บทที่ 8: สมรภูมิการค้าและรสชาติแห่งยุคสมัย
ภารกิจซ่อมแซมบ้านได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ หลินเย่วชิง รู้ดีว่าการสร้างรากฐานที่มั่นคงนั้น้ามากกว่าแค่ที่อยู่อาศัยที่แข็งแรง มันคือการสร้างความมั่นคงทางอาหารและรายได้ เธอจึงใช้ข้ออ้างเื่การไปรับของที่ไปรษณีย์ในเมืองเพื่อดำเนิน "ภารกิจสอดแนม" ครั้งแรกของเธอ... ภารกิจสำรวจตลาดการค้าแห่งยุค 70
เธอเดินเท้าลงมาจากเนินเขาที่ตั้งของกระท่อม เส้นทางดินลูกรังที่ทอดยาวนั้นกลายเป็เส้นทาง "ไปทำงาน" สายใหม่ของเธอ เมื่อมาถึงจุดรอรถโดยสารประจำทางในหมู่บ้าน บรรยากาศก็คึกคักมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาดใจ ชาวบ้านหลายคนหอบหิ้วตะกร้าผักและกรงไก่มารอรถเช่นเดียวกับเธอ ที่นี่คือศูนย์กลางการพบปะและแลกเปลี่ยนข่าวสารยามเช้า
"อ้าว เย่วชิง วันนี้จะเข้าเมืองทำธุระอะไรหรือ?" เสียงของหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้น เธอคือ ป้าเฉิน ที่หลินเย่วชิงจำได้ลางๆ จากความทรงจำของเ้าของร่างเดิม
หลินเย่วชิงรีบปรับโหมดเป็ "สะใภ้สามแห่งตระกูลเหว่ย" ทันที เธอยิ้มอย่างเป็มิตร "สวัสดีค่ะป้าเฉิน พอดีญาติที่ปักกิ่งส่งของมาให้ เลยว่าจะไปรับที่ไปรษณีย์เสียหน่อยค่ะ"
"โอ้ ดีจริงๆ มีญาติคอยห่วงใยอยู่ไกลๆ แบบนี้ก็อุ่นใจนะ" ป้าเฉินพูดพลางยิ้มอย่างใจดี "แล้ววันนี้ป้าเอาผักไปขายเยอะไหมคะ?" หลินเย่วชิงเริ่มปฏิบัติการสอดแนมทันที
"เอ๊า! ก็เหมือนเดิมนั่นแหละจ้ะ" ป้าเฉินหัวเราะ "นี่ไง ผักกาดสองตะกร้าใหญ่ๆ หวังว่าจะขายหมดไวๆ จะได้มีเงินไปซื้อเกลือกับน้ำมันพืชกลับบ้าน"
บทสนทนาเล็กๆ นี้คือข้อมูลล้ำค่าสำหรับหลินเย่วชิง... สินค้าจำเป็พื้นฐานยังคงเป็ที่้าสูง และชาวบ้านต้องนำผลผลิตไปขายเพื่อแลกกับมัน
ไม่นานนัก รถสองแถวคันเก่าที่ถูกดัดแปลงให้บรรทุกได้ทั้งคนและของก็แล่นเข้ามาจอด เสียงเครื่องยนต์ดีเซลดังกระหึ่มคละเคล้าไปกับเสียงไก่ที่ร้องระงม ชายหนุ่มแข็งแรงที่มากับรถช่วยกันยกตะกร้าและกรงต่างๆ ขึ้นไปไว้บนหลังคาอย่างชำนาญ ก่อนที่ผู้โดยสารจะเบียดเสียดกันขึ้นไปนั่งบนม้านั่งไม้สองฝั่ง
รถเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้าน ทิ้งกลุ่มควันสีดำไว้เื้ั ทิวทัศน์สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนาเขียวขจีที่พลิ้วไหวตามแรงลม หลินเย่วชิงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ในใจของเธอไม่ได้ชื่นชมความงามเพียงอย่างเดียว สมองของแพทย์และนักวางแผนกำลังทำงานอย่างหนัก... ที่ดินผืนงามขนาดนี้ แต่ผลผลิตต่อไร่คงจะต่ำมากเพราะขาดเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย ถ้ามีปุ๋ยดีๆ หรือระบบชลประทานที่ดีกว่านี้...
น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า แต่เป็น้ำตาแห่งความตื้นตันที่ซับซ้อน... ความงามของโลกที่ยังบริสุทธิ์... ความรู้สึกเหมือนเป็ิญญาจากอนาคตที่มาเยือนอดีต... และความมุ่งมั่นที่จะใช้ความรู้ของเธอเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีขึ้น
เมื่อรถเข้าใกล้เขตเมือง ทิวทัศน์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็บ้านเรือนที่หนาแน่นขึ้น จนกระทั่งมาจอดที่ตลาดสดใจกลางเมือง... และวินาทีนั้นเอง สมรภูมิการค้าที่แท้จริงก็ได้เปิดฉากขึ้น!
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นทันทีที่รถจอดสนิท พ่อค้าคนกลางต่างกรูเข้ามาที่รถเพื่อแย่งชิงสินค้าล็อตใหม่ล่าสุด
"ป้าเจียง! มะเขือเทศวันนี้เท่าไหร่!?"
"ขาดตลาดมาเป็อาทิตย์! ถุงละ 10 หยวน! ไม่ลดแล้ว!"
"โห! ปกติ 7 หยวนเองนะ! ลดหน่อยน่าลูกค้าประจำ!"
"8 หยวน! ราคาสุดท้าย! ไม่เอาก็ไปร้านอื่นเลยไป๊!"
หลินเย่วชิงยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความทึ่ง เธอไม่ได้มองว่ามันเป็ความวุ่นวาย แต่มองว่ามันคือการแสดงออกของกลไกตลาดที่บริสุทธิ์ที่สุด... อุปทานและอุปสงค์... ทุกอย่างถูกตัดสินกันด้วยการเจรจาต่อรองตรงหน้า ไม่มีแอปพลิเคชัน ไม่มีราคามาตรฐาน มันคือศิลปะแห่งการค้าที่เธอต้องเรียนรู้
เธอเดินสำรวจไปทั่วทั้งตลาดอย่างละเอียด กลิ่นคาวเืจากเขียงหมู กลิ่นหอมของสมุนไพรแห้ง กลิ่นดินจากหัวเผือกหัวมัน ทุกอย่างผสมปนเปกันจนเป็กลิ่นอายที่เป็เอกลักษณ์ของยุคสมัย สินค้าที่วางขายส่วนใหญ่เป็ของจำเป็พื้นฐาน ข้าวสาร น้ำตาล เกลือ น้ำปลา เสื้อผ้าเนื้อหยาบ และเครื่องมือการเกษตรแบบง่ายๆ
สมองของเธอเริ่มประมวลผลช่องว่างทางการตลาด... ไม่มีอาหารสำเร็จรูปที่หลากหลาย... ไม่มีเครื่องปรุงรสที่ซับซ้อน... ไม่มีของใช้ที่มอบความสะดวกสบาย... ไม่มีของเล่นสีสันสดใสสำหรับเด็ก... ทุกย่างก้าวที่เธอเดิน คือการค้นพบ "ขุมทรัพย์" ที่รอให้เธอนำออกมาจากมิติ
หลังจากจ้างสามล้อเครื่องให้พาไปสำรวจตลาดค้าส่งเพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างการกระจายสินค้าแล้ว หลินเย่วชิงก็รู้สึกหิวขึ้นมา เธอเห็นร้านบะหมี่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีขนส่งจึงตัดสินใจเข้าไปลิ้มลองรสชาติของยุคสมัยนี้
"พี่สาว บะหมี่น้ำชามหนึ่งจ้ะ"
บะหมี่ชามร้อนๆ ถูกนำมาวางตรงหน้า กลิ่นของมันเรียบง่าย ไม่หอมฉุยเหมือนบะหมี่ในยุคของเธอที่เต็มไปด้วยเครื่องปรุงรสสังเคราะห์ เธอค่อยๆ ยกช้อนตักน้ำซุปขึ้นชิม...
รสชาติมัน... จืดชืดและมีความมันเลี่ยนของน้ำมันหมูโดดเด่นออกมา มันไม่ใช่รสชาติที่แย่ แต่เป็รสชาติที่ "ไม่คุ้นเคย" อย่างสิ้นเชิง เธอเผลอทำหน้าเหยเกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
"ฮะๆ" เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากโต๊ะข้างๆ "เห็นหน้าพี่สาวตอนชิมน้ำซุปแล้ว ผมเดาได้เลยว่าเป็คนจากต่างถิ่นใช่ไหมล่ะครับ?"
หลินเย่วชิงหันไปมอง เห็นชายหนุ่มหน้าตาหมดจดในชุดเสื้อยืดสีซีดกำลังมองมาที่เธอพร้อมรอยยิ้มที่เป็มิตร เธอยิ้มแห้งๆ กลับไป "ใช่จ้ะ... พอดีพี่มาจากที่ไกล รสชาติอาหารที่นี่เลยไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่"
"พี่สาวมาจากที่ไหนเหรอครับ? ดูท่าจะไม่ชินกับบะหมี่สูตรโบราณของที่นี่สินะ" ชายหนุ่มชวนคุยต่อ
"พี่มาจากทางเหนือจ้ะ อาหารแบบนี้ที่นั่นไม่ค่อยมีแล้ว" เธอตอบไปตามสัญชาตญาณ "อีกสักหน่อยพี่สาวก็ชินไปเองแหละครับ! ของอร่อยๆ ของเมืองเรามีอีกเยอะ!"
หลินเย่วชิงยิ้มรับ เธอไม่ได้ตอบอะไรต่อ แต่ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ชามนั้นจนหมด แม้รสชาติจะไม่ถูกปาก แต่นี่คือบทเรียนแรกของการปรับตัว... เธอต้องไม่เพียงแค่สังเกตการณ์โลกใบนี้ แต่เธอต้องกิน ดื่ม และหายใจเป็ส่วนหนึ่งของมันให้ได้
ภารกิจสอดแนมครั้งแรกของเธอจบลงอย่างสมบูรณ์ เธอกลับขึ้นรถสองแถวเที่ยวสุดท้ายพร้อมกับข้อมูลล้ำค่าเต็มสมองและความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับโลกใบใหม่ที่เธอจะต้องพิชิต... และรสชาติของบะหมี่น้ำมันหมูชามนั้น ก็คือรสชาติของการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างแท้จริง.!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้