ไป๋หานนั้น นอกจากจะดำรงตำแหน่งรองเ้าสำนักแล้ว นางยังเป็ศิษย์ของเว่ยฉีหรานอีกด้วย ดังนั้น หากนางต้องมาตายที่เมืองเย่ละก็... ไม่อยากนึกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
หัวหน้าสังกัดเฟินวางร่างชุ่มเหงื่อของไป๋หานลง ก่อนหันไปถามหนีเจียเอ๋อร์ “อาหนี ในเมื่อเ้ารู้ว่าพวกเขาถูกพิษ แล้วพอจะมีวิธีรักษาบ้างหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า “ข้าจะพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ตอนนี้เราต้องถอดเสื้อของนางออกก่อน”
หัวหน้าสังกัดเฟินรีบยื่นมือออกมาขวาง ก่อนถามเสียงเข้ม “เ้าคิดจะทำอะไรน่ะ!”
หนีเจียเอ๋อร์จึงตอบ “ข้าจะทำความสะอาดาแให้นางขอรับ”
พูดจบ ก็ลงมือฉีกเสื้อของไป๋หานทันที เผยให้เห็นไหล่มนเนียนสวย จากนั้นก็หันไปชำเลืองดูศิษย์ชายทั้งหลาย ที่กำลังลอบมองผิวใต้ร่มผ้าของรองเ้าสำนักด้วยสายตาเ็า
“ท่านหัวหน้าสังกัด หากมีคนจ้องมากขนาดนี้ ข้าอาจจะประหม่าได้ ให้พวกเขาออกไปก่อนได้หรือไม่ขอรับ?”
หัวหน้าสังกัดเฟินได้สติกลับมาอีกครั้ง เขากวาดตามองรอบๆ แล้วลุกขึ้นไล่คนอื่นๆ ออกไป เหลือเพียงโจวชิงหวาที่ต้องล้างพิษเอาไว้
จากนั้นก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ ก่อนเดินจากไปเป็คนสุดท้าย
ทันทีที่ประตูปิดลง หนีเจียเอ๋อร์ก็ผละจากร่างไป๋หาน แล้วรีบมารักษาให้โจวชิงหวาก่อน
“เรียบร้อยแล้ว แค่พักฟื้นสักสองสามวันก็จะดีขึ้น”
โจวชิงหวาล้มตัวลงนอน ใบหน้าของเขายังคงเปื้อนยิ้ม หนีเจียเอ๋อร์จึงทำหน้านิ่ว...
ไม่เจ็บหรอกหรือ?
“โอ๊ย...!” โจวชิงหวากัดฟันกรอด “นี่เ้าจะสังหารข้าหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์ชะงักมือ แล้วทำทีเป็ขอโทษขอโพยยกใหญ่ “ขอโทษ ข้าเห็นเ้าเอาแต่ยิ้ม ก็นึกว่าเ้าจะไม่เจ็บเสียอีก!”
โจวชิงหวาปรายตามอง... เห็นแก่ที่เป็ห่วง ครั้งนี้จะยอมยกโทษให้ก็แล้วกัน!
หลังจากล้างพิษและรักษาาแเบื้องต้นแล้ว คนเจ็บทั้งสองก็ถูกนำตัวขึ้นรถม้า พากลับมายังสำนักฝูเซิงทันที
แม้จะเป็แค่การปฐมพยายามเบื้องต้น แต่ก็ช่วยให้ผู้าเ็ทั้งสองพ้นขีดอันตรายมาได้
...
อีกด้านหนึ่ง
หนีเจียเอ๋อร์หันไปมองบรรดาทหารของหม่าจวิ้นโส่วที่กำลังหมดหวัง ได้แต่นั่งรอความตายเพราะไม่ได้รับยาถอนพิษอย่างสงสาร ด้วยจิติญญาของแพทย์ที่มีอยู่น้อยนิด นางจึงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ เพื่อช่วยล้างพิษให้พวกเขา
เมื่อช่วยจนครบหมดทุกคนแล้ว นางก็ได้รับคำขอบคุณพร้อมคำสาบานจากเหล่าทหาร ว่าในอนาคตหากมีโอกาส พวกเขาจะตอบแทนบุญคุณนี้อย่างแน่นอน
หนีเจียเอ๋อร์จึงผงกศีรษะให้
...
เสร็จเื่แล้ว นางก็ลากสังขารที่อ่อนแรงของตนกลับมายังสำนัก
เมื่อมาถึง จึงทราบว่าไป๋หานได้สติแล้ว และ้าพบตนกับโจวชิงหวา
“ไป๋หาน ขอขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยชีวิต” ไป๋หานค้อมกายคำนับ “เพื่อเป็การตอบแทน ข้าจะมอบเงินห้าร้อยตำลึงให้แก่พวกท่านทั้งสอง”
หนีเจียเอ๋อร์คารวะตอบ “การช่วยชีวิตท่านรองเ้าสำนัก ถือเป็หน้าที่ของข้า ได้รับใช้ท่าน ก็นับว่าเป็เกียรติของข้าน้อยแล้ว ส่วนรางวัลเ่าั้ หาใช่ของจำเป็แต่อย่างใด”
โจวชิงหวาจึงเสริมว่า “อาหวาเองก็เต็มใจรับใช้ท่านรองเ้าสำนัก จนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่ขอรับ!”
ใช่แล้ว… ได้อยู่ข้างกายนาง ย่อมมีค่ามากกว่าห้าร้อยตำลึง!
ไป๋หานขมวดคิ้วแน่น แต่มิได้ตอบรับ
ทว่า หัวหน้าสังกัดเฟินกลับเอ่ยปากเหน็บแนม “เพิ่งเข้ามาเป็คนของสำนักฝูเซิงได้ไม่กี่วัน ก็คิดจะไต่เต้าขึ้นไปเสียแล้ว อาศัยความดีที่ช่วยท่านรองเ้าสำนักเพียงครั้งเดียวนี่น่ะหรือ? ฮึ่ม… ในฐานะสาวกของสำนักฝูเซิง นี่คือหน้าที่ของเ้า! อย่าบังอาจยกความดีความชอบมาอ้าง หวังจะก้าวพรวดเดียวแตะถึงฟ้า[1]หรือ? ช่างกล้านัก!”
โจวชิงหวาและหนีเจียเอ๋อร์ก้มหน้างุด ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก
แต่ไป๋หานกลับไม่คิดเช่นนั้น นางชื่นชมความกล้าเช่นนี้ และที่น่าสนใจยิ่งกว่า ก็คือวิชาแพทย์ของหนีเจียเอ๋อร์ ดังนั้นนางจึงพูดขึ้นว่า “ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป พวกเ้าทั้งสองมาติดตามข้า เสร็จเื่หม่าจวิ้นโส่วแล้ว ก็เตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวงไปพร้อมข้าก็แล้วกัน”
หนีเจียเอ๋อร์และโจวชิงหวาลอบมองหน้ากัน ก่อนยกยิ้มกว้าง
“ขอบพระคุณท่านรองเ้าสำนัก พวกเราจะภักดีต่อท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่!”
แม้แต่หัวหน้าสังกัดเฟินเองก็ยังคาดไม่ถึง ว่าพวกเขาจะเลื่อนขั้นได้อย่างก้าวะโเช่นนี้
เพราะตัวเขาเองกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ใช้เวลานานนับสิบปี แต่เ้าสองคนนี้กลับใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น...
ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วสำนักอย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มคนที่เคยรังแกหนีเจียเอ๋อร์เริ่มหวาดหวั่น เกรงว่าอีกฝ่ายจะกลับมาเอาคืน
โดยเฉพาะบุรุษผิวคล้ำ ที่คิดว่าพวกนางช่างเ้าเล่ห์เหลือเกิน กล้าทวงบุญคุณกับรองเ้าสำนัก เพื่อให้ตัวเองกลายมาเป็คนของสำนักฝูเซิงอย่างเต็มตัว
ส่วนหนีเจียเอ๋อร์กลับไม่คิดจะใส่ใจ “หากใช้ความดีตอบแทนความแค้น เช่นนั้นแล้ว ข้าควรจะตอบแทนท่านอย่างไรดีล่ะ?”
ชายผิวคล้ำย่นคิ้วเข้าหากัน “อาหนี เ้ากำลังพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ?”
โจวชิงหวาที่ได้ยินบทสนทนา พลันเอ่ยแทรกขึ้นมาว่า “ก็หมายความว่า ทั้งหมดทั้งมวลที่เ้าเคยทำกับเขา จะต้องได้รับการตอบแทนอย่างไรเล่า!”
เมื่อได้ยินคำอธิบาย ก็เผลอนึกย้อนไปถึงตอนที่ตนรังแกอาหนี บุรุษผิวคล้ำยิ้มเจื่อนๆ ก่อนหันหลังหนีไปที่ประตู หนีเจียเอ๋อร์หันไปมองโจวชิงหวา พบว่ายามนี้ แววตาของเขาช่างเยือกเย็นนัก...
“ธุระของเรายังไม่จบ”
ปัง!
โจวชิงหวาสะบัดมือ ซัดลมปราณปิดประตูตัดหน้าทันที
หนีเจียเอ๋อร์จึงกล่าว “ช้าก่อน...”
ชายผิวคล้ำหันกลับมาทิ้งตัวลงคุกเข่า ก่อนยกมือทั้งสองขึ้นมาตบหน้าตัวเองสองสามครั้ง แต่ก็แรงพอที่จะทำให้ใบหน้าของเขาถึงกับบวมช้ำขึ้นมา
เขาลงมืออย่างรวดเร็ว จนโจวชิงหวากับหนีเจียเอ๋อร์ห้ามไม่ทัน...
คนผู้นั้นนั่งโงนเงนไปมา บนใบหน้ามีบางจุดที่ปริแตกจนได้เื
หนีเจียเอ๋อร์ถอนหายใจ “ข้าแค่จะบอกให้ท่านเอาเหล้ากลับไปด้วย แล้วท่านจะตบหน้าตัวเองทำไมกันขอรับ?”
ซือซือหรานทำหน้างงงัน มองโจวชิงหวาที่กำลังหัวเราะเยาะตน ก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้
เขาถึงกับมุมปากกระตุก รู้ตัวว่า บัดนี้ตนคงไม่ต่างอันใดกับตัวตลกในสายตาของคนทั้งสอง ใบหน้าของบุรุษผิวคล้ำแดงก่ำด้วยความเขินอายและเสียหน้า แต่กระนั้น ก็ยังรับสุราที่หนีเจียเอ๋อร์ส่งมาให้แต่โดยดี
หนีเจียเอ๋อร์โบกพัดในมือ “เห็นแก่ความจริงใจที่ท่านมีให้พวกเรา และเพื่อเป็การขอโทษที่ข้าทำให้ท่านขายหน้าไปเมื่อครู่ ท่านนำเหล้าที่เหลืออยู่ไปได้เลยขอรับ”
------------------------------------------
[1] ก้าวพรวดเดียวแตะถึงฟ้า (一步登天: อี๋ปู้เติ้งเทียน) เป็คำเปรียบเปรย หมายถึง การบรรลุผลสำเร็จได้ในเวลาสั้นๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้