“นี่ ทำไมเ้าไม่พูดเล่า หรือว่ามีคนรังแกเ้า?”
ชุยเยี่ยนพูดอยู่คนเดียวเป็นานสองนาน เฉิงชิงไม่ได้ตอบกลับเลยสักคำ ทั้งสองอยู่ห่างกันหนึ่งจั้ง เขาเห็นเฉิงชิงดูเหมือนจะผอมลงนิดหน่อย
เ้าตัวน้อยที่น่าสงสาร แค่มองก็รู้สึกปวดใจแล้ว
เ้าเมืองอวี๋ต้องใช้อำนาจส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเป็แน่!
ไม่ต้องทำอะไรให้ชัดเจน ให้เ้าหน้าที่วนเวียนอยู่นอกบ้านทุกวัน การกระทำที่แสดงออกมาก็ล้วนทำให้ครอบครัวเฉิงชิงใกลัวได้แล้ว
เฉิงชิงไม่รู้ว่าชุยเยี่ยนโยนความผิดไปให้เ้าเมืองอวี๋แล้ว
“แค่นี้ก็พอใช้แล้ว ทั้งครอบครัวพวกเราล้วนสามารถใช้ได้ ขอบคุณเ้านะชุยเยี่ยน!”
เฉิงชิงเอ่ยขอบคุณอย่างจริงจัง ชุยเยี่ยนกลับรู้สึกเคอะเขินขึ้นมา
“ก็มีค่าแค่ไม่กี่ตำลึงเงิน”
เ้าหน้าที่ปีแอมไอเตือนหลานครั้ง ชุยเยี่ยนจึงกระแอมบ้าง
“เฉิงชิง เหล่าอาจารย์ฝากคำพูดมาที่ข้า ให้เ้าอย่าได้เกียจคร้านการเรียน ราชสำนักย่อมสามารถตรวจสอบจนกระจ่างและคืนความบริสุทธิ์ให้ท่านลุงเฉิง เหล่าสหายร่วมเรียนก็คิดถึงเ้ามาก ทุกคนรอให้เ้ารีบกลับไปยังสถานศึกษาเร็วๆ หลังปีใหม่พวกเรายังต้องไปเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอด้วยกันนะ!”
“ได้!”
เฉิงชิงเองก็รู้สึกว่าตนเองสามารถเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอได้ นางมีความเชื่อมั่นอยู่เต็มเปี่ยม ทว่าชุยเยี่ยนหดหู่เล็กน้อย
เขาเอ่ยวาจามากมาย เฉิงชิงกล่าวคำเดียวก็ส่งเขากลับแล้ว
พูดมากอีกสักหน่อยก็ได้น่า ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบหน้ากันสักครั้ง
เ้าพนักงานเร่งให้เขารีบไป ชุยเยี่ยนหันศีรษะกลับไปเอ่ยเตือน “อย่าลืมทายาเล่า ปีนี้หากเ้ารักษาไม่ดีจนเป็ต้นตอของโรค ปีต่อๆ ไปก็จะยิ่งกำเริบ ทรมานคนนัก!”
เฉิงชิงไม่เพียงเกิดมามีดวงตาที่ดูดี มือก็ยังไม่เลวด้วย
ผิวพรรณบนมือขาวนวลยิ่งกว่าใบหน้า เพราะอาการหิมะกัดจึงยิ่งบวมแดง มองแล้วขัดั์ตายิ่งนัก
พอชุยเยี่ยนบ่น เฉิงชิงก็อดไม่ไหวต้องหัวเราะออกมา
เหล่าเ้าหน้าที่มองนางราวกับมองคนโง่ ในสถานการณ์เช่นนี้ยังหัวเราะได้อีกหรือ?
เฉิงชิงไม่สนใจแววตาเ่าั้
สิ่งของมากมายก่ายกองที่ชุยเยี่ยนมอบให้เป็สิ่งของที่ครอบครัวนางสามารถใช้ได้จริง
ทั้งนางหลี่และชุยเยี่ยนล้วนส่งถ่านกลางหิมะ[1] เป็ไมตรีที่นางย่อมต้องจดจำเอาไว้
นางนึกว่านอกจากนางหลี่และชุยเยี่ยนก็จะไม่มีผู้ใดแล้ว ใครจะรู้ว่าวันต่อมา เศรษฐีเฒ่าเหอจะให้คนรับใช้ที่บ้านส่งสิ่งของมาตะกร้าหนึ่ง เป็ไก่แห้งและปลาแห้ง ยังมีเนื้อหมูหมักเกลือครึ่งตัว
นางหลิ่วพลิกไปพลิกมาดูอย่างประหลาดใจ “มีของเหล่านี้ ครอบครัวเราแม้แต่ของสำหรับปีใหม่ก็ไม่ต้องซื้อแล้ว!”
สถานการณ์ในยามนี้ยังไม่รู้ว่าวันใดจะยกเลิกการกักบริเวณ ทั้งยังไม่อาจไปซื้อของสำหรับปีใหม่ได้ พวกนางทั้งครอบครัวอาจไม่สามารถออกไปได้ใน่เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ มีสิ่งของที่ทั้งสามบ้านส่งมาให้ก็ไม่ต้องกังวลเื่อาหารการกินไปหนึ่งเดือนแล้ว
นางหลิ่วเป็ผู้ที่พึงพอใจอย่างง่ายดาย มีความปรารถนาดีทั้งสามนี้ นางก็รู้สึกว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนดีอยู่มากมาย คาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมต่อผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่ที่จะมาสืบสวนคดี ยืนกรานที่จะเชื่อมั่นว่าศาลต้าหลี่จะสามารถชำระล้างมลทินให้เฉิงจือหย่วนได้
เฉิงชิงไม่เคยเอ่ยถึงการแลกเปลี่ยนกับเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ นางไม่เชื่อว่าเื่ราวจะใกล้สำเร็จลุล่วงแล้ว ยังคงต้องรับมือกับผู้ที่ศาลต้าหลี่ส่งมาอย่างระมัดระวัง
นางอยู่ที่บ้านทบทวนตำราไปพลาง รอผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่มาถึงหนานอี๋ไปพลาง
การรอคอยนี้ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงวันที่ยี่สิบเดือนสิบสองแล้ว บรรยากาศเฉลิมฉลองปีใหม่ของอำเภอหนานอี๋ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นทุกที ภายในร้านรวงขายของสำหรับปีใหม่มีผู้คนเข้าออกทุกวัน ธุรกิจร้านขายผ้าขายผลไม้เหล่านี้ล้วนดีมาก
ตรอกหยางหลิ่วเงียบเหงากว่าพื้นที่อื่นภายในอำเภอ เนื่องด้วยการป้องกันของเ้าหน้าที่พกดาบด้านนอกประตูบ้านครอบครัวเฉิงชิงเ่าั้ไม่ได้น้อยลงเลย จำนวนคนกลับเพิ่มขึ้น การจับตามองทั้งครอบครัวเฉิงชิงของเ้าเมืองอวี๋เข้มงวดยิ่งขึ้น
ผู้ใดคิดจะส่งสิ่งของให้ครอบครัวเฉิงชิงล้วนไม่ได้ทั้งนั้น หากขาดเหลือของกินและเสื้อผ้าก็สามารถให้เ้าหน้าที่ไปซื้อให้แทนได้ คนนอกไร้หนทางที่จะติดต่อกับคนทั้งห้าในครอบครัวเฉิงชิง
บุตรสาวคนโตยกแขนที่ปวดเมื่อยจากการเย็บปัก ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
“ไม่รู้ว่ายามใดผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่จะมา หากพวกเขาไม่มาสักที เช่นนั้นพวกเราก็จะถูกกักบริเวณตลอดเลยหรือ? ยังดีที่อยู่กันทั้งครอบครัว หากถูกขังเดี่ยว ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับคนนอก ผ่านไปไม่กี่วันก็คงเสียสติแน่”
เฉิงชิงเองก็คัดอักษรจนปวดข้อมือเช่นกัน เมื่อถูกขังและไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับคนนอก นางและพี่สาวทั้งสามก็พากันออกกำลังกายที่ลานกลางบ้าน ถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดเห็น
เมื่อเริ่มต้นพี่สาวทั้งสามไม่ยอมที่จะออกกำลังกายกับนาง เฉิงชิงจึงะโโหยงเหยงด้วยตนเอง พี่สาวทั้งสามจึงค่อยๆ คลายความถือตัวด้วยเช่นกัน
เฉิงชิงให้เหล่าพี่สาวออกกำลังกายต่อไปพลาง เอ่ยตอบบุตรสาวคนโตไปพลาง
“ผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่คงจะมาถึงนานแล้ว ใต้เท้าอวี๋เป็เ้าเมืองเซวียนตู ถึงอย่างไรก็ต้องไว้หน้าตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ ดังนั้นเมื่อเริ่มแรกพวกท่านย่าและชุยเยี่ยนจึงสามารถส่งสิ่งของเข้ามาได้ นั่นเพราะใต้เท้าอวี๋ทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น ต่อมาที่ไม่อนุญาตให้ภายนอกส่งแม้กระทั่งเข็มสักเล่มด้ายสักเส้นเข้ามา ข้าเดาว่าเป็เพราะผู้ตรวจการพิเศษมาถึงหนานอี๋แล้ว ใต้เท้าอวี๋จึงต้องสงวนท่าทีต่อผู้ตรวจการพิเศษ”
อะไรนะ ผู้ตรวจการพิเศษมาถึงนานแล้ว!
“เช่นนั้นเหตุใดจึงยังไม่เริ่มตรวจสอบเล่า?”
ไม่ใช่ว่าครอบครัวพวกนางควรถูกเรียกไปสอบปากคำเพื่อตรวจสอบหรือ ความสงสัยของบุตรสาวคนโตเขียนอยู่บนใบหน้า
เฉิงชิงสะบัดข้อมือ “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าผู้ตรวจการพิเศษยังไม่ได้เริ่มตรวจสอบ?”
สถานการณ์ที่ต้องตรวจสอบก็ตรวจสอบไปเยอะแล้ว สุดท้ายจึงวนมาถึงการสอบปากคำของภรรยาและบุตร
อีกฝ่ายคงจะรู้สึกว่ายิ่งขังครอบครัวเฉิงชิงไว้นานเท่าไร พวกนางก็จะยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น ครอบครัวที่มีแต่สตรีและเด็กหนุ่มครึ่งตัว พอสภาพจิตใจแตกสลายแล้วค่อยแบกเอาตัวคนมาสอบถาม ย่อมสารภาพออกมาหมดแน่
น่าเสียดายที่เฉิงชิงไม่กลัว
มีนางดูแลคนทั้งครอบครัว นางไม่ยอมให้ใครแตกสลายก่อนทั้งนั้น
ถึงอย่างไรนางก็ล้วนอธิบายถึงสิ่งต่างๆ ในทางที่ดี นางหลิ่วที่มีความหวังเต็มอกเฝ้ารอให้ผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่มาคืนความยุติธรรม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่หลั่งน้ำตาแล้ว บรรยากาศภายในครอบครัวไม่เศร้าโศกเลยสักนิด!
เฉิงชิงเดาไม่ผิด คนของศาลต้าหลี่มาถึงหนานอี๋ได้หลายวันแล้ว
ผู้นำคือมือปราบหลิวแห่งศาลต้าหลี่
‘มือปราบ’ ก็คือขุนนางที่สอบสวนคดีโดยตรง มีบางครั้งที่จะออกไปนอกพื้นที่เพื่อสืบคดี
้าศีรษะ ‘มือปราบ’ ยังมีตำแหน่งขุนนางต่างๆ เช่น เลขาธิการศาลต้าหลี่และรองตุลาการ เป็ต้น ผู้ที่ทำงานในกรมนี้เรียกว่าตุลาการศาลต้าหลี่ ศาลต้าหลี่นี้เทียบเท่ากับศาลประชาชนสูงสุดก่อนหน้าที่นางจะทะลุมิติมากระมัง
มือปราบเป็แค่ขุนนางขั้นหก เทียบกันแล้วยังต่ำกว่าเ้าเมืองอวี๋อยู่สองขั้น แต่คนเขาแบกรับพระราชโองการของฮ่องเต้มา ทั้งยังเป็ขุนนางเมืองหลวง เ้าเมืองอวี๋จึงให้ความร่วมมือกับอีกฝ่ายเป็อย่างดี
เฉิงจือหย่วนเป็นายอำเภอขั้นเจ็ด ยามมีชีวิตอยู่โอรส์อาจจะไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของเขา หลังจากตายไปแล้วชื่อจึงได้ยินถึงพระกรรณ
เป็เพราะคนผู้นี้ บรรดาขุนนางใหญ่ในท้องพระโรงจึงมีปากเสียงกันคอเป็เอ็น คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก
บรรดาขุนนางใหญ่ไม่ได้โต้เถียงกันเพราะการตายของนายอำเภอตัวเล็กๆ ขั้นเจ็ด พวกเขาร้องขอให้โอรส์ตรวจสอบอย่างถ่องแท้เพราะ้าคำอธิบายต่อราษฎรที่ประสบภัยพิบัติของเมืองเหอไถ
คดีนี้เริ่มแรกเป็กรมตุลาการเป็ผู้สืบ เมื่อกรมตุลาการตรวจสอบจนถึงจวนเยี่ยอ๋องก็ไม่กล้าจะตรวจสอบต่อ ทั้งยังเตะลูกหนังนี้ให้แก่ศาลต้าหลี่
ศาลต้าหลี่รับเผือกร้อนลวกมือ[2]นี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีจึงได้แต่เลื่อน เลื่อนไปจนกระทั่งโอรส์มีจุดยืนที่แน่ชัด
จนกระทั่งเยี่ยอ๋องซื่อจื่อถวายฎีกาต่อโอรส์เพื่อแก้ตัวให้กับจวนเยี่ยอ๋อง ขอร้องให้โอรส์เปิดโปงแมลงร้ายออกมา จวนเยี่ยอ๋องจงรักภักดีต่อฝ่าา พิทักษ์ชาติ ไม่ยินยอมที่จะแบกรับมลทินนี้!
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อถูกโอรส์รับเข้าวังมาเลี้ยงดูั้แ่อายุห้าปี องค์ชายธรรมดาก็ไม่ได้รับความโปรดปรานอย่างที่เขาได้รับ ยิ่งเพิ่มร่างกายที่เจ็บออดๆ แอดๆ เข้าไปด้วย นอกจากฝ่ายตรวจการผู้ซื่อตรงที่หัวแข็งที่สุดแล้ว ผู้ใดก็ไม่กล้าจะไปยั่วยุเขาโดยไม่ยั้งคิด
ถึงอย่างไรเยี่ยอ๋องซื่อจื่อยังไม่ทันได้หอบก็สามารถพาตนเองมายังพระที่นั่งจินหลวนได้อย่างง่ายดาย ผู้ใดโต้เถียงกับเขา ผู้นั้นก็ต้องไปแบกรับความรับผิดชอบนี้!
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อกล่าวว่าเขาเป็ห่วงชื่อเสียงของบิดา ตกกลางคืนมิอาจข่มตาหลับได้ โอรส์รักและทะนุถนอมซื่อจื่อ จึงรับสั่งให้ตรวจสอบคดีนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง
จึงเป็เหตุผลที่ทำให้มือปราบหลิวต้องเร่งมายังอำเภอหนานอี๋ก่อนสิ้นปี
โอรส์รักและทะนุถนอมเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ แต่ไม่มีผู้ใดที่รักและทะนุถนอมขุนนางขั้นต่ำตัวเล็กๆ เช่นมือปราบหลิว หลังจากเดินทางรอนแรมมาถึงยังอำเภอหนานอี๋ ยังไม่ทันได้พักและจัดการสิ่งต่างๆ ก็เริ่มสืบคดีทันที
บุตรสาวคนโตแปลกใจว่าเหตุใดจึงไม่มาหาพวกนางเพื่อสอบปากคำ
ที่จริงแล้วจำเป็ที่ไหนกัน
ครอบครัวเฉิงชิงถูกตรวจสอบทุกซอกทุกมุมแล้ว ในสายตาของมือปราบหลิว ไม่มีความลับอันใดที่หลบซ่อนจากเขาได้!
[1] ส่งถ่านกลางหิมะ หมายถึง ช่วยเหลือยามยากลำบาก
[2] เผือกร้อนลวกมือ หมายถึง เื่ราวที่รับมือยากหรือปัญหาที่แก้ไขยาก
