เจิ้งหยวนจิ๊ปากเบาๆ พลางมองจดหมายด้วยสายตาไม่ชอบใจ แม้ดูเหมือนจดหมายขอแต่งงานอย่างจริงจัง แต่แฝงไปด้วยความหมายว่า ‘ผมยุ่งมากไม่มีแรงดูแลคุณหรอก หากคุณตกลงแต่งงาน อนาคตก็อย่ามาโอดครวญแล้วกัน ในเมื่อคุณเลือกเป็ภรรยาทหารเอง’ ในตัวอักษรแทบทุกบรรทัด
หากมิใช่เพราะพ่อแม่ของเธอรู้จักบุญคุณคน คิดว่าเธออยากแต่งนักหรือไง? ขนาดหน้ายังไม่เคยพบกันเลย ได้ยินพี่ชายบอกว่านิสัยไม่ค่อยจะดีนัก แถมเป็ทหาร ต้องร่างกายสูงใหญ่เทอะทะ และไม่ใช่คนละเอียดอ่อนแน่ ซึ่งมันไม่ตรงรสนิยมการเลือกคู่ครองของเธอสักนิด
เจิ้งหยวนพับจดหมายสองทบยัดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรังเกียจ ก่อนแหงนหน้ามองดวงตะวันกลางศีรษะ แล้วก้าวเดินต่อ
เมื่อใกล้ถึงกองผลิต เธอถอดหมวกฟางออกเพื่อคลุมเนื้อจากด้านนอกแล้วถือลับๆ ล่อๆ กลับบ้าน โชคดีที่ในชนบทไร้ซึ่งผู้คน คนต่างไปทำงานกันหมดแล้ว เลยไม่มีใครเห็นเนื้อในมือเธอ เธอไม่กลัวที่คนอื่นจับได้หรอก แม้ครอบครัวเธอยากจน อย่างไรเสีย คุณพ่อเธอก็ยังเป็หัวหน้ากอง กินเนื้อบ้างก็ไม่น่าอิจฉา แต่เธอไม่อยากให้ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งรู้ มิฉะนั้นเ้าตัวต้องมาร้องห่มร้องไห้ว่ายากจนกับครอบครัวเธอแน่
ในบ้านโล่งโจ้ง น้องชายและน้องสาวคนเล็กไปเรียนหนังสือ ส่วนหลานชายหลานสาวก็ไม่อยู่บ้าน คุณแม่เธอคงจะพาเด็กทั้งสองไปเที่ยวบ้านเพื่อน ดีเลย เธอพุ่งตรงไปห้องครัวทันทีที่เหยียบเข้าบ้าน
หมูสามชั้นที่เธอเลือกหนักประมาณห้าจิน เธอหั่นส่วนหนึ่งมาทำหมูสามชั้นอบน้ำแดง และเก็บที่เหลือไว้เจียวน้ำมันหมู
เธอนำเนื้อมาล้างและหั่นให้เรียบร้อย ก่อนเอาลงไปลวกในหม้อสักพัก จึงค่อยเทเครื่องเทศปรุงรสลงไปเคี่ยวจนเริ่มแห้ง แล้วใส่พวกต้นหอม ขิง น้ำตาล จากนั้นผัดหมูสามชั้นอีกรอบ… ไม่นานกระทะก็โชยกลิ่นหอมฟุ้งของเนื้ออบอวลไปทั่วบริเวณ
เฉินชุ่ยอวิ๋นที่กำลังอุ้มเด็กอยู่ได้กลิ่นหอมจากข้างนอกั้แ่ยังไม่ทันเข้าประตูบ้าน น้ำลายไหลอยู่พักหนึ่ง เพื่อนบ้านที่เดินมาด้วยกันคนหนึ่งร้องอุมานอย่างประหลาดใจ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “บ้านเธอทำอะไรน่ะ? ทำไมหอมขนาดนี้?” เธอมองซ้ายมองขวา ยื่นจมูกดมฟุดฟิดบ้าง “บ้านเธอละมั้ง?น่าจะบ้านเธอนะ?”
เฉินชุ่ยอวิ๋นจะรู้ได้อย่างไร ยามเธอออกจากบ้านไม่มีใครอยู่ หรือลูกสาวจะกลับมาแล้ว? เธอสาวเท้ารัวเร็วรีบพุ่งเข้าบ้าน มองไปทางห้องครัว ก็เห็นเจิ้งหยวนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ข้างในพอดี
กลิ่นนั้นลอยมาจากบ้านเธอเองนี่!
“แกทำอะไรอยู่น่ะ?” เฉินชุ่ยอวิ๋นเข้ามาในครัว เห็นเนื้อชิ้นใหญ่บนเขียงเพียงกวาดตามอง พลันใจนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า “หา! แกเอาเนื้อมาจากไหน?”
เจิ้งหยวนตอบสบายๆ “แน่นอนว่าซื้อค่ะ”
เฉินชุ่ยอวิ๋นเปิดฝาหม้อออกดู ข้างในตุ๋นเนื้อไว้จนเต็ม! เนื้อเยอะขนาดนี้ ราคาเท่าไรกัน? เธอจ้องเจิ้งหยวนเขม็ง “แกเอามาจากเงินไหน? แล้วยังจะคูปองเนื้อสัตว์อีก แกได้มายังไงเนี่ย?”
สมองเจิ้งหยวนแล่นเร็วจี๋ แล้วหยิบจดหมายจากกระเป๋ากางเกง กุเื่โกหกตาไม่กะพริบ “เฝิงเจี้ยนเหวินส่งจดหมายมาหา เขาเป็คนให้ค่ะ”
เฉินชุ่ยอวิ๋นอ่านหนังสือไม่ออก ครั้นได้ยินเจิ้งหยวนกล่าวเช่นนี้ ความสนใจทั้งหมดจึงไปตกที่จดหมายฉับพลัน ท่าทางเธอดีใจนัก จึงรีบถามทันที “เจี้ยนเหวินเขียนจดหมายมาให้เหรอ? เขียนว่าอะไร?”
เจิ้งหยวนตอบ “ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่ถามว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือเปล่า”
เฉินชุ่ยอวิ๋นเร่งเร้า “งั้นแกรีบเขียนตอบกลับไปว่ายินดี…”
“อ่า!” เจิ้งหยวนตอบรับ อย่างไรเสีย เนื้อในหม้อก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย เหลือตุ๋นไฟอ่อนอีกหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เธอเลยวิ่งพรวดกลับห้องตนเอง ราวกับมีผีไล่ตามข้างหลัง ด้วยกลัวจะถูกคุณแม่ยึดตัว ซักไซ้เื่เนื้อต่อ
สุดท้ายฟ้าไม่เป็ใจ เธอยังไม่ทันแตะประตูห้อง ก็ถูกเสียงะโของคุณแม่รั้งไว้เสียก่อน “เดี๋ยว แกกลับมานี่เลยนะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้