หลังจากหวานหว่านเข้าวังไป คืนนั้นนางก็มิได้กลับมา ทว่าสิ่งที่มาเยือนจวนอ๋องกลับเป็ราชโองการริบตำแหน่งจวิ้นจู่ของจางเหวินเหมย รวมทั้งพระราชเสาวนีย์ที่ให้ครอบครัวจางเหวินเหมยย้ายออกไปก็มาถึงตามกันมาติดๆ
ทันทีที่อวิ๋นซีได้รับข่าวก็ถึงกับพูดไม่ออก ตกลงว่าเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่ บุตรสาวของนางไปวังหลวงทำอันใด อย่างไรก็ตาม นางก็รู้ดีว่า เื่ที่หวานหว่านทำลงไปเหล่านี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็มารดาจำเป็ของนางผู้นั้นเป็ผู้สอนให้ เพราะในตอนที่อยู่บนรถม้า สองยายหลานก็แอบกระซิบกระซาบบางสิ่งกัน กระทั่งกลับมาถึงจวน หวานหว่านก็บอกจะเข้าวัง
ขณะเดียวกัน เมื่อหวนเอ๋อร์ได้ทราบข่าวนี้ นางก็เอ่ยถามอวิ๋นซีเสียงเบา “พระชายาเพคะ ทว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็คือเจิ้นหนานอ๋องนะเพคะ ส่วนคุณหนูจางผู้นี้ แค่มองดูก็รู้แล้วว่าเข้ากันได้ยาก แล้วตอนนี้ฝ่าายังมีรับสั่งให้พวกเขาย้ายออกไปอีก คนจะพาลมาโกรธแค้นท่านหรือไม่เพคะ”
อวิ๋นซียิ้มบางๆ วันนี้หวนเอ๋อร์ไม่ได้ติดตามนางออกไปข้างนอกด้วย จึงมีเื่มากมายที่ยังไม่รู้ เพราะต่อให้ตอนนี้อีกฝ่ายยังจะพักอยู่ที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเข้ากันได้ดีกับนางแน่ “เลี้ยงคนเหล่านี้ไว้ที่นี่ก็เหมือนเลี้ยงหมาป่าที่กินคนไว้ก็เท่านั้น”
สำหรับเื่เ่าั้ อวิ๋นซีไม่เคยนึกถึงจริงๆ เพราะหากจางเหวินเหมยจะโกรธแค้นนางก็คงไม่ใช่เื่ของวันสองวัน แต่เป็เื่ที่เกิดขึ้นระหว่างตัวนางกับหลินหลานถิงที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น ดังนั้น ระหว่างพวกนางย่อมไม่มีทางที่จะเข้ากันได้ดีแน่ แล้วจะนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่จางเหวินเหมยได้รู้แล้วว่า นางเป็หลานสาวแท้ๆ ของเจิ้นหนานอ๋อง โดยบิดาของนางเป็บุตรชายเพียงคนเดียวของเจิ้นหนานอ๋อง หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เขาเป็ผู้สืบทอดตำแหน่งอ๋องที่ถูกต้อง
จางเหวินเหมยจับจ้องตำแหน่งอ๋องนี้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้บุตรชายที่หายไปนาน หรือก็คือบิดาของอวิ๋นซีได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว ความคับแค้นในใจของอีกฝ่ายมีแต่จะยิ่งถลำลึกถึงขนาดที่อาจเรียกได้ว่า หากไม่ตายก็ไม่เลิกรา ดังนั้น การให้คนเ่าั้ย้ายออกไปก็ถือเป็เื่ดี เพราะที่บ้านนางยังมีเด็กเล็ก หากวันหนึ่งวันใดที่นางและจวินเหยียนต่างไม่อยู่บ้าน และจางเหวินเหมยผู้นี้คิดกระทำเื่ใดขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นจะมาเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว
หวนเอ๋อร์พยักหน้า “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันได้ยินเื่หนึ่งมาโดยบังเอิญ คิดอยู่ตลอดว่าควรจะบอกท่านดีหรือไม่ แต่ตอนนี้ในเมื่อพวกเขาก็จะย้ายออกไปแล้ว หม่อมฉันจึงคิดว่ายิ่งถึงเวลาที่ควรบอกเื่นี้แก่พระชายาแล้วเพคะ”
อวิ๋นซีรู้จักหวนเอ๋อร์ดี สาวใช้ผู้นี้เป็คนสุขุมยิ่ง ดังนั้น ตอนนี้ที่นางพูดออกมาเช่นนี้ก็แสดงว่า เื่ที่จะกล่าวต่อไปต้องไม่ใช่เื่เล็กแน่ “ว่ามาเถอะ พวกเ้าน่าจะรู้ดีว่า หากมีเื่ใดก็ไม่ควรปิดบังเปิ่นเฟย มิเช่นนั้นหากเกิดปัญหาขึ้นมา พวกเ้าย่อมรับผิดชอบไม่ไหว”
หวนเอ๋อร์ใจนหน้าเปลี่ยนสี “คือว่า ไม่กี่วันก่อนหม่อมฉันตั้งใจจะไปดูว่าทางฝั่งสวนตะวันตกนั้นมีดอกไม้บานบ้างหรือไม่ หากมีจะได้นำกลับมาวางประดับไว้ที่ห้องอบอุ่น ทว่า ตอนนั้นหม่อมฉันบังเอิญได้ยินคุณหนูสามหลินพูดกับสาวใช้ในจวนเรา เด็กคนนั้นเป็สาวใช้ที่ดูแลเื่อาหารการกินในห้องครัว หม่อมฉันไปที่ครัวทุกวันจึงจำเด็กคนนี้ได้เพคะ”
หวนเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึก นางเล่าต่อ “คุณหนูสามหลินไต่ถามเด็กคนนั้นเกี่ยวกับเื่กระยาหารของท่านอ๋อง หม่อมฉันคิดว่าเื่นี้ไม่ชอบมาพากล สองสามวันมานี้จึงให้คนคอยเฝ้าสังเกตคุณหนูสามอยู่ตลอดจนได้รู้ว่า เมื่อวานนี้นางให้คนไปถามที่ประตูเกี่ยวกับเื่เวลากลับจวนของท่านอ๋อง ทั้งยังมอบเงินให้พวกเขาอีกห้าสิบตำลึง เพื่อให้เร่งมาแจ้งนางหากท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทว่า คนเฝ้าประตูสนิทกันดีกับพวกเราพี่น้อง พอลับหลังจึงนำเื่นี้มาบอกหม่อมฉันพร้อมส่งมอบเงินห้าสิบตำลึงนั่นมาด้วย ท้ายที่สุดหม่อมฉันก็ตัดสินใจไปเอง ยกเงินจำนวนห้าสิบตำลึงนั้นให้เหล่าคนเฝ้าประตูเพคะ...”
พูดถึงตรงนี้ หวนเอ๋อร์ก็รีบคุกเข่าลง “พระชายา ขอพระองค์โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วยเพคะที่กระทำไปโดยพลการ”
อวิ๋นซีมองหวนเอ๋อร์ไปทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นเรียบๆ “หวนเอ๋อร์ ไม่มีการลงโทษใดๆ ทั้งนั้น สิ่งที่เ้าทำนับว่าถูกยิ่งแล้ว ในเมื่อเงินนั่นเป็ผู้อื่นมอบให้เป็รางวัล แน่นอนว่าย่อมต้องเป็ของพวกเขา เื่นี้เ้าทำได้ถูกต้องแล้ว”
ก่อนหน้านี้นางเองก็สงสัยมาตลอด เหตุใดนับแต่ที่หลินหลานซินมาถึงที่นี่จึงได้ไม่แสดงท่าทีอันใดออกมา ทว่า ดวงตาเฉลียวฉลาดคู่นั้นของอีกฝ่ายก็ไม่อาจหลอกลวงใครได้ ตอนนี้ดูแล้ว เป้าหมายของคนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็สามีของนางนี่เอง
หึหึ หนิงชินอ๋อง โอรสสายตรงของเสี้ยวเหวินตี้ผู้มีรูปลักษณ์หล่อเหลาและงดงามไม่ธรรมดา เขาเก่งกาจเื่ดึงดูดเหล่าแม่นางน้อยเป็ที่สุด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า เสน่ห์ของผู้ชายของนางจะมากล้นเพียงนี้ คนไม่ปล่อยไปแม้กระทั่งแม่นางน้อยที่อายุแค่สิบสามปี
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สายตาของอวิ๋นซีก็มีความเ็าวาบผ่าน นางไกวมือเป็สัญญาณให้สาวใช้ถอยออกไป และในตอนที่หวนเอ๋อร์ออกไปพร้อมปิดประตูลง อวิ๋นซีก็เอนกายลงไปบนตั่งกุ้ยเฟยอย่างเกียจคร้านพลางนึกถึงใบหน้างามพิลาสของหลินหลานซิน ไม่อาจไม่พูดได้ว่า ลูกสาวทั้งสามคนของจางเหวินเหมย คนที่คล้ายคนตระกูลจางที่สุดก็คือหลินหลานซินผู้นี้
คนอายุยังน้อย แต่กลับมีอุบายล้ำลึก ดูท่านางคงได้มาเพราะความพยายามของหลินหรงเว่ย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็หลินหรงเว่ยที่ถูกใจจวินเหยียนผู้จะมาเป็เขย หรือเป็หลินหลานซินเองที่ถูกตาต้องใจจวินเหยียน ถึงกระนั้นอวิ๋นซีก็คิดว่า ตอนนี้เจิ้นหนานอ๋องคงจะยังไม่ทราบเื่นี้กระมัง...
ตอนที่จวินเหยียนกลับมาถึงจวน อวิ๋นซีก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ นางสวมอาภรณ์สีเขียวอ่อน และเดินเปลือยเท้าไปบนพื้น ทันทีที่จวินเหยียนเห็นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “อาซี หนาว”
อวิ๋นซีไม่สนใจคำของจวินเหยียนแม้แต่น้อย นางทำเพียงมองเขาไปเรียบๆ ทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง พยายามเช็ดผมให้แห้ง หลายปีมานี้นางคุ้นชินกับการมีเขาช่วยเช็ดผมให้จนแห้งหลังจากที่นางสระผมในทุกๆ ครั้ง แต่วันนี้เป็เพราะรู้สึกโกรธอยู่เล็กน้อย จึงไม่อยากจะสนใจชายผู้นี้
จวินเหยียนรู้สึกได้ในทันทีว่า วันนี้สตรีนางนี้แปลกประหลาดไปจริงๆ เหมือนว่าเขาจะไม่ได้หาเื่อะไรนางเลยนะ แต่เหตุใดจึงต้องโกรธเช่นนี้?
จวินเหยียนถอนใจอย่างปลงๆ เขาเดินเข้าไปหาภรรยาด้วยคิดจะรับผ้ามาช่วยเช็ดผมให้ แต่ใครจะไปคิดว่า หนนี้ภรรยาจะหลบเลี่ยง เขานั่งลงข้างๆ เอ่ยถาม “อาซี หากข้าทำอะไรไม่ดี หรือทำให้เ้าโกรธเคือง ข้าต้องขออภัยด้วย เ้า อย่าได้โกรธข้าอีกเลย มันไม่ดีต่อร่างกาย”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินเสียงเว้าวอน ชั่วขณะนั้นนางก็ไม่อาจแสดงอาการอะไรได้อีก อย่างไรเสีย คนก็พูดถึงขั้นนี้แล้ว หากนางยังจะทำตัวโอหังให้เขาต้องลำบากใจอีก เป็สามีภรรยากันมาจนป่านนี้แล้วก็ไม่ใช่เื่แล้ว นางส่งผ้าให้จวินเหยียนอย่างไม่เต็มใจนัก แค่นเสียงเ็าพูดว่า “ไม่มีอะไร เช็ดผมให้แห้ง จะได้เข้านอน”
จวินเหยียนรู้ดีว่า ท่าทีเช่นนี้ของภรรยา คือความตั้งใจที่จะไม่บอกความในใจให้ตัวเขาได้รับรู้ ถึงแม้จะรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าภรรยาสำคัญกว่า
เขายิ้ม ก่อนจะบอกเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นที่ศาลาว่าการในวันนี้ให้อวิ๋นซีฟัง “ได้ยินมาว่า เมื่อคืนนี้ลู่เหวินเจิ้นดื่มจนเมามาย จากนั้นคนก็ล่วงรู้เื่ที่เขาชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง”
เดิมทีเื่เหล่านี้ไม่ควรนำกลับมาเล่าให้ภรรยาฟัง แต่เมื่อเห็นว่าภรรยากำลังกรุ่นโกรธ เขาก็คิดจะเล่าเื่สนุกๆ ให้นางฟังสักหน่อย และทุกสิ่งก็เป็จริงดังคาด อวิ๋นซีสนใจเื่ของคนตระกูลลู่เป็อย่างมาก “ท่านว่าอะไรนะ ลู่เหวินเจิ้นชอบผู้ชาย? ”
ด้วยเื่นี้ นางเพิ่งเคยได้ยินเป็ครั้งแรก “เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในหานโจวก็ไม่เคยเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น”
“อวี้จู๋บอกว่า ระหว่างทางมาเมืองหลวง คนได้บังเอิญพบกับบุรุษที่งดงามเสียยิ่งกว่าสตรี อีกฝ่ายเป็แค่คนจากตระกูลต่ำต้อย จึงถูกเขาบังคับเอาตัวไป ทว่าอย่างไรเื่นี้ก็กระทำอย่างลับๆ ขนาดหยวนอวี้จู๋ก็เพิ่งจะทราบเมื่อเร็วๆ นี้เอง นี่ไง พอนางรู้เข้าจึงได้กระจายเื่นี้ออกไป”
อวิ๋นซีหัวเราะหึหึ “หยวนอวี้จู๋คงจะเกลียดคนตระกูลลู่เข้ากระดูกดำแล้วกระมัง นางไม่มีทางปล่อยโอกาสดีๆ ที่จะได้แก้แค้นตระกูลลู่ไปหรอก เพียงแต่เื่ในครั้งนี้ นางก็มุทะลุเกินไป” นางขบคิดอยู่ในใจ ไม่ว่าอย่างไรคงต้องหาเวลาเรียกหยวนอวี้จู๋ออกมาคุยกันสักหน่อยแล้ว
“เ้า ไม่โกรธแล้ว? ” จวินเหยียนเห็นนางยิ้มขึ้นมาได้ก็เขยิบเข้าใกล้ เขาถามยิ้มๆ