ในเวลาห้าวัน ถึงแม้ซ่งหยวนหยวนจะจัดการงานต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ในทุกๆ คืนนางก็จะหาเวลากลับมาที่ตำหนักเมฆาเพลิง แล้วใช้พลังจิตในการตรวจสอบความก้าวหน้าของิอวี่และเิหยูเยียน
ดังนั้น ถึงแม้ซ่งหยวนหยวนจะไม่รู้ว่าิอวี่กับเิหยูเยียนนั้นมีปัญหากัน แต่ก็รู้ถึงความก้าวหน้าของพวกเขาสองคนเป็อย่างดี
นางพอใจกับการฝึกะเิเพลิงของเิหยูเยียนอย่างมาก ส่วนของิอวี่นั้นนางรู้สึกตกตะลึงมากกว่า
ใน่สามวันสุดท้าย ิอวี่กินยาจูหยวนไปหนึ่งพันห้าร้อยเม็ด การดูดพลังงานแบบนี้มันแข็งแกร่งมาก ซ่งหยวนหยวนเลยเดาได้ว่า พลังงานจากจูหยวนตันน่าจะไปรวมตัวกันอยู่ที่หัวใจของิอวี่ เพื่อเอาไว้ฝึกร่างกายนักรบของเขา
สรุปแล้วก็คือ ไม่ว่าจะเป็ิอวี่หรือว่าเิหยูเยียน ซ่งหยวนหยวนก็พอใจอย่างมาก ครั้งนี้จะชิงไข่ัทะเลทรายมาได้หรือไม่นั่นเป็เื่รอง กลับกัน ขอแค่ไม่มีเื่อะไรในสนามรบร้างโบราณ และทั้งสองคนสามารถพัฒนาต่อไปได้ นั่นถึงสำคัญที่สุด
“นี่หยกของพวกเ้า เก็บให้ดี มันเป็ของรักษาชีวิตของพวกเ้า”
ระหว่างที่พูด ซ่งหยวนหยวนก็สะบัดมือ แล้วหยกสีขาวสองชิ้นก็ลอยไปอยู่ในมือของิอวี่กับเิหยูเยียน หยกชนิดนี้เป็หยกเนื้อดี มีแสงระยิบระยับ ซึ่ง้านั้นมีลายเส้นอักขระอยู่ด้วย
ขอแค่บีบกลไก้า ภายในสิบวินาทีหยกก็จะทำงาน โดยมิติจะฉีกตัวออก แล้วผู้ใช้งานก็สามารถทะลุมิตินั้นกลับมาได้
พวกิอวี่พยักหน้า และเก็บของสำคัญนี้เอาไว้ในถุงเก็บของ
“ภารกิจในครั้งนี้ ผู้าุโใหญ่ทั้งหมดสามสิบคนของสามสายล่างได้คัดเลือกศิษย์รายละสองคนมาร่วมภารกิจ นั่นก็หมายความว่า จะมีศิษย์ชั้นยอดเข้าร่วมภารกิจนี้ทั้งหมดหกสิบคน ซึ่งแน่นอนว่า เงื่อนไขก็คือผู้าุโใหญ่สามารถเลือกได้เพียงศิษย์ที่เพิ่งรับเข้ามาในรุ่นของปีนี้เท่านั้น”
ระหว่างที่พูด ซ่งหยวนหวนก็เดินขึ้นไปอยู่บนหลังของเ้าวิหคเพลิง “มันถือเป็กิจกรรมที่ใหญ่มากของสามสายล่าง เ้าทั้งสองเพิ่งเข้ามายังสำนักเทพอัคคีก็ได้รับสวัสดิการอย่างนี้แล้ว ถือเป็วาสนาของพวกเ้า”
ิอวี่ขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะเป็วาสนาหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยเขาก็สามารถเข้าไปหลบภัยจากการจ้องเล่นงานของฟางหลิงจวินในสนามรบร้างโบราณได้
“เอาล่ะ ขึ้นขี่อสูรสัตว์ปีกของพวกเ้าได้แล้ว และตามข้ามา พวกเ้าต้องพาอสูรสัตว์ปีกของตนเองเข้าไปด้วย” ซ่งหยวนหยวนส่งสัญญาณให้กับศิษย์ทั้งสองคน จากนั้นก็สั่งให้เ้าวิหคเพลิงออกจากตำหนักเมฆาเพลิงบินไปทางทิศตะวันตก
สนามรบร้างโบราณนั้นอยู่ไกลมาก ดูไร้ขอบเขต มีทะเลทรายจำนวนมาก มีร่องรอยซากปรักหักพังอารยธรรมของมนุษย์หลงเหลืออยู่ ระหว่างทางจะมีฝุ่นทรายซัดเข้าหา หากเดินทางโดยไม่ได้ใช้อสูรสัตว์ปีก ผู้กล้าอาจจะเดินได้อย่างยากลำบาก
ถึงแม้ซ่งหยวนหยวนจะไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่ิอวี่กับเิหยูเยียนก็ฉลาดพอ หลังจากใช้ความคิดแล้วพวกเขาก็ไม่ได้รอช้า สั่งให้อสูรสัตว์ปีกบินตามซ่งหยวนหยวนไปทางทิศตะวันตกทันที
สนามรบร้างโบราณเป็สถานที่ประหลาด ทางเข้ามันอยู่ทีู่เาไฟลูกหนึ่งนอกบริเวณสำนักเทพอัคคีออกไปอีกประมาณห้าร้อยลี้
ขอแค่ข้ามเขตแดนูเาไฟไป ก็สามารถเข้าไปในสนามรบร้างโบราณได้แล้ว!
ซ่งหยวนหยวนพาพวกิอวี่บินมาระยะหนึ่ง แสงแดดที่ส่องผ่านเมฆเริ่มถูกก้อนเมฆบดบัง เส้นแสงเริ่มมืดลงเรื่อยๆ
ไม่นานนัก ิอวี่ก็เริ่มเห็นสีแดงเพลิงตรงสุดทางด้านหน้า
พอเข้าใกล้อีกหน่อยเขาก็พบว่ามีหินหนืดปะทุขึ้นมาจากกลางูเาไฟ มันไหลออกมาจากทุกทิศทางและปกคลุมไปทั่วูเา
หินหนืดนั้นไหลไปทั่วูเาไฟจนเกิดเสียงเดือดดังขึ้นเป็ครั้งคราว และทำให้แร่หินที่แข็งแกร่งนั้นละลาย!
“เส้นขอบแดนสนามรบร้างโบราณนั่น ตั้งอยู่ในูเาไฟหรือ?”
ิอวี่เหลือบมองไปด้านล่าง ในใจก็อดตะลึงไม่ได้
ซ่งหยวนหยวนเร่งเดินทางมุ่งไปข้างหน้า ิอวี่เองก็ขี่เ้าวิหคัปีกมืดตามไป ไม่นานก็มาถึงลานตรงเชิงเขาที่เต็มไปด้วยหินหนืดแห่งหนึ่ง
ตรงนี้ มีอีกหลายคนมารออยู่แล้ว
พูดให้ชัดเจนอีกหน่อยก็คือ ผู้เฒ่าอูกับฟางหลิงจวิน ผู้าุโใหญ่อีกแปดคน แล้วก็ศิษย์ชั้นยอดกลุ่มหนึ่งที่เป็คนของสายเลี่ยนเหยียน
“สายของเราครบแล้วใช่ไหม?”
ซ่งหยวนหยวนะโลงมาจากหลังวิหคเพลิงแล้วเอ่ยปากถามผู้เฒ่าอู
ผู้เฒ่าอูขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเข้มว่า “คนของเรามากันเกือบครบแล้ว ขาดแค่ซูเยวี่ยคนเดียว”
“แล้วซูเยวี่ยไปไหนล่ะ?” ซ่งหยวนหยวนเหมือนจะงงๆ ในเวลาสำคัญแบบนี้ นางกลับไม่มาส่งลูกศิษย์ของตนเองหรือ
ผู้เฒ่าอูพูดว่า “ศิษย์ของนางบอกว่า เก็บตัวฝึกวิชาน่ะ”
ศิษย์ชั้นยอดของซูเยวี่ยคนหนึ่งเดินออกมา แล้วอธิบายเพิ่มเติมว่า “เมื่อหลายวันก่อนท่านอาจารย์เหมือนจะเข้าถึงอะไรบางอย่าง เลยเลือกที่จะเก็บตัวฝึก ก่อนหน้านี้ท่านได้สั่งและมอบหมายภารกิจนี้กับพวกเราแล้ว ให้พวกเราตั้งใจทำภารกิจอย่างเต็มที่ขอรับ”
“ก็ได้”
การที่ผู้กล้าเข้าถึงอะไรสักอย่างและเลือกที่จะฝึกมันเป็เื่ปกติมาก ซ่งหยวนหยวนเองก็แค่ถามตามมารยาทเท่านั้น แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียงและเปลี่ยนเื่ทันที “แต่ว่าทำไมถึงได้มีแต่คนของสายเลี่ยนเหยียนล่ะ อีกสองสายทำไมถึงยังไม่มา?”
ั้แ่เมื่อครู่ ซ่งหยวนหยวนก็เห็นแค่คนของสายเลี่ยนเหยียนที่มาถึงกันตรงเวลานัดหมาย แต่คนของสายจั่วเหยียนกับสายหรงเหยียนกลับยังไม่มาสักทีเลย
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ผู้เฒ่าอูนั้นขมวดคิ้วหนักมากเหมือนกัน แต่ก็พูดอย่างจนใจว่า “รออีกหน่อยเถอะ เพราะประตูสนามรบร้างโบราณเปิดไม่เกินสามนาที และต้องเว้นระยะไปอีกหนึ่งอาทิตย์ หากไม่รอพวกเขาแล้วเปิดเลยทันที ครั้งนี้พวกเขาเข้าไปไม่ได้แน่นอน”
ที่ผู้เฒ่าอูพูดนั้นไม่ผิดเลย เขตแดนสนามรบร้างโบราณมีเวลาเปิดที่ค่อนข้างจำกัด ต่อให้พวกเขาไม่อยากรอสายหรงเหยียนกับสายจั่วเหยียน ก็ไม่มีทางเปิดเขตแดนนี้ได้เองตามใจชอบ
ไม่อย่างนั้น ศิษย์ของอีกสองสายก็จะไม่สามารถเข้าไปในสนามรบร้างโบราณ ผู้าุโใหญ่ของพวกเขาก็จะต้องแตกหักกันอย่างแน่นอน
“ก็คงต้องเป็แบบนั้น รอเถอะ”
ซ่งหยวนหยวนมองขึ้นไปบนเมฆหมอกทางไปสำนักเทพอัคคี มือทั้งสองข้างของนางกำไว้แน่น
ไม่ใช่แค่ซ่งหยวนหยวน แม้แต่ิอวี่กับศิษย์ชั้นยอดคนอื่นก็เหมือนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
ในเวลานี้เอง ใครก็มองออกว่าคนของอีกสองสายนั้นกำลังอวดดี ตั้งใจทำให้สายเลี่ยนเหยียนเสียหน้า! ไม่อย่างนั้น ทำไมพวกเขาถึงมาสาย และยังมาสายกันยกกลุ่ม ทำแบบนี้มันบังเอิญเกินไปแล้ว
แต่ตอนนี้พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ จำเป็ต้องรออย่างเดียวเท่านั้น!
ิอวี่ถอนหายใจ ที่ผ่านมาเขารู้สึกว่าการต่อสู้ในสามสายล่างรุนแรงมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ความสัมพันธ์ของสามสายล่างจะดุเดือดเืพล่านมากขนาดนี้ ท้าทายอำนาจกันซึ่งหน้า เป็ปรปักษ์กันอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลย!
แต่ิอวี่ก็รู้ดีว่า มันเป็เื่ของผู้าุโใหญ่ทั้งสามสายล่าง
ซึ่งไม่ว่าจะเป็ผู้าุโใหญ่คนไหนก็ตาม ก็สามารถเล่นงานิอวี่จนเละไปโจ๊กได้เพียงแค่ดีดนิ้ว ดังนั้น ต่อให้เขาจะไม่พอใจ แต่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี
“อาจารย์ ท่านอย่าโมโหไปเลยนะ อีกไม่นานพวกเขาก็มากันแล้ว”
เห็นท่าทางของซ่งหยวนหยวนที่สีหน้าท่าทางแข็งกร้าว ิอวี่ก็เลยเข้าไปปลอบ หวังว่าซ่งหยวนหยวนจะไม่อารมณ์เสียไปนัก
หลังจากนั้น ทุกคนก็เริ่มยืนรออยู่ที่ตีนเขา
ผ่านไปห้านาที ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีใครมา รอบตัวนั้นเงียบสนิท
ผ่านไปสิบนาที สิบห้านาที ก็ยังไม่มีใครมา จนกระทั่งผ่านไปสามสิบนาที ฟ้ายังคงมืดครึ้ม แต่ก็ยังไม่มีใครมา
ทุกคนเริ่มรอจนหงุดหงิด ผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนเริ่มโมโห หากไม่ใช่เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับการฝึกของศิษย์ ซ่งหยวนหยวนคงะเิอารมณ์ออกมาแล้วแน่!
ก่อนหน้านี้นางอุตส่าห์ไปรับิอวี่กับเิหยูเยียนก่อนเวลานิดหน่อย ก็เพื่อให้มาถึงที่นี่ตรงเวลา มันเป็ระเบียบของสำนักเทพอัคคี ซ่งหยวนหยวนเองก็คิดว่าสามสายล่างทั้งหมดก็น่าจะเคารพกฎเกณฑ์นี้ด้วยเช่นกัน
ในความเป็จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ในแต่ละปีตอนที่ผู้บริหารระดับสูงจัดเตรียมให้ศิษย์ชั้นยอดของสามสายล่างเข้าไปฝึกยังสนามรบร้างโบราณ คนของสายจั่วเหยียนกับสายหรงเหยียนก็มาสาย แต่สายแค่ประมาณไม่เกินสิบห้านาทีก็มากันครบแล้ว
ที่จริงซ่งหยวนหยวนเองก็เตรียมใจมารอคนอีกสองสายอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากที่อำนาจของศิษย์ชั้นยอดของสายเลี่ยนเหยียนเริ่มถดถอยลง สายจั่วเหยียนกับสายหรงเหยียนกลับอวดดีมากขนาดนี้ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่มาอีก!
“ทำไมถึงเป็แบบนี้นะ”
แม้แต่ิอวี่เองก็ยังทนไม่ไหว
เิหยูเยียนเองก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน เป็ใครมาจากไหนกันนะ ถึงให้นางต้องมารอนานมากขนาดนี้?
แต่มันก็เป็อยู่แบบนี้ ทุกคนจำใจต้องรอ ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ รวมแล้วก็ประมาณสี่สิบห้านาที ... ในตอนที่ทุกคนเริ่มรู้สึกว่ารอไม่ไหว ที่ขอบฟ้าสีเทาๆ ก็เหมือนมีจุดดำๆ ปรากฏขึ้นมา
มากันสักที!
ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้ามา พลังที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของพวกเขานั้นน่ากลัวมาก มันรวมตัวกันอย่างมหาศาลและบ้าคลั่งมาก แต่ว่าไม่นานมันก็พุ่งลงมาด้านหน้าของพวกของิอวี่
“อือ!”
ทุกคนขี่อสูรสัตว์ปีกบินพุ่งลงมาบนพื้น ซัดลมใส่ตัวของคนสายเลี่ยนเหยียนทั้งหมด
ิอวี่จ้องมองไปที่คนพวกนั้น ไม่นานก็พบว่า ในบรรดาคนเ่าั้เหมือนจะมีกันสองกลุ่ม ลมปราณที่น่ากลัวมากด้านหน้าหลายคนนั้นน่าจะเป็ผู้าุโใหญ่ ส่วนด้านหลังก็เป็ศิษย์ชั้นยอดของพวกเขา
ลมปราณที่น่ากลัวของผู้าุโใหญ่ มันล้วนแต่มาจากเทวะทั้งห้าจุดในอวัยวะ คนที่มีขอบเขตอมฤตมากกว่าขั้นที่ห้า เื่นี้ิอวี่ไม่ได้แปลกใจเท่าไร
แต่การปล่อยพลังออกมาจากผู้าุโใหญ่อย่างบ้าคลั่งแบบนี้ เขาก็ยังรู้สึกว่ามันสะดุดตาเกินไปหน่อย!
ส่วนคนอีกสิบสองคน ความสามารถของแต่ละคน อย่างน้อยก็เป็ขอบเขตอมฤตขั้นที่สองระดับสูงสุด!
ในบรรดาสิบสองคนนี้ ิอวี่พบว่ามีห้าคนที่มีเทวะสามจุด นั่นก็หมายความว่าทั้งห้าคนนี้นั้นมีขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม!
คนที่ดูเป็ผู้นำ สวมชุดสีขาวเงิน ร่างกายกำยำล่ำสัน ผิวของเขาเป็สีน้ำตาล ถึงแม้จะไม่ได้หน้าตาดีอะไรมาก แต่ดวงตาของเขาก็เป็ประกาย ทำให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกว่าสุขุมหนักแน่นคมคาย!
ิอวี่ััได้อย่างชัดเจนว่า ความสามารถของแต่ละคนนั้นน่าจะมีขอบเขตอมฤตขั้นที่สามในระดับสูงที่สุด หรือก็คือขอบเขตอมฤตขั้นที่สามระดับสูงสุด!
ในบรรดาศิษย์ชั้นยอดของสายเลี่ยนเหยียน มีบางคนที่จำชายคนนั้นได้ ถูกต้อง เขาคือเด็กใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามสายล่างของปีนี้ เป็คนของสายหรงเหยียน โอวหยางเต้าอวี่!
เขาเข้าสายหรงเหยียนมาั้แ่เมื่อครึ่งปีก่อน มีความสามารถขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง ผ่านมาครึ่งปี เขาะโไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่สามระดับสูงสุด!
ถึงแม้ใครหลายคนจะไม่เคยได้เห็นหน้าของโอวหยางเต้าอวี่มาก่อน แต่หลังจากที่ััได้ถึงลมปราณขอบเขตอมฤตขั้นที่สามระดับสูงสุดของโอวหยางเต้าอวี่แล้วก็จำได้ทันที
แล้วคนของสายหรงเหยียนที่อยู่ทางด้านซ้ายของโอวหยางเต้าอวี่ ก็เป็ที่สะดุดตาเช่นกัน
เป็ชายหนุ่มคนหนึ่ง มีชื่อว่าซูอี้หราน เขาเป็คนหน้าตาดีมาก ดวงตาของเขาดูทรงพลัง ริมฝีปากบาง แต่ยิ้มดูร้ายอย่างมีเลศนัย ซึ่งทำให้สาวๆ หลายคนใจบางไปในทันที เขามีพลังฝีมือขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม มีท่าทางที่สง่างามมาก!
ถึงแม้จะมีผิวที่ขาว แต่ดวงตาของเขา ... มันดูคล้ายกับโอวหยางเต้าอวี่มาก
ทุกอย่างนั้นเป็เพราะ ซูอี้หรานนั้นเป็น้องชายต่างแม่ของโอวหยางเต้าอวี่นั่นเอง
แซ่เดิมของซูอี้หรานนั้นคือ “โอวหยาง” แต่เพราะเป็ลูกอนุ จึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน หลังจากแม่กับพ่อของเขาแยกทางกัน ซูอี้หรานจึงได้เปลี่ยนมาใช้แซ่ของแม่แทน
ทั้งคู่อายุห่างกันแค่ครึ่งขวบเท่านั้น จึงถูกเอามาเปรียบเทียบกันมาทั้งแต่เล็ก โอวหยางเต้าอวี่ในฐานะพี่ชายมีพร์โดดเด่นมากมาั้แ่เกิดไม่ว่าด้านไหน ถึงแม้ซูอี้หรานจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่ชายตัวเอง แต่ในใจของเขาก็แอบไม่ยอมรับ ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมาเขาจะโดดเด่นน้อยกว่าโอวหยางเต้าอวี่ แต่ก็ยังแอบไล่ตามอยู่เงียบๆ
ดังนั้น เมื่อทั้งคู่มาที่สำนักเทพอัคคี ซูอี้หรานจึงเลือกสอบเข้าคนละสายกับโอวหยางเต้าอวี่เพื่อแข่งกันให้รู้ไปเลย
นิสัยของซูอี้หรานนั้นอวดดี โอหัง แต่เขามีพร์สูงมาก พูดได้เลยว่ามันสูงจนกลบข้อเสียที่เขามีไปจนหมด
โอวหยางเต้าอวี่เองก็จนใจ นิสัยเอาแต่ใจอวดดีของน้องชายนั้น เขาในฐานะพี่ชายก็ยอมมาตลอด และคอยปกป้องน้องชายอย่างซูอี้หรานด้วย
ซูอี้หรานกวาดสายตาไปในบรรดาศิษย์ของสายเลี่ยนเหยียนทุกคน ไม่นานก็ไปสะดุดตากับคนที่สวมชุดกระโปรงแดง ซึ่งก็คือเิหยูเยียนที่ยืนอยู่บนกระเรียนขาว ในสายตาของเขามีแสงเปล่งประกายขึ้นมาทันที
เิหยูเยียนััถึงสายตาที่จับจ้องมาของซูอี้หรานก็เลยหันไปมอง และสายตาของทั้งสองก็สบตาเข้าหากันพอดี
เิหยูเยียนตะลึงไป นางััได้ถึงลมปราณที่แข็งแกร่งของซูอี้หราน มันเป็ลมปราณที่นางไม่เคยมีมาก่อน! และซูอี้หรานเองนั้นก็มีหน้าตาที่หล่อเหลา จู่ๆ เขาใช้สายตาแบบนี้มองมาเลยทำให้เิหยูเยียนนั้นรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย
ความไม่พอใจก่อนหน้านี้มันหายไปกว่าครึ่ง เิหยูเยียนถูกความสง่างามของซูอี้หรานนั้นดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัว
