“ข้าเอง หวั่นชิว เ้าเปิดประตูหน่อยเถิด ข้ามีเื่จะคุยด้วย” โจวเอ้อร์เหนิงมองซ้ายมองขวาอยู่ด้านนอก กลัวจะถูกผู้ใดพบเข้า
“มีสิ่งใดก็รีบพูดมาเถิด บุรุษและสตรีไม่ควรอยู่ด้วยกันตามลำพัง” สำหรับโจวเอ้อร์เหนิง…หลินหวั่นชิวมีเพียงความเ็าให้ บุรุษผู้นี้ช่วยหลินซย่าจื้อใส่ร้ายเ้าของร่างเดิม ทั้งที่เขาเป็ฝ่ายตีสนิทกับเ้าของร่างเสียเอง แต่พอหลินซย่าจื้อพาคนมาก็ใส่ร้ายว่าเ้าของร่างเป็คนยั่วยวนเขา!
“หวั่นชิว เหตุใดเ้าพูดเช่นนี้ ข้าหวังดีกับเ้านะ มีเื่สำคัญจะคุยด้วยเท่านั้น รีบเปิดประตูเร็วเข้าเถิด มิเช่นนั้นเ้าจะได้เสียใจภายหลังเป็แน่!” โจวเอ้อร์เหนิงร้อนใจเล็กน้อย คำพูดเริ่มหยาบคาย
หลินหวั่นชิวยิ้มเยาะ “ถ้าเ้าไม่พูดก็อย่ามาเสียเวลายืนขวางประตูบ้านข้า เ้าก็รู้ว่าสามีข้านิสัยเป็อย่างไร หากเขากลับมาแล้วรู้ว่าเ้าเอาแต่ยืนอยู่หน้าบ้านไม่ไปที่ใด…โจวเอ้อร์เหนิง…อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนเ้าก็แล้วกัน!”
โจวเอ้อร์เหนิงได้ยินดังนี้ก็ตัวสั่น ไอ๊หยา เขาลืมเื่นี้ไปได้อย่างไร ทำกระไรบุ่มบ่ามไม่คิด เขาควรรอให้หลินหวั่นชิวออกจากบ้านก่อนค่อยหาโอกาสคุยกับนางสิ
“เช่นนั้นข้าไปก่อน สองสามวันนี้ข้าไปที่หุบเขากัญชาหลังพระอาทิตย์ตกเป็ประจำ เ้าพอจะมาเจอกันได้หรือไม่ ข้ามีเื่สำคัญจะคุยด้วยจริงๆ สองพ่อลูกบ้านตระกูลหลินวางแผนจะปองร้ายเ้า ข้าไม่มีเวลามาอธิบายรายละเอียดมากนัก เ้ามาด้วยนะ…”
“ได้ คืนวันพรุ่งข้าจะไป” หลินหวั่นชิวคิดแล้วก็ตอบ
“คืนวันพรุ่ง?” โจวเอ้อร์เหนิงตื่นเต้นทันที หากเป็ตอนกลางคืน เช่นนั้นเขา…
นั่นสินะ นายพรานเจียงเป็ผู้ใดกัน เวลาอยู่บนเตียงคงสนใจแต่ตัวเองเท่านั้น ไม่รู้จักทะนุถนอมคนข้างๆ หวั่นชิวคงทนไม่ไหวเป็แน่ เทียบกับนายพรานเจียงแล้ว เขาอ่อนโยนกว่ามาก
เราจะรู้ว่าผู้ใดดีก็ต่อเมื่อมีคนให้เปรียบเทียบ
หากตอนนั้นหลินหวั่นชิวรู้ว่าตัวเองจะถูกขายให้บุรุษดิบเถื่อนเช่นนี้ ไม่แน่นางอาจยอมเขาไปตั้งนานแล้ว
น่าเสียดายจริงๆ ดอกไม้มีน้ำมีนวลดอกนี้ถูกนายพรานเจียงลิ้มลองเสียแล้ว
“พี่เขย…ไม่สะดวกหรือ?”
เสียงนุ่มนวลของหลินหวั่นชิวดังขึ้นในขณะที่กำลังคิด
กระดูกโจวเอ้อร์เหนิงระทวยไปหมด
“สะดวก สะดวกสิ!” เขากัดฟันตอบ “แต่อาจจะดึกเสียหน่อย” เขาต้องรอให้ภรรยาจอมโหดนั่นหลับเสียก่อนถึงจะหนีออกมาได้
“แต่ว่าเ้ามาได้หรือ?” โจวเอ้อร์เหนิงกังวลเล็กน้อย ภรรยาสารเลวหลินซย่าจื้อเป็สตรี กลางคืนไม่ได้ตื่นตัวขนาดนั้น แต่นายพรานเจียงไม่เหมือนกัน เขาล่าสัตว์มานาน ตื่นตัวกว่าคนทั่วไป
“พรุ่งนี้เขามีงาน กลางคืนไม่กลับบ้าน” หลินหวั่นชิวโกหก
หากโจวเอ้อร์เหนิงมีเื่กระไรจริงๆ เอาเวลาที่คุยกับตัวเองตอนนี้มาเล่าก็จบแล้วไม่ใช่หรือ?
เขาแค่้าเอาเปรียบ!
นางยังไม่ทันไปตามตัวมาแก้แค้นให้เ้าของร่าง ชายผู้นี้ก็เป็ฝ่ายมาหาเองอย่างทนไม่ไหวเสียแล้ว หลินหวั่นชิวมีหรือจะปล่อยไป?
หลังจากไม่มีคนน่ารังเกียจมาะโน่ารำคาญอยู่ด้านนอก หลินหวั่นชิวชงชาดอกไม้นั่งดื่มใต้แสงแดด ดื่มไปด้วย ท่องเสียนอวี๋ไปด้วย ขณะเดียวกันก็นำผ้ากับไส้ในฝ้ายที่ซื้อมาก่อนหน้านี้มาทำผ้าห่มสองผืนในห้องหัตถการ จะเข้าหน้าหนาวแล้ว อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ สองพี่น้องเจียงต้องใช้หนึ่งผืน ฝั่งนางเองต้องใช้หนึ่งผืนเช่นกัน
จากนั้นเลือกทำเสื้อผ้าเพิ่ม เสื้อกั๊กและปลอกสวมหัวเข่าสองสามชุดให้คนทั้งครอบครัวต่อ หลินหวั่นชิววางแผนว่าอีกสักระยะค่อยให้พวกเขา
นอกจากของชิ้นใหญ่อย่างเสื้อผ้าแล้ว หลินหวั่นชิวยังใช้ผ้าที่เหลือมาทำถุงเท้า ผ้าเช็ดหน้า รองเท้า ผ้าปูโต๊ะและผ้าม่าน ทำออกมาเยอะเป็กองโต
“ติ๊งต่อง ห้องหัตถการเพิ่มระดับแล้ว ้าอัพเกรดหรือไม่?”
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นกลางสมอง หลินหวั่นชิวเลือกอัพเกรดทันที
หลังอัพเกรด ห้องหัตถการมีช่องใส่วัตถุดิบเพิ่มมาห้าช่องแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทว่านอกจากจะมีช่องใส่วัตถุดิบเพิ่มมาห้องแล้วยังมีตัวเลือกให้ทำซ้ำ
ทำซ้ำ?
หลินหวั่นชิวสงสัยจึงตัดสินในลองดู นางคิดไปคิดมา นำ ‘คัมภีร์หลุนอวี่’ ออกมาใส่ในช่องแม่แบบ ใส่หมึกกระดาษที่เป็วัสดุต่างๆ เข้าไป หลังจากเลือกทำซ้ำก็มีคัมภีร์หลุนอวี่อีกเล่มออกมา จำนวนหมึกกระดาษก็น้อยลดลง
“หากไม่นับปัจจัยภายนอกของวัสดุที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์ที่สร้างออกมากับแม่แบบเหมือนกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์”
หลินหวั่นชิวรีบเอาตำราทั้งสองมาเทียบกันอย่างทนรอไม่ไหว มองข้ามคุณภาพหมึกกับกระดาษที่ต่างกัน ส่วนที่เหลือล้วนเหมือนกันหมด!
นางดีใจแทบบ้า!
ฮ่าฮ่า…
วันหน้าหาเงินด้วยวิธีทำซ้ำเช่นนี้เสีย ไม่ต้องทนคัดให้ลำบากอีกต่อไป!
“หักเงินสิบหยวน”
ให้ตาย ต้องเสียเงินด้วยหรือ ไม่รีบเตือนให้เร็วกว่านี้ล่ะ มาบอกหลังทำไปเสียแล้วไม่เท่ากับเป็กับดักหรือ?
(ระบบ: แค่สิบหยวน ขาดทุนก็ไม่ใช่ โดนหลอกก็ไม่เชิง ไปฮ่องกงหรือสิงคโปร์ไม่ได้…)
หลินหวั่นชิวคำนวณต้นทุน รู้สึกว่าขายให้ร้านหนังสือยังได้เงินอีกเยอะ บ่นในใจเพียงครู่เดียวก็เริ่มวางแผนต่อเสียแล้ว
นางเริ่มนึกเสียใจที่รีบมอบหนังสือให้เถ้าแก่หลิว ไม่อย่างนั้นคงได้ทำซ้ำอีกหลายเล่ม!
ก็ได้ ยังต้องเขียนอีก เขียนของตู้ซิวจู๋ออกมาแล้วค่อยใช้วัสดุที่ต่างกันมาทำซ้ำขาย!
หลินหวั่นชิวตัดสินใจเสร็จก็โยนเื่นี้ทิ้งไป
เห็นว่ายังเช้าอยู่ก็ไปแขวนผ้าม่านให้ห้องตัวเองกับห้องหงหนิง ปูผ้าบนโต๊ะที่ผุพัง เก็บกวาดบ้านให้สะอาด มองแล้วสบายตาเป็อย่างมาก
ก่อนหน้านี้นางซื้อแจกันดินเผามาจากในเมืองสองใบ ใบหนึ่งวางไว้ในห้องเด็กๆ อีกใบวางไว้ในห้องตัวเอง กะว่าประเดี๋ยวออกไปวัดที่จะเก็บดอกฉู่จวี๋[1]ป่ากลับมาปัก
พอสบายใจก็หยิบหนังสือออกมาคัด เนื่องจากห้องหัตถการของเสียนอวี๋เพิ่มระดับแล้ว นางจึงอยากรีบคัดหนังสือออกมาทำซ้ำ จะหาเงินต้องรีบทำให้ไว!
ไม่มีผู้ใดถือสาหากจะมีเงินเยอะอยู่แล้ว!
การได้นอนบนกองเงินเป็ความฝันทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ของนาง!
หน้าทางเข้าหมู่บ้าน เ้าหน้าที่นักการสองคนกับชายวัยกลางคนแต่งตัวสุภาพคนหนึ่งเดินลงมาจากรถม้า ถามชาวนาที่อยู่ในนาใกล้ๆ ว่า “ลุง บ้านเจียงหงหย่วนไปทางใด?”
คนในหมู่บ้านแค่เห็นเ้าหน้าที่จากทางการก็เข่าอ่อน เกือบจะคุกเข่าลงพื้น “ใต้เท้า บ้านเขาอยู่ทางโน้นขอรับ…” ทีท่าว่าข่าวลือจะเป็จริงสินะ เจียงเหล่าต้าคบค้ากับโจรเป็แน่ ไม่อย่างนั้นเ้าหน้าที่จะมาหาเพราะเหตุใด?
“น้องเล็ก รีบวิ่งไปบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน บอกว่ามีเ้าหน้าที่มาบ้านนายพรานเจียง!”
“ได้ ข้าจะไปตามท่านปู่เดี๋ยวนี้”
เด็กคนหนึ่งวิ่งไปทางบ้านหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนเป็บ้า ทุกคนที่กำลังทำงานในทุ่งนาหยุดงานในมือกันหมด คอยเดินตามเ้าหน้าที่นักการอยู่ไกลๆ คุยกระซิบกระซาบกันเสียงเบา
พนักงานกับนักการจากที่ว่าการอำเภอเห็นชาวบ้านกลุ่มนี้หน้าซีดเมื่อเห็นตัวเองก็พอใจ ดูสิ นี่คือบารมีของข้าราชการ!
พวกเขาเลือกบุรุษชราคนหนึ่งออกมานำทางให้ กลับขึ้นรถม้าตามอยู่ด้านหลัง
เมื่อพวกเขาเข้าหมู่บ้าน ในหมู่บ้านก็ปั่นป่วนโกลาหลไปเสียหมด
บ้านเหล่าหลินได้ยินข่าวก็ดีใจมาก รีบตามชาวบ้านไปบ้านตระกูลเจียง
หลินซย่าจื้อคิดในใจ เื่ที่เจียงหงหย่วนสมคบคิดกับโจรต้องกระจายออกไปเป็แน่ คนจากอำเภอจึงมา
หึ บุรุษอัปลักษณ์อย่างเ้ากล้ารังแกข้าดีนัก รอโดนขังคุกและตัดหัวได้เลย!
ส่วนนังแพศยาหลินหวั่นชิว ตอนนี้หน้าตามีน้ำมีนวลเช่นนั้น ขายเข้าซ่องน่าจะมีราคาถึงห้าสิบตำลึง
เชิงอรรถ
[1] ดอกฉู่จวี๋(雏菊) หมายถึง ดอกเดซี่
