำในวันนี้เพียงคืนเศษเสี้ยวแก่นางเท่านั้น” ในเมื่อไม่มีอะไรต้องเสีย แล้วเหตุใดซูจิ้งเซียงจะไม่กล้าพูดเล่า
“ที่แท้ทั้งหมดเป็แม่ใหญ่ที่จัดเตรียม ไม่น่าแปลกใจที่คืนนั้นพอข้าะโว่าเกิดเหตุท่านก็มาถึง ขณะที่อยู่ตำหนักเย็นท่านเห็นข้าไม่เป็อะไร ก็ใแกมประหลาดใจไปทั่วหน้า ที่แท้เฟยซื่อทำอะไรผิดต่อท่าน จึงต้องลงมืออำมหิตแบบนี้?” ซูเฟยซื่อแกล้งทำเป็สะดุ้งใ ปิดหน้าร้องไห้
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของซูจิ้งเซียง ถ้ามีเพียงวาจาด้านเดียวนี้ ซูเต๋อเหยียนย่อมต้องไม่เชื่อ ทว่าเมื่อประกอบกับมุมมองของนาง หากซูเต๋อเหยียนจะไม่สงสัยก็คงไม่ได้
ตามที่คาดหลังจากฟังความจบ ใบหน้าของซูเต๋อเหยียนพลันกลายเป็ดำคล้ำ เตะนางแซ่หลี่ที่คุกเข่าอยู่ออกไปทันที “ข้าได้มอบจวนอัครมหาเสนาบดีและบุตรทั้งชายหญิงให้เ้าดูแลจนกลายเป็แบบนี้หรือ? แม้เฟยซื่อจะไม่ใช่บุตรสาวของเ้า แต่นางยังเป็ลูกแท้ๆ ของข้า เวลาที่เ้าลงมืออย่างอำมหิตต่อนางเคยคิดถึงข้าบ้างไหม?”
แซ่หลี่ถูกเตะจนเกือบกระอักเืคำหนึ่ง แต่ยังรีบคลานไปโขกศีรษะตรงหน้าซูเต๋อเหยียนสุดชีวิต “นายท่าน วาจาของเซียงเอ๋อร์ท่านเชื่อได้อย่างไร? ต้องเป็เพราะในวันที่โหยวเอ๋อร์ให้เราค้างแรมในพระตำหนัก ทำให้เซียงเอ๋อร์เกิดเหตุเื่นั้นโดยไม่คาดฝัน จึงมีความแค้นในใจต่อข้า เื่เหล่านี้ล้วนเป็การใส่ร้าย ข้าดูแลจัดการจวนอัครมหาเสนาบดีจนเป็อย่างไร หรือในใจท่านไม่ได้ประเมินหรือ? ข้าจงรักภักดีต่อท่านนัก”
ทั้งนี้เพราะเป็สามีภรรยามาหลายปี ซูเต๋อเหยียนย่อมต้องหวั่นไหว แต่ซูเฟยซื่อยังอยู่ เขาต้องมีคำอธิบายให้ซูเฟยซื่อ “ก็แม้ว่า เซียงเอ๋อร์มีใจแค้นเคืองเกลียดชังเ้า เหยียดหยามลบหลู่เ้า ถ้าเช่นนั้นแล้วเฟยซื่อเล่า? ถ้าข้าจำไม่ผิด วันนั้นในพิธีชุมนุมแข่งม้าเป็เฟยซื่อที่ช่วยเถียนเอ๋อร์”
นางแซ่หลี่ถึงกับตะลึงงันไป ทว่าก็ตอบสนองอีกฝ่ายทันที “หลิวมามาเกิดเหตุขณะอยู่ในตำหนักเสียนโหย่ว ข้าเป็แม่แท้ๆ ของโหยวเอ๋อร์ เกิดเื่ต้องออกรับอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนเื่ตำหนักเย็น เพราะตอนนี้ตำแหน่งวังหลังว่างเปล่า หากมีคนร้องเรียก โหยวเอ๋อร์ที่เป็ถึงพระสนมจะไม่ตามไปแก้ไขได้หรือ?”
คำพูดนี้ล้วนสมด้วยเหตุผล ทั้งยังเตือนซูเต๋อเหยียนทางอ้อมว่าตนเป็แม่แท้ๆ ของซูจิ้งโหยวผู้เป็พระสนมที่มีสิทธิ์จะได้ตำแหน่งฮองเฮามากที่สุด
“แม่ใหญ่พูดเหลวไหลอะไร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ท่านที่คิดวางแผน” ระดับสติปัญญาของซูจิ้งเซียงเทียบไม่ได้กับนางแซ่หลี่ สำหรับซูเต๋อเหยียนหากยังไร้ซึ่งหลักฐาน ทุกคำพูดก็เป็เพียงลมปาก
เห็นนางเถียงแบบนี้ ซูเต๋อเหยียนยิ่งอดไม่ได้ที่จะไม่พอใจมากขึ้น “พอแล้ว”
“ท่านพ่อ!” ซูจิ้งเซียงไม่ยอม
ซูเต๋อเหยียนกลับถลึงตาจ้องนางอย่างเหี้ยมโหด “เ้ายังคิดพูดอะไร? จับคนพร้อมของกลาง จับชู้คาเตียง เ้าเอาหลักฐานออกมาได้ไหม?”
“ข้า...” พลันซูจิ้งเซียงไม่อาจพูดอะไรได้ แซ่หลี่กับซูจิ้งโหยวต่างก็ไม่เคยยึดถือนางเป็คนของตนเองมาก่อน การจะปล่อยให้หลักฐานตกมาอยู่ในมือของนาง นั่นคงไม่อาจเป็ไปได้
“สิ่งที่เ้าพูดล้วนไม่มีหลักฐาน แต่ตอนนี้เ้าคิดแผนวางยาพิษแม่ใหญ่กลับมีหลักฐานแน่ชัด ั้แ่วันนี้เป็ต้นไปข้าซูเต๋อเหยียนไม่มีบุตรสาวอย่างเ้า ไสหัวไปซะ” ซูเต๋อเหยียนกล่าวอย่างเ็า
ซูจิ้งเซียงเติบโตในจวนอัครมหาเสนาบดี นอกจากเล่นดนตรีเดินหมากรุกเขียนหนังสือวาดภาพ อย่างอื่นอะไรก็ไม่เป็ ไปจากจวนอัครมหาเสนาบดีแล้ว นางจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินวาจานี้ นางก็ใ รีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางซูเฟยซื่อ!
ทว่าท่าทางของนาง กลับดึงดูสายตาของซูเต๋อเหยียนและนางแซ่หลี่ให้มองตาม
เมื่อนางแซ่หลี่มองซูเฟยซื่อตรงๆ ก็แค้นแทบจะฉีกทึ้งร่างอีกฝ่ายเสียให้ได้
ซูจิ้งเซียงนังสารเลวคนนี้เชื่อฟังนางแซ่หลี่เสมอมา แม้จะไม่พอใจ ก็ใช่ว่านางจะแสดงท่าทีกระด้างกระเดื่องเช่นตอนนี้ หากไม่ใช่ซูเฟยซื่อสอนสั่ง ก็เกรงว่าคงไม่มีใครอื่นอีก