เย่ชิงหานไม่ได้กลับไปพักผ่อนและไม่ได้ลงจากเขาไปยังจวนตระกูลเย่ แต่เดินอ้อมทะเลสาบอีกฟากหนึ่งผ่านูเาไปอีกลูกหนึ่งจนมาถึงที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง
ด้านหน้าที่โล่งกว้างแห่งนี้มีกำแพงสีขาวแถวหนึ่งตรงกลางมีประตูสีดำ ที่แห่งนี้คือสุสานบรรพชนของตระกูลเย่
“พวกเ้าทั้งสองคนเข้าไปเถอะข้าจะรออยู่ด้านนอกนี้!” เย่ชิงหนิวยื่นมือไปัับางจุดบนกำแพงเบาๆ กำแพงปรากฏแสงสีขาวสว่างขึ้นครั้งหนึ่งแล้วก็เลือนหายไป มันคือม่านพลังอย่างง่ายที่เย่รั่วสุ่ยสร้างขึ้นมาไว้ป้องกันคนที่คิดจะมาทำลายสุสานบรรพชน
“ขอบคุณท่านผู้าุโสูงสุด พวกข้าเข้าไปไหว้หลุมศพของท่านพ่อและท่านแม่เสร็จจะรีบกลับออกมาในทันที!” เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับจากนั้นจูงมือเย่ชิงอวี่เดินผ่านเข้าประตูไป
ภายในสุสานบรรพชนเต็มไปด้วยกองเนินดินและป้ายหลุมฝังศพ เย่ชิงอวี่เคยเข้ามาไหว้ก่อนแล้วดังนั้นจึงรู้จักเส้นทางเป็อย่างดีจึงได้เดินนำเย่ชิงหานไปยังป้ายหลุมศพขนาดใหญ่ที่อยู่ทางด้านซ้ายสุด
“หลุมฝังศพของลูกหลานตระกูลเย่รุ่นที่สามสิบเจ็ดเย่เตาและภรรยาเยว่สุ่ยเอ๋อร์”
ตัวอักษรสีแดงสะดุดตาถูกสลักอยู่บนแผ่นป้ายศิลาสีดำ เย่ชิงหานยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพจากนั้นสองเข่าคุกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงแล้วทำการไหว้โขกศีรษะลงไป เย่ชิงอวี่เองก็ทำการไหว้โขกศีรษะตามเย่ชิงหานลงไปเช่นกัน
“ท่านพ่อท่านแม่ เย่ชิงหานลูกอกตัญญูของพวกท่านกลับมาแล้ว...หกปีแล้วที่ไม่ได้มาไหว้พวกท่านทั้งสอง พวกท่านคงจะต้องตำหนิข้าอย่างแน่นอน ชิงหานรับปากว่าต่อไปจะมาดูและมาอยู่เป็เพื่อนพวกท่านทั้งสองบ่อยๆ...” เย่ชิงหานมองดูตัวอักษรสีแดงที่อยู่บนป้ายหลุมศพ เขาคิดถึงรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยนของเย่เตาเมื่อตอนที่ตนเองยังเยาว์วัย รวมไปถึงแววตาที่รักและเอ็นดูของเยว่สุ่ยเอ๋อร์ ภายในใจอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกต่างๆ มากมายท่วมท้นประดังขึ้นมา หางตาพลันรู้สึกเปียกชุ่มขึ้นมาเล็กน้อย
เขาข้ามผ่านกาลเวลามา ชาติที่แล้วเป็เด็กกำพร้า ชาตินี้มีบิดาที่องอาจห้าวหาญเยี่ยงวีรบุรุษ มีมารดาที่ฉลาดปราดเปรื่องและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความรักความเมตตา แต่บิดากลับมาตายลงอย่างฉับพลัน มารดาก็เสียตามไปอีกคน ผู้เป็ลูกอยากจะตอบแทนพระคุณแต่บุพการีทั้งสองก็ไม่อยู่แล้ว ตอนนี้พลังฝีมือพัฒนาสูงล้ำขึ้นมามากและเนื่องจากเขาทำให้ชื่อเสียงของครอบครัวลูกคนรองภายในตระกูลเย่ฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นชื่อของเขาโด่งดังไปทั่วทวีปัเพลิง เพียงแต่...ในตอนที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังและประสบความสำเร็จกลับไม่สามารถแบ่งปันความสุขให้บิดามารดาร่วมยินดีด้วยได้ ไม่สามารถได้รับคำชื่นชมและสายตาที่ภาคภูมิใจของบิดามารดาที่มองมายังตนเอง มันทำให้เขารู้สึกเกิดความหดหู่ขึ้นมาเป็อย่างมาก...
“ท่านพี่ ไม่ต้องเสียใจเกินไป ท่านพี่ได้ทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของท่านแม่สำเร็จแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ที่อยู่บน์จะต้องภาคภูมิใจในตัวท่านพี่อย่างแน่นอน” เย่ชิงอวี่เห็นสีหน้าหดหู่ของเย่ชิงหานจึงได้พูดปลอบใจขึ้น
“ความปรารถนาครั้งสุดท้าย? ไม่...ยังไม่พอ! ข้าจะต้องพยายามให้มากกว่านี้ ในปีนั้นข้าได้ให้สัตย์สาบานต่อหน้าหลุมศพว่าจะใช้ทั้งชีวิตนี้พยายามนำป้ายิญญาของท่านทั้งสองไปตั้งไว้ภายในวิหาริญญาศักดิ์สิทธิ์ของนครแห่งเทพให้จงได้ เพื่อให้ผู้คนทั่วทั้งทวีปกราบไหว้ตลอดไป... ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านวางใจได้ข้าจะต้องทำสำเร็จให้จงได้อย่างแน่นอน!” เย่ชิงหานได้ยินคำพูดของเย่ชิงอวี่สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกับสายตาที่กลายเป็เด็ดเดี่ยวขึ้นมา
แปะๆๆ!
“มีปณิธาน ไม่เสียทีที่เกิดเป็ลูกหลานตระกูลเย่ ลูกหลานตระกูลเย่ควรจะต้องมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้!”
ในเวลานี้เอง ด้านหลังของเย่ชิงหานและน้องสาวพลันมีเสียงปรบมือดังขึ้นมาทำเอาทั้งสองคนสะดุ้งใขึ้นมา เมื่อหันกลับไปดูจึงพบว่าเป็ปรมาจารย์เย่รั่วสุ่ยที่เพิ่งเจอเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
“คำนับท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษ!” เย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่รีบลุกขึ้นยืนแล้วทำการโค้งคำนับลงพร้อมกับพูดขึ้น
“อืม...กตัญญูถือเป็ความดีอันดับหนึ่งที่มาก่อนความดีทั้งปวง เ้าหนูหานข้ามองเ้าไม่ผิดจริงๆ! ชิงอวี่เ้าออกไปก่อนข้ามีเื่จะพูดคุยกับพี่ชายของเ้าสักหน่อย!” เย่รั่วสุ่ยมองเย่ชิงหานด้วยความชื่นชม จากนั้นยิ้มมองไปทางเย่ชิงอวี่แล้วเอ่ยขึ้น
“อืม!” เย่ชิงอวี่พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วหมุนตัวจากไป
“เ้าหนูหาน เ้าเรียกสัตว์อสูรของเ้าออกมาให้ข้าดูหน่อย!” เย่รั่วสุ่ยโบกมือกางอาณาเขตพลังขึ้นมาแล้วจึงพูดต่อเย่ชิงหาน
“เสี่ยวเฮย? อืม...เรียกสัตว์อสูร! เสี่ยวเฮยออกมาเถอะ!” เย่ชิงหานขมวดคิ้วด้วยความสงสัยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงเริ่มเรียกเสี่ยวเฮยออกมา เงาสีดำเลือนรางสายหนึ่งปรากฏออกมาบริเวณหน้าอกของเย่ชิงหาน จากนั้นจึงค่อยๆ รวมตัวกันกลายอสูรตัวเล็กขึ้นมา
“จี๊ดๆ!”
เสี่ยวเฮยเมื่อออกมารีบะโเข้าไปภายในอ้อมอกของเย่ชิงหานในทันที ห้าปีผ่านไปแต่รูปร่างของเสี่ยวเฮยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมาก มีเพียงแต่เขาที่อยู่บนหัวเท่านั้นที่งอกยาวขึ้นมาอีกหน่อยประมาณหนึ่งนิ้วมือเห็นจะได้
เย่รั่วสุ่ยมองดูเสี่ยวเฮยอย่างพินิจพิจารณาด้วยความสนใจอยู่ชั่วครู่หนึ่งจึงได้พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ชิงหานเ้าลองเล่าเื่เหตุการณ์เมื่อตอนพิธีปลุกพลังทางสายเืและหลังจากนั้นที่เสี่ยวเฮยข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอ รวมไปถึงตอนที่เกิดวิชาต่อสู้ร่างอสูรขึ้นมาด้วย ทุกๆ เื่ที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเฮยเล่ามาให้ละเอียดทั้งหมด เพราะมัน...เป็เื่ที่สำคัญมาก”
“หืม?” เย่ชิงหานแม้จะสงสัยเป็อย่างมากว่าทำไมเย่รั่วสุ่ยถึงได้ถามอย่างละเอียดถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ว่าเขาเองก็มีอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ตัวหนึ่งเช่นกันมิใช่รึ? แต่ในเมื่อเขาถามด้วยสีหน้าจริงจังถึงเพียงนี้ เย่ชิงหานจึงได้คิดทบทวนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ตอนข้าอายุห้าปีและสิบปีล้วนล้มเหลวในการปลุกพลังทางสายเื ต่อมาตอนอายุสิบห้าปีก่อนที่ข้าจะเข้าร่วมพิธีปลุกพลังทางสายเืน้องสาวได้นำตำราแก่นแท้วรยุทธ์และแหวนิญญาสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์วงหนึ่งที่บิดาเหลือทิ้งไว้มามอบให้แก่ข้า...”
“ในตอนพิธีปลุกพลังทางสายเืหลังจากแหวนิญญาวงนี้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้แล้วจิติญญาของข้าก็ได้เข้าไปภายในหุบเขาแปลกประหลาดแห่งหนึ่ง ภายในนั้นมีอสูรศักดิ์สิทธิ์สี่ตัว มีอสูรคุณภาพระดับเจ็ดระดับแปดมากมาย และแน่นอนว่ามีเสี่ยวเฮยอยู่ด้วย... เมื่อตอนที่อยู่เทือกเขารกร้างเสี่ยวเฮยกลืนกินแก่นผลึกมารอสูราาหมาป่าเพลิงเข้าไป จากนั้นจึงข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอและได้รับความทรงจำทางสายเืที่มีวิชาต่อสู้ร่างอสูรเนตรสยบิญญามา จากนั้นเขาจึงส่งกระแสเสียงมาหาข้าบอกให้ข้า...”
“เดี๋ยวๆ! เขาสามารถส่งกระแสเสียงหาเ้าได้? เ้าสามารถพูดคุยกับเขาได้?”
เริ่มแรกที่ฟังสีหน้าของเย่รั่วสุ่ยยังคงราบเรียบปกติอยู่ แต่เมื่อฟังถึงพิธีปลุกพลังทางสายเืได้ยินว่าเสี่ยวเฮยเองก็อาศัยอยู่ภายในหุบเขานั้นด้วย คิ้วของเขาเริ่มขมวดขึ้นเล็กน้อย สุดท้ายเมื่อเขาได้ยินว่าเสี่ยวเฮยสามารถส่งกระแสเสียงให้เย่ชิงหานได้จึงอดทนฟังนิ่งๆ ไม่ได้อีกต่อไปรีบพูดแทรกเย่ชิงหานขึ้นมาในทันที แล้วถามขึ้นด้วยความตกตะลึง
“ถูกต้อง? เสี่ยวเฮยสามารถส่งกระแสเสียงพูดคุยกับข้าได้! เขาฉลาดมาก ทำไมรึ? ไม่ใช่ว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ล้วนสามารถส่งกระแสเสียงได้หรอกรึ?” เย่ชิงหานมองดูเย่รั่วสุ่ยที่มีสีหน้าตกตะลึงจึงได้เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เย่รั่วสุ่ยเองก็มีอสูรศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวอยู่ตัวหนึ่งเช่นกัน หรือว่าพยัคฆ์ขาวของเขาจะส่งกระแสเสียงพูดคุยกับเขาไม่ได้?
“อสูรศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวของข้าสามารถเข้าใจความคิดของข้าได้ แต่ว่า! มันไม่สามารถส่งกระแสเสียงได้... เ้าเล่าต่อไป เล่าอย่างละเอียดค่อยๆ คิด เล่าออกมาทุกเื่อย่าให้ตกหล่นแม้แต่น้อย! ข้ารู้สึกว่าจะสามารถคาดเดาเื่ราวอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว” มุมปากของเย่รั่วสุ่ยยิ้มขึ้น สีหน้าตื่นเต้นและร้อนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“อืม!” เมื่อเห็นว่าเย่รั่วสุ่ยให้ความสำคัญเป็อย่างมากจึงไม่กล้าชักช้าอืดอาดรีบพูดขึ้นต่อในทันที “วิชาต่อสู้ร่างอสูรมีชื่อว่าเนตรสยบิญญา ขอเพียงมีระดับพลังิญญาที่ต่ำกว่าข้าและเสี่ยวเฮยรวมกันผู้ที่ถูกโจมตีล้วนต้องมึนงงขาดสติไป ระยะเวลาของการมึนงงนั้นขึ้นอยู่กับระดับพลังิญญาของผู้ที่ถูกโจมตีว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ซึ่งการโจมตีนั้นจะทะลุผ่านการป้องกันที่เป็วัตถุสสารทุกชนิด ต่อมาข้าใช้วิชาต่อสู้ร่างอสูรสังหารพวกเสว่อี... ตอนที่อยู่บนเกาะแห่งความมืดมิดเสี่ยวเฮยได้รับผลึกัมาหลังจากหลอมเสร็จวิชาต่อสู้ร่างอสูรพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจนกลายเป็รูปแบบการโจมตีแบบกลุ่ม...”
เย่ชิงหานพูดเล่าเื่ออกมาเป็เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงถึงสามารถเล่าเื่ราวความเป็มาออกมาได้ทั้งหมด แต่ไม่คิดว่าเมื่อเล่าจบและมองไปที่เย่รั่วสุ่ยจะเห็นสีหน้าอาการราวกับคนเหม่อลอยคล้ายกับไม่ได้ฟังที่เขาเล่าฉันนั้น...
“ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษ ท่านค้นพบสิ่งใด?” ผ่านไปเนิ่นนานเมื่อเห็นว่าเย่รั่วสุ่ยยังคงครุ่นคิดคล้ายกับเหม่อลอยเช่นนั้น เย่ชิงหานจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นครั่งหนึ่ง
“อ้อ...ฮ่าๆ!”
เย่รั่วสุ่ยเมื่อได้สติกลับคืนมากลับไม่ได้ตอบคำถามของเย่ชิงหานแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับแหงนหน้าหัวเราะขึ้นด้วยเสียงอันดัง สีหน้าอาการตื่นเต้นดีใจ ดวงตาเปล่งประกายแสงแหลมคม เสื้อผ้าทั่วทั้งร่างปลิวลอยขึ้นแม้ปราศจากลมพัด สักพักจึงจ้องมองไปที่เสี่ยวเฮยราวกับมองดูของล้ำค่ามากที่สุดในปฐีฉันนั้น แล้วจึงพูดขึ้น
“เ้าหนูหาน เ้าโคตรจะโชคดีเลยรู้ไหม ข้าจะบอกเ้าให้ว่า...สัตว์อสูรเสี่ยวเฮยของเ้านั้นมีโอกาสถึงร้อยละเก้าสิบที่จะเป็...เทพอสูร! เมื่อผ่านเข้าสู่ระยะเติบโตเต็มวัยจะกลายเป็เทพอสูรที่สามารถเทียบได้กับผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตเทพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์อสูรของเ้าตัวนี้ยังมีวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่แหกกฎ์เช่นนี้อีก ขอเพียงมันเลื่อนระดับกลายเป็เทพอสูรขึ้นมาได้จริงๆ ละก็ รับรองได้ว่าในระดับขอบเขตเทพ์จะไม่มีใครสามารถต่อกรกับสัตว์อสูรของเ้าได้อย่างแน่นอน!”
“เทพอสูร?” เย่ชิงหานและเสี่ยวเฮยเบิกตากว้างขึ้นจ้องมองไปยังเย่รั่วสุ่ยอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้