เืของงูตัวนี้มันถือเป็ของดีที่สำหรับคนทั่วไปแล้วสามารถทำให้อายุยืนและบำรุงเืได้แต่กับผู้ฝึกฝนิญญาแล้วมันไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเพราะพละกำลังต่างหากที่สำคัญดังนั้นทำให้พลังิญญาในตัวมันต่างหากที่เป็ของล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกฝนิญญาที่แท้จริง!
ข้ารีบเอากระบี่คมจันทราผ่าลงไปบนร่างของมันแล้วควักเอาดีงูที่พลังิญญามีมากจนแผ่ซ่านออกมาด้านนอกออกมาดีของมันทำให้ข้ารู้ว่ากินเข้าไปแล้วจะต้องย่อยสลายยากเอาการอยู่เหมือนกันแต่มันก็ไม่มีทางเลือกเพราะข้าที่เพิ่งฝึกฝนเคล็ดวิชาาเสร็จไปหมาดๆพลังลมปราณในตัวมันก็เหลือน้อย และดีงูอันนี้จะทำให้ข้าประหยัดโสมโลหิตอายุหนึ่งพันสองร้อยปีไปได้หนึ่งคำ
เป็เพราะมันเป็ดีสดๆ จากงูที่เพิ่งตายไปดังนั้นไอิญญาของมันจะต้องเทียบเท่ากับโสมโลหิตนั่นเป็แน่!เมื่อคิดได้แบบนั้นก็รีบกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับกินลูกะเิที่พร้อมจะแตกออกมาทุกเมื่อยังไงอย่างงั้น
และเป็ไปตามคาดที่เมื่อกลืนลงไปแล้วไอิญญาของมัน ก็เริ่มกลายเป็เหมือนเปลวเพลิงที่กระจายลุกลามไปทั่วเนื้อหนังก่อนจะกลายเป็ความชุ่มชื่นที่เข้าไปทดแทนพลังลมปราณที่เสียไปซึ่งนอกจากมันจะทดแทนได้อย่างดีแล้วยังมีพลังหลงเหลือไหลเวียนอยู่ในร่างกายอีกต่างหาก
หลังจากนั้นข้าก็รีบเคลื่อนพลังเคล็ดวิชาาขั้นต่อไปจนพลังมันเริ่มลดลงถึงได้หยุด
พอเงยหน้ามองฟ้าแล้วเจอกับแสงแดดที่สาดส่องลงมาจากยอดไม้ก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้มันจะถึงเวลาเที่ยงตรงแล้วที่ตรงนี้มันอาจจะมีคนมาได้ทุกเมื่อข้าก็เลยไม่วางใจที่จะหยุดอยู่กับที่เพื่อฝึกฝนจัดการเก็บของทุกอย่างใส่เสื้อผ้าชุดขอทานของข้าตัวเดิม แล้วก็ใช้พลังที่มันมากเหลือล้นจากการบรรลุมาหมาดๆเพื่อเร่งฝีเท้าเข้ากลับเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว
...
ข้าหยุดพักต้มปลาหลีฮื้อหลงหลิงที่เตรียมในตอนเที่ยงที่หุบเขาชั้นที่เก้าและพอกินอิ่มก็เริ่มมุ่งหน้าเข้าไปยังหุบเขาหลิงหยุนชั้นที่แปดทันที
ภายในชั้นที่แปดมันมีเสียงของสัตว์ิญญาดังขึ้นไม่ขาดสายจนทำให้ขนลุกไปหลายต่อหลายครั้งความอันตรายของมันมากว่าชั้นที่เก้าอยู่หลายเท่าและยิ่งเป็ข้าที่มาคนเดียวแบบนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่
แถมความเป็จริงแล้วนอกจากพวกผู้บำเพ็ญในขั้นผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็ไม่ค่อยมีใครเข้ามาในหุบเขาหลิงหยุนคนเดียวทำให้ข้าที่ข้ามาในสภาพนี้มีแต่คนบอกว่าข้าพาตัวเองมาตายแต่ข้ากลับไม่คิดแบบนั้นเพราะข้ามีพลังของเพลงขาเมฆาหมอกที่สามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว และพลังของเคล็ดวิชาาที่มันทำให้ข้าสามารถเปล่งพลังออกมาได้มากกว่าคนที่อยู่ในขั้นการบำเพ็ญเดียวกันโดยพลังของเคล็ดวิชาาขั้นที่ห้ามันสามารถส่งพลังให้ข้าได้เกือบๆสิบส่วนซึ่งมันเป็สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปยากที่จะเข้าใจ ส่วนพวกผู้ฝึกฝนคนอื่นๆที่ร่ำเรียนวรยุทธ์กันมามันก็เป็แค่วรยุทธ์ขั้นสามหรือต่ำลงไปกว่านั้นที่มันสามารถเพิ่มพลังให้แค่ไม่ถึงสองส่วนเท่านั้นข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนั้นจะเรียนไปเพื่ออะไร?
ในระหว่างที่เร่งฝีเท้าก้าวไปข้างหน้าก็เห็นว่าในป่ามีอะไรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ดูเหมือนจะมีสัตว์ิญญาออกมาอีกแล้วสินะ!
การเคลื่อนไหวแบบนี้แสดงว่ามันได้กลิ่นอายมนุษย์และพลังของข้าจึงได้กล้าที่จะท้ารบนั่นบ่งบอกว่ามันและข้าต่างก็เป็คู่ต่อสู้ที่คู่ควร!กิ่งก้านไม้หักลงตามการเคลื่อนไหวของมันที่พุ่งเข้ามาก่อนจะมีสัตว์ ิญญาขนาดสูงกว่าสามเมตรปรากฏขึ้นตรงหน้าข้าทั้งร่างมันเต็มไปด้วยเกราะเกล็ดสีเทาเหมือนเป็ผ้าหม้อที่วางอยู่บนพื้นมีเพียงส่วนหัวกลมๆที่ยื่นออกมาพร้อมกับฟันในปากที่มันแหลมคมบ่งบอกว่ามันเป็สัตว์กินเนื้อมันคือเต่าลาวาเพลิง สัตว์ิญญาระดับสี่!
และนอกจากกระดองของมันจะมีสีเทาแล้วยังมีลายสีทองจางๆ ขึ้นด้วยซึ่งนั่นมันบ่งบอกว่ามันกำลังจะกลายเป็หนึ่งในาาสัตว์ิญญานั่นเองคงเป็เพราะมันอยู่ในระหว่างการพัฒนาพลังตัวเองให้ขึ้นไปสู่ระดับาาสัตว์ิญญาถึงได้อวดเก่งและดุดันขนาดนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่าพลังของข้าไม่ใช่น้อยๆ แต่ก็ยังอยากที่จะเข้ามาหาเื่แถมในสายตาของมันยังบ่งบอกถึงความโลภและดุร้ายอีกต่างหาก
ผู้ฝึกฝนิญญาต่างก็เห็นว่าพวกลมปราณและพลังิญญาของสัตว์พวกนี้เป็อาหารซึ่งสัตว์ิญญาก็เห็นว่าจุดประภพิญญาและพลังของเราเป็อาหารของพวกมันเช่นกันโดยในหุบเขาหลิงหยุนก็เป็วัฏจักรที่เ้าไม่กินข้าข้าก็จะกินเ้ามาแต่ไหนแต่ไรดังนั้นการที่เ้าเต่าลาวาเพลิงตัวนี้มันเข้ามาหาเื่ก็เพราะคิดจะกินข้าวนั่นเอง!
คิดจะกินข้างั้นเหรอ? ฮึๆ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ!
สัตว์ิญญาระดับสี่ที่กำลังจะเข้าขั้นาา จะมีพลังที่เทียบเท่ากับผู้ฝึกฝนในขั้นเทวะิญญาระดับต้นที่มากกว่าข้าเล็กน้อยดังนั้นจะต้องต่อสู้แบบระมัดระวังแถมในตำราความลับของสัตว์ิญญาก็มีการเขียนเอาไว้ว่าเ้าเต่าลาวาเพลิงตัวนี้มันฟันแทงไม่เข้าเพราะมีเกราะที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปีจนแข็งแกร่งกว่าเหล็ก แถมยังมีพลังในตัวของมันอีกถึงจะเป็ผู้ฝึกฝนิญญาแบบจอมยุทธ์ที่มีพลังมากกว่ามันขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นก็อาจจะฆ่ามันไม่ตายด้วยซ้ำไป
นี่ก็หมายความว่าถึงจะเป็จอมยุทธ์ที่อยู่ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ก็ยากที่จะสังหารมันแต่ข้ากลับเป็เพียงผู้ฝึกฝนในระดับกลางของขั้น์ที่มีขั้นของการบำเพ็ญต่ำกว่าถึงสองขั้น!
การบำเพ็ญหนึ่งขั้นเท่ากับความสูงหนึ่งฟากฟ้านั่นก็ทำให้เห็นว่าพลังความแตกต่างมันมีมากขนาดไหน
แต่จะให้ข้าหนีไปตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้ว เพราะนอกจากการป้องกันของมันจะดีแล้วยังเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วอีกต่างหากโดยอ้างจากตอนที่มันวิ่งผ่านป่าเข้ามาเมื่อกี้ก็ทำให้รู้ว่ามันเร็วกว่าข้าซะอีกสู้ก็อาจจะยังพอมีโอกาสชนะบ้าง แต่ถ้าขืนหนีก็จะต้องโดนเต่าแก่ตัวนี้ฆ่าสถานเดียวแน่นอน
หวึ่ง!...
ข้าเรียกกระบี่คมจันทราออกมา แขนทั้งสองข้างขยับเล็กน้อยเพื่อปลดตะกร้าไม้ไผ่นั่นออกด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเต่าลาวาเพลิงนั่นทั้งข้าและมันต่างก็จับจ้องกันและกันอย่างไม่ละสายตาพลางเดินเวียนหยั่งเชิงคู่ต่อสู้
ซื่อ! ซื่อ!
อยู่มันก็ร้องออกมาก่อนจะพุ่งเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว
ข้าตวาดลั่นพร้อมกับแผ่พลังัพันศิลาระดับเซียนแล้วตวัดกระบี่ฟาดฟันลงไปด้วยพลังของแปดกระบี่ร้าง!
เกร๊ง! เกร๊ง!
เสียงดังติดต่อกันสองครั้งนั้นก็คือกระบี่ของข้าที่ฟันลงไปบนกระดองของมันและการโจมตีของมันพุ่งเข้ามาใส่พลังัพันศิลาของข้า และความแข็งแกร่งนั่นมันก็ทำให้ทั้งข้าและกระบี่กระเด็นถอยไปไกลเป็สิบเมตรจนทำให้โดนต้นไม้ขาดไปสองต้น นกกาต่างก็ใกันจนบินว่อนและในตอนนี้เองก็มีพลังไฟเป็กลุ่มก้อนที่พุ่งผ่านต้นไม้เล็กๆ เข้ามาซึ่งมันก็คือลาวาที่พุ่งออกมาจากปากของมันนั่นเอง
ข้าใช้พลังดันตัวเองให้ะโออกจากจุดนั้น ก่อนจะเห็นว่าบนพื้นดินที่ข้าเคยหยุดอยู่เมื่อครู่มันโดนลาวาปกคลุมจนแดงไปเป็ผืนพลังของมันช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
ข้ารู้สึกขยาดขึ้นมาทันทีเพราะถ้าเกิดโดนลาวามันนั่นเผาจริงๆข้าต้องกลายเป็ไก่ที่โดนย่างจนเกรียมแน่ๆ
ไม่ได้ ถ้าขืนข้ามัวแต่หลบหลีกเพราะโดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ต้องตายแน่ๆ!
ข้าจับกระบี่คมจันทราที่แฝงไปด้วยพลังอันเต็มเปี่ยมพุ่งเข้าไปยังส่วนหัวของมันและสิ่งที่ทำให้ข้าคิดไม่ถึงก็คือว่ามันเร็วมากถึงขั้นที่ว่าข้ายังไปไม่ทันได้ถึงมันก็หดหัวกลับเข้าไปในกระดองเรียบร้อยแล้วแถมยังกลิ้งตัวเข้ามาชนที่ท้องของข้าอีกต่างหาก
ซุ่ม!
ข้าโดนกระแทกให้ปลิวไปชนต้นไม้ใหญ่เหมือนลูกบอล และเกราะรบิญญาของข้ามันก็เกิดรอยร้าวเหมือนพร้อมจะสลายไปทุกเมื่อแบบนี้มันต้องไม่ดีแน่เพราะเมื่อเกราะรบสลายไปนอกจากจะต้องใช้พลังอย่างมากแล้วยังจะต้องโดนมันกินเข้าไปอีก!
ซื่อ! ซื่อ! ซื่อ!...
เ้าเต่าลาวาเพลิงตัวนั้นมันหยุดอยู่กับที่แล้วใช้ขาทุบตีส่วนท้องของตัวเองพร้อมกับส่งเสียงร้อง
นี่มัน...กำลังท้าทายข้าอยู่อย่างงั้นเหรอ?
ข้าเกือบจะร้องไห้ออกมา เพราะทั้งๆที่เป็ถึงศิษย์อันดับสองคนสำนักจวี๋ฉีแต่กลับโดนเต่าตัวหนึ่งเย้ยหยัน ทว่าโอกาสของข้ามันก็มาถึงแล้วเหมือนกัน!
ในตอนนี้สภาพของมันดูอวดดีจนเกินเหตุแถมยังมีการโจมตีที่มั่วซั่วไปหมดและเวลาที่มันบ้าระห่ำอยู่แบบนี้ก็คือเวลาแห่งความตายของมันเช่นเดียวกัน!
ข้าจับกระบี่คมจันทราขึ้นมาอีกครั้ง แต่ใช้เพียงมือขวาที่จับเอาไว้ส่วนมือซ้ายก็ลูบปลอกขาที่มีกริชปลิดิญญาเสียบไว้อยู่ โดยกริชเล่มนี้มันแข็งอย่างไร้ที่เปรียบจนสามารถทะลุเกราะรบิญญาได้แล้วกระดองแข็งๆ ของเ้าเต่าตัวนี้ล่ะ มันจะสามารถแทงทะลุได้หรือเปล่า?
ลองดูก็จะรู้เอง!
ชวิ้ง!!
เมื่อกระบี่คมจันทราฟันลงเต่าลาวาเพลิงตัวนั้นก็หดหัวเข้าไปในกระดองตามที่คาดไว้พร้อมกับม้วนกลิ้งตัวเข้ามาอย่างรุนแรง ยังไงสัตว์มันก็ฉลาดน้อยอย่างที่คิดไว้จริงๆ!
แต่ในครั้งนี้ข้าไม่ได้เข้าประจันหน้ามันแบบตรงๆแต่กลับใช้พลังของเพลงขาเมฆาหมอกในการะโขึ้นสูงแล้วหลบไปบนกระดองของมัน ก่อนจะใช้กริชปลิดิญญาที่มีพลังของแปดกระบี่ร้างอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยมแทงและลากยาวลงไปสองครั้งจนกลายเป็รูปกากบาทอย่างง่ายดายเหมือนมีดที่ฝ่าลงบนก้อนเต้าหู้
ข้าไม่รีรอให้มันได้หมุนตัวก็ใช้กระบี่คมจันทราที่มันอัดแน่นได้พลังจนกลายเป็ระลอกคลื่นสีขาวอันทรงพลังฟันลงบนาแเดิมของมันอย่างรวดเร็ว
เพลงกระบี่วายุสังหารขั้นที่สาม!
ฉึบ!
พอดาบที่แหลมคมปักทะลุลงบนเกราะที่การป้องกันเหลือน้อยลงของมัน ก็ทำให้พลังกระบี่ลมที่แฝงอยู่มันแทงทะลุร่างขอมันลงไปถึงพื้นดินตอนนี้มันเหมือนกับโดนกระบี่ที่ปักั้แ่หลังลึกทะลุลงดินจนกลายเป็เหมือนเข็มที่ยึดตัวมันไม่ให้ขยับไปไหน
ซื่อ! ซื่อ!...
ขาทั้งสี่ข้างของมันสั่นระริกด้วยพิษาแก่อนพลังและเืจะไหลออกมาเ้าเต่าลาวาเพลิงตัวนี้คงจะนึกไม่ถึงว่าทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังจะพัฒนาจนถึงขั้นาาสัตว์ิญญาอยู่แล้วแต่กลับต้องมาตายง่ายๆ แบบนี้
ปั้ง!!
ร่างของมันตกลงบนพื้นดินจนกิ่งไม้ใบหญ้าปลิวกระจายไปทั่ว
ข้าถอนหายใจออกมายาวๆ ในที่สุดก็สังหารมันสำเร็จจนได้โชคดีที่มีกริชปลิดิญญาที่ซูซีเฉิงให้มา ไม่อย่างนั้นคนที่ตายอาจจะเป็ข้าซะเองข้าใช้เท้าเตะมันจนพลิกก่อนจะใช้กระบี่กรีดลงไปที่หน้าท้องแล้วควักเอาหัวใจของมันออกมาโดยตามตำราบอกว่าหัวใจของเต่าลาวาเพลิงแฝงไปด้วยพลังของลาวาที่อยู่ใต้ดิน และไอิญญาซึ่งถือเป็ยาบำรุงชั้นดีของผู้ฝึกฝนทุกคนถ้านำไปต้มกินจะสามารถดูดซึมพลังได้เพียงส่วนเดียวแต่ถ้าเกิดกินดิบจะฟื้นฟูได้ถึงเจ็ดส่วนเพราะแบบนี้ข้าก็เลยรีบกัดกลืนมันลงไปโดยไม่ได้คิดอะไรมากมาย ความรู้สึกร้อนๆ ไหลผ่านคอลงไปพร้อมกับอาการแสบร้อนสุดยอดจริงๆ!
ข้าถึงกับขมวดคิ้วแล้วพยายามกลืนมันลงไปให้หมดนอกจากรสชาติเผ็ดร้อนแล้วมันยังคาวมากอีกต่างหาก จริงๆแล้วข้าเกลียดรสชาติพวกนี้เอามากๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้มีเงินมากพอจะไปซื้อโสมโลหิตแพงๆมาใช้เป็ยาบำรุงก็เลยต้องฝืนทนกับสิ่งที่ไม่ชอบอย่างเสียไม่ได้อย่าว่าแต่กินหัวใจสัตว์ิญญาเลย เพราะพวกคนจนๆที่เป็ผู้ฝึกฝนบางคนถึงกับต้องกินซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยเพื่อการฝึกฝนด้วยซ้ำไปผู้คนบนโลกใบต่างก็เคารพผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นดังนั้นเพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งแล้วจะต้องยอมทำทุกๆ อย่าง
พอเืของมันซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อก็กลายเป็พลังเหมือนลาวาที่ทะลักล้นออกมา
นี่เป็เวลาอันเหมาะที่ข้าจะทำการฝึกฝน!
ข้าทำการแผ่ซ่านพลังของลมหายใจัอย่างขั้นาัคุนเพื่อปกป้องพลังก่อนจะใช้พลังวาตะพิฆาตที่ผ่านไปเพียงพักเดียวก็ไหลเวียนไปทั่วร่างถึงสามรอบเมื่อไอพลังมันแผ่ออกมาก็ทำให้พลังที่อยู่ระหว่างแขนทั้งสองข้างมันเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมหลังจากเคลื่อนพลังไปกว่าสามรอบก็ยังไม่บรรลุ แต่ก็ทำให้พลังของวาตะพิฆาตมันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นหมายความว่าถึงแม้จะไม่บรรลุแต่มันก็ยังเกิดผลอยู่บ้าง
สัตว์ิญญาระดับสี่หนึ่งตัวมันยังไม่มากพอที่จะทำให้ข้าบรรลุระดับเริ่มต้นของเคล็ดวิชาาขั้นที่ห้าถ้าอย่างนั้นก็ทำได้เพียงค่อยเป็ค่อยไปแล้วล่ะ
และในตอนนี้เอง ข้าก็เงยหน้ามองไปยังแดนไกลก็เจอเข้ากับลำน้ำเล็กๆสีเหลืองอ่อนๆ ซึ่งมันไหลในหุบเขาที่มันอย่างเงียบสงบและงดงาม ในเวลาเดียวกันข้าก็ใช้พลังของตาทิพย์มองไปและัักลิ่นอายรอบๆก็เจอเข้ากับพลังิญญาที่มันไหลเวียนอยู่ด้วย
ดูเหมือนว่าข้าจะเจอสมุนไพรหายากอีกอย่างเข้าแล้วล่ะ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้