เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์แช่ตัวในทะเลสาบเย็นเฉียบก็ถอนหายใจด้วยความผ่อนคลาย หลังจากชำระร่างกายเรียบร้อยแล้วเธอจะออกจากที่นี่ แต่ใจยังอยากสืบเื่ชายหนุ่มสวมหน้ากากคนนั้น... พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด หญิงสาวก็อยากกัดลิ้นตายไปเสียตรงนี้ แต่เธอจะตายตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด เธอต้องได้เห็นหน้าชายหนุ่มคนนั้นก่อน หลงหว่านเอ๋อร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เวลานี้เย่เฟิงกำลังทรมานราวกับอยู่ในน้ำเดือด ชุดกระโปรงยาวสีขาวราวหิมะเลื่อนหลุดจากตัวหญิงสาวตามด้วยเสื้อสีชมพู หน้าอกอวบอิ่มและเรือนร่างขาวเนียน ทำให้เขาถึงกับตาพร่า ร่างกายร้อนผ่าว
ภาพตรงหน้าประจักษ์แก่สายตา เรือนร่างของเธองดงามและสมบูรณ์แบบ แต่หลงหว่านเอ๋อร์มักใส่ชุดกระโปรงตัวโคร่งทำให้เห็นเรือนร่างไม่ชัดเจน ทว่าหากเทียบกับนางแบบตามนิตยสารแล้วยังด้อยกว่าหญิงสาวเ่าั้
‘หากเธอสามารถฝึกวิถีเซียนบ่มเพาะพลังลมปราณเช่นการเปิดจุดชีพจรได้ล่ะก็ สิ่งสกปรกบนร่างกายก็จะถูกขับทิ้งจนหมด ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งและงดงามกว่าเดิม น่าเสียดาย...’ เย่เฟิงรำพึง เพียงแต่เขาไม่อยากเสี่ยงสอนการฝึกแบบวิถีเซียนให้เธอ
ยิ่งกว่านั้นผู้หญิงคนนี้ยังเป็ทายาทตระกูลหลงที่โลดแล่นในยุทธจักร กระทั่งครองตำแหน่งอันดับหนึ่ง ชายหนุ่มยังไม่วางใจ ถ้าตนสอนการฝึกแบบวิถีเซียนให้อีกฝ่ายแล้วถูกตระกูลหลงล่วงรู้เข้าจะทำอย่างไร จะให้ใครรู้ความลับสำคัญของเขาไม่ได้ เว้นแต่คนคนนั้นจะเป็คนที่เขารักและไว้ใจได้จริงๆ อย่างน้อยตอนนี้เย่เฟิงก็พูดได้เต็มปากว่าตนและหลงหว่านเอ๋อร์ยังเป็ปรปักษ์กัน...
เสียงน้ำดังมาไม่ขาดสาย ทำให้เย่เฟิงรู้สึกทรมานและยากจะหักห้ามใจ ตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่แม้แต่ลืมตาด้วยซ้ำ หากเห็นแล้วทำอะไรไม่ได้ สู้ไม่มองั้แ่แรกดีกว่า ดูเถิดว่าเขาแสนดีแค่ไหน ขนาดสาวสวยอาบน้ำตรงหน้า ยังไม่แม้แต่จะหันไปมอง
ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงขณะที่ตัวเองเพิ่งมายังโลกแห่งนี้แล้วถูกซูเมิ่งหานเข้าใจผิดว่าแอบดูเธออาบน้ำ ความจริงตอนนี้เขาสับสนเล็กน้อยเมื่อนึกถึงดาวโรงเรียนอย่างซูเมิ่งหาน
‘ดูท่าความรู้สึกของเ้าเด็กนี่จะส่งผลถึงตัวฉันเลยนะ...’ เย่เฟิงปลงตก
เขาเติบโตในโลกเทวะ จึงซึมซับความคิดที่ว่าผู้แข็งแกร่งสามารถมีสามภรรยาสี่อนุ ถึงเป็ผู้หญิงก็มีชายหนุ่มได้ตาม้าและไม่มีใครรู้สึกว่าเป็เื่แปลก
แต่ร่างที่เขาอยู่ได้รับการศึกษาจากโลกสมัยใหม่ที่นิยมเพียงภรรยาหรือสามีเดียวเท่านั้น จึงส่งผลต่อเย่เฟิงคนปัจจุบันจนทำให้เขารู้สึกผิดต่อซูเมิ่งหาน
ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะพูดอีกกี่ครั้งเขาก็ไม่สามารถทิ้งหลงหว่านเอ๋อร์ได้ เพราะเธอคือผู้หญิงคนแรกของเขาทั้งก่อนและหลังเกิดใหม่บนโลกนี้ ยิ่งกว่านั้นหลงหว่านเอ๋อร์คือร่างชีพจรเซียน...
แม้เสียงน้ำเงียบลง เย่เฟิงก็ยังไม่ลืมตาจนกระทั่งได้ยินเสียงใส่เสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ ดูเหมือนหลงหว่านเอ๋อร์จะแต่งตัวเสร็จแล้ว
เพียงครู่เดียวเย่เฟิงก็ได้ยินเสียงฉีกกระดาษ! ชายหนุ่มใจหายวาบก่อนรีบเงยหน้ามอง หลงหว่านเอ๋อร์แต่งกายเรียบร้อยแล้ว เธอฉีกแผนที่สุสานโบราณเป็ชิ้นๆ ด้วยสีหน้าหม่นหมองแล้วโยนทิ้งกระจัดกระจาย ดูคล้ายหิมะปกคลุมพื้นดิน
“ฉันไม่ไปตามทางของนายหรอกนะ” เธอพูดอย่างโกรธเคือง
ทะเลสาบแห่งนี้เชื่อมกับแหล่งน้ำด้านนอก ดังนั้นเธอสามารถออกไปผ่านเส้นทางนี้โดยไม่ต้องพึ่งแผนที่สุสานโบราณ!
เย่เฟิงเพียงมองสายตาเธอก็รู้ความคิดอีกฝ่ายทันที แต่เส้นทางนี้คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักแม้แต่นักล่าหลุมศพอย่างจูไป่เหนี่ยวก็ยังไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน! หากมันไกลเกินไปจนกลั้นหายใจไม่ไหวจะทำอย่างไร? ชายหนุ่มกังวลมาก แต่เธอคงไม่เลือกทางที่เสี่ยงตายเช่นนี้หรอก!
ทว่าวินาทีถัดมา หลงหว่านเอ๋อร์ก็สูดลมหายใจลึกแล้วะโลงทะเลสาบก่อนร่างอรชรจะลับตาไป!
“เฮ้ย ยัยบ้า!” เย่เฟิงสบถเสียงดังแล้ววิ่งออกจากที่ซ่อนจากนั้นไล่ตามเธอไปอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเองชายหนุ่มหันไปเห็นภาพวาดอันคุ้นเคยบนผนัง ใจเขาสั่นระรัวราวเสียงกลองจนต้องชะงักเท้า
รูปดาวเจ็ดแฉกอันเป็เอกลักษณ์ปรากฏอยู่ตรงหน้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าถูกสลักได้ไม่นาน
“สัญลักษณ์ของสำนักสุสานดวงดาว ต้องเป็ท่านอาจารย์ไม่ผิดแน่!” เย่เฟิงดีใจจนแทบบ้า!
สำนักสุสานดวงดาวเป็สำนักที่เขาและซูเฟยหยิ่งเคยสังกัด แต่มันล่มสลายไปนานแล้ว ทั้งสำนักมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น ซูเฟยหยิ่งเริ่มสอนเขาวาดสัญลักษณ์ของสำนักั้แ่เด็ก
ดาวเจ็ดแฉกไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป หากซูเฟยหยิ่งไม่เคยมาที่นี่ก็จะบังเอิญเกินไป
ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ยังอยู่ในนี้หรือเปล่า?
ขณะเย่เฟิงขบคิดอย่างร้อนใจก็รู้สึกถึงแรงสั่นะเืของพื้นและกำแพง
“ภาพมายางั้นเหรอ?” เย่เฟิงเงยหน้ามองก่อนจะตกตะลึง “แย่แล้ว สุสานกำลังจะถล่ม!”
โครม!
หินก้อนใหญ่ตกบนพื้นสุสานอย่างแรง เศษหินและดินจตกใส่ศีรษะของเย่เฟิง พื้นที่ทั้งหมดสั่นะเืแรงขึ้น
“อย่าบอกนะว่า....” เย่เฟิงรีบวิ่งไปที่ทะเลสาบใต้ดินก่อนมองก้นทะเลสาบ เป็อย่างที่คาด!
หลงหว่านเอ๋อร์หยิบไข่มุกราตรีที่ก้นทะเลสาบแล้วรีบว่ายน้ำตรงไปยังทางที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก
หากนำไข่มุกราตรีออกไป สุสานโบราณทั้งหมดจะพังทลาย!
จูไป่เหนี่ยวรู้เื่นี้ดีจึงไม่หยิบมันออกไป ไม่เช่นนั้นแสงล้ำค่าของไข่มุกเม็ดนี้คงหายไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตามหลงหว่านเอ๋อร์ไม่คิดจะสนใจและไม่กลัวแม้แต่น้อย เธอหยิบไข่มุกราตรีออกไปเพื่อใช้แสงนำทางใต้ทะเลสาบที่มืดมิดแห่งนี้ ในใจอาจคิดว่าหากสุสานแห่งนี้ถล่มลง ชายสวมหน้ากากที่ยังไม่จากไปคงโดนหินทับตายอยู่ที่นี่ ถึงเธอจะแหวกว่ายอยู่ตรงก้นทะเลสาบก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีชีวิตรอดออกไป หรือต่อให้ตายเธอก็ไม่สนใจอีกต่อไป...
“เคล็ดวิชาเต่าัอุดลมปราณ!” เย่เฟิงไม่กล้าเสียเวลาอีก เขาใช้เคล็ดวิชาแล้วกลั้นหายใจลึก อากาศมหาศาลไหลผ่านแผ่นหลังเข้าสู่เส้นชีพจรเพื่อกักเก็บไว้!
แผ่นหลังของเย่เฟิงนูนขึ้นคล้ายกระดองเต่า ไม่เพียงแต่กักเก็บอากาศสำหรับใช้หายใจแต่รูปร่างเช่นนี้ยังช่วยเพิ่มความเร็วในการว่ายน้ำของเขาอีกด้วย
ระดับพลังลมปราณห้าปีของเขาเพียงพอที่จะใช้เคล็ดวิชานี้ อากาศที่เก็บไว้พอให้เขาอยู่ใต้น้ำได้นานถึงห้าชั่วโมง
นี่คือความน่ากลัวของเคล็ดวิชาเซียน ชายหนุ่มเชื่อว่าวรยุทธ์ของโลกนี้ต้องไม่อัศจรรย์เช่นนี้แน่
‘ตูม’ เสียงน้ำสาดกระเซ็นดังขึ้นเนื่องจากเย่เฟิงรีบะโลงน้ำ หลังจากไข่มุกราตรีถูกนำไป ทั้งผืนน้ำก็มืดสนิทอีกครั้ง ซ้ำหินจำนวนมากยังถล่มลงมา จนทั้งหมดของสุสานโบราณราชวงศ์ซางค่อยๆ พังทลายเร็วขึ้น
เย่เฟิงไม่มีเวลาคิดมากนัก เขารีบว่ายไปถึงก้นทะเลสาบก่อนจะเห็นทางเชื่อมดังคาด อีกทั้งเห็นร่างอรชรของหลงหว่านเอ๋อร์ถือไข่มุกราตรีไว้ในมือ เธอค่อยๆ แหวกว่ายไปไกลทำให้แสงจากไข่มุกราตรีเลือนรางลงเรื่อยๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้