ลมปราณน้ำแข็งที่ทรงพลังเริ่มแพร่กระจายไปรอบๆ ความหนาวเย็นของมันประหนึ่งมาจากนรกและแทรกซึมไปถึงกระดูก
เวิ่นอ้าวเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างหลินเฟิงพลันตัวแข็งขึ้นมา ขณะที่หัวใจเริ่มเต้นแรง ก่อนจะหันไปมองหลินเฟิงด้วยสายตาตื่นใ
“หนาว!!!”
ดวงตาที่งดงามของเวิ่นอ้าวเสวี่ยเป็ประกายแปลกๆ ขึ้นมา ขณะที่จ้องหน้าหลินเฟิง ทำไมจู่ๆ หลินเฟิงถึงปลดปล่อยลมปราณน้ำแข็งออกมา?
ไม่เพียงแค่เวิ่นอ้าวเสวี่ยเท่านั้นที่แปลกใจ แม้แต่หลิ่วเฟย จิ้งหยุน ต้วนเฟิง และหยวนซาน พวกเขาต่างรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นที่หลินเฟิงปลดปล่อยออกมา ร่างกายของพวกเขาราวกับถูกแช่แข็งและขยับตัวยากลำบาก ดวงตาของพวกเขาล้วนจับจ้องไปที่หลินเฟิง
มีเพียงจิ้งหยุนเท่านั้นที่มองหลินเฟิงเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะหันไปมองอสูรหานที่คลานออกมา
อสูรตรงหน้าเป็มนุษย์ที่ถูกทำให้กลายเป็สัตว์เดรัจฉาน เขาถูกล่ามโซ่ไว้ที่แขนและขา มิหนำซ้ำบนใบหน้าของเขายังมีตราประทับของทาส และมีตัวอักษรคำว่า ‘หาน’ อยู่ด้วย!
ยิ่งเพ่งมองจิ้งหยุนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้านั้น
ทันใดนั้น ภาพของชายรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่ง เรียบง่ายและซื่อสัตย์ ก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของนาง แต่ทว่าคนในความคิดของนางกับอสูรหานตรงหน้าช่างแตกต่างกันเหลือเกิน!!!
“หานหมาน!”
จิ้งหยุนกล่าวออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในตอนแรกนางคิดว่าตัวเองเข้าใจผิด และไม่อยากเชื่อว่าสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าคือหานหมาน!!!
แต่เมื่อเห็นท่าทีเ็าของหลินเฟิงแล้ว จิ้งหยุนก็รู้ว่านางคิดไม่ผิด ทาสที่ถูกกระทำเหมือนเดรัจฉานคนนั้นก็คือหานหมาน สหายของนาง!!!
จิ้งหยุนกัดฟันแน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ไอ้สารเลวพวกนั้น ทำกับหานหมานแบบนี้!!!
“หืม???”
เวิ่นอ้าวเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของจิ้งหยุน เขาหันไปมองนาง ก่อนจะพบสีหน้าเคียดแค้นของจิ้งหยุน ท่าทางของจิ้งหยุนและปฏิกิริยาของหลินเฟิงทำให้ดวงตาของเวิ่นอ้าวเสวี่ยฉายแววแปลกใจขึ้นมา
“เ้าและหลินเฟิงรู้จักเขาเหรอ?”
เวิ่นอ้าวเสวี่ยถามจิ้งหยุน
จิ้งหยุนพยักหน้าขณะที่กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น “ใช่ เขาเป็สหายของพวกเรา!!!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็พลันตัวแข็งทื่อขึ้นมา มิน่าล่ะ... หลินเฟิงถึงโมโหจนปลดปล่อยลมปราณที่หนาวเย็นเช่นนี้ออกมา
ที่แท้ทาสคนนั้นก็คือสหายของหลินเฟิง!
“ฮ่าๆ ข้าบอกแล้วสายทหารมีแต่พวกที่น่าสมเพช มีสหายเป็ทาสเนี่ยนะ?! คนชั้นต่ำก็ยังคงเป็คนชั้นต่ำอยู่วันยังค่ำ...”
เหล่าศิษย์สายขุนนางที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิงรู้สึกได้ถึงลมปราณที่เย็นเยือกและได้ยินสิ่งที่จิ้งหยุนพูด ก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆ สหายของพวกมันเป็ทาส! ดูสิ มีคนขี่ออกมาเหมือนสัตว์เลย!”
ชายในเสื้อคลุมสีเหลืองกล่าวเสียดสีขึ้นมา
หลินเฟิงกวาดสายตาหันไปมองด้านหลังช้าๆ แล้วไปหยุดที่ร่างของชายในชุดสีเหลือง
เมื่อสบสายตาที่เ็าของหลินเฟิง ชายที่สวมชุดสีเหลืองก็พลันตัวสั่นขึ้นมา ในใจของเขารู้สึกเย็นเยียบและหวาดกลัว
“สายตานั่นมันอะไรกัน?! ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!!!”
ดวงตาของหลินเฟิงกลายเป็สีเทาดูเ็า เต็มไปด้วยจิตสังหารและไร้ซึ่งความปรานี
“คนชั้นต่ำ!”
ชายหนุ่มชุดเหลืองกัดฟันพูดออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะถูกสายตาที่น่ากลัวของหลินเฟิงทำให้ใ แต่เขาไม่ยอมแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้ใจหรอก!!!
“ตูม!!!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงะเิก็ดังสนั่นขึ้นมา ทำเอาหัวใจของชายปากดีเมื่อครู่แทบกระดอนออกจากอก มิหนำซ้ำเหงื่อยังไหลออกมาจนชุ่มหลัง เมื่อเห็นหลินเฟิงบดขยี้ที่นั่งของตัวเองด้วยการทุบเพียงครั้งเดียว ที่นั่งหินถูกทำลายลงในพริบตากลายเป็เศษหินปลิวกระเด็นอยู่บนพื้น ในตอนนั้นเองหลินเฟิงก็ก้าวเท้าเข้ามาหา
“ตูม!!!”
เสียงะเิดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเศษหินที่ปลิวว่อนไปทั่วและกลุ่มควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ หัวใจของชายชุดเหลืองแทบหยุดเต้นไปจังหวะหนึ่ง
ตอนนี้เองหลินเฟิงก็เดินมาหยุดอยู่หน้าชายชุดเหลือง และยื่นมือออกไปจับที่คอของเขาอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นชายในชุดเหลืองคล้ายกับจำวิธีหลบไม่ได้ คอของเขาถูกหลินเฟิงบีบเอาไว้ แล้วยกร่างของเขาขึ้นมาช้าๆ ทำให้เขาหายใจไม่สะดวก
“ตูม!!!”
หลินเฟิงยกร่างของชายคนนี้ขึ้นมาก่อนจะทุ่มลงไปที่เก้าอี้หินอย่างไม่ลังเล เสียงร้องโหยหวนดังลั่น เมื่อร่างของเขาชนเข้ากับเก้าอี้หินจนแตกกระจาย และกระแทกลงที่พื้น จากนั้นหลินเฟิงก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาเหยียบที่ใบหน้าของเขา แล้วขยี้เท้าลงบนแก้มอย่างรุนแรง
เื่ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกและยืนนิ่งอยู่กับที่ รวมไปถึงศิษย์สายขุนนางที่มากับชายชุดเหลือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาตะลึงจนพูดไม่ออก นอกจากนี้ลมปราณอันหนาวเย็นที่แพร่กระจายออกมาจากร่างของหลินเฟิง ก็ทำให้พวกเขาลืมเข้าไปช่วยชายชุดเหลือง หรือไม่กล้าเข้าไปช่วยมากกว่า!!!
“ถ้าเ้ากล้าพูดแบบนั้นอีกครั้ง ข้าจะสังหารเ้าซะ!!!”
หลินเฟิงก้มหน้าลงไปพูดกับชายชุดเหลืองที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
ชายหนุ่มในชุดเหลืองได้แต่กระอักเืออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างใ ขณะเดียวกันเขาก็ยังเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน…
“ตอนนี้คนที่ถูกเหยียบหน้าอย่างเ้า มันต่างกับทาสที่เ้าดูถูกตรงไหน?!”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็าแล้วยกเท้าขึ้นมา ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปสนใจคนอย่างมัน หลินเฟิงมุ่งหน้าไปยังลานประลองเชลย ทุกย่างก้าวของเขาล้วนก่อให้เกิดลมปราณรุนแรงขึ้น
ทุกสายตาจับจ้องไปที่หลินเฟิง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเฟิงถึงปลดปล่อยลมปราณที่รุนแรงเช่นนี้ออกมา?!
โดยเฉพาะคนที่อยู่รอบๆ หลินเฟิง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นสายตาที่น่ากลัวของหลินเฟิง คนคนนี้เป็ใครกัน?
ในลานประลองเชลย ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ชายชราคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันไปมองหลินเฟิงอย่างแปลกใจ ยิ่งหลินเฟิงเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไร ความหนาวเย็นที่น่ากลัวนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น
ไป๋เจ๋อเองก็ตกตะลึงเป็อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นกับชายชุดเหลือง หัวใจของเขาเต้นโครมครามไม่หยุด คนคนนี้บ้าไปแล้ว!
เมื่อพั่วจวินเห็นหลินเฟิงกำลังเดินตรงมาทางนี้ทีละก้าวๆ ด้วยท่าทางโกรธแค้น หัวใจของเขาก็พลันสั่นไหวขึ้นมา
หลินเฟิง! นั่นเป็หลินเฟิงจริงๆ ด้วย!!! เขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นคนที่เขารู้จักอีกต่อไปแล้ว
หานหมานที่กำลังคลานอยู่บนพื้นก็เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาพลันสั่นไหวขึ้นมาเมื่อเห็นหลินเฟิง
ดวงตาราวกับสัตว์ร้ายค่อยๆ จางหายไป แล้วแทนที่ด้วยความขมขื่นปนละอายใจ ตอนนี้เขากลายเป็ทาส ทาสที่ถูกทารุณและอาจตายเมื่อไรก็ได้
ใบหน้าของเขาถูกประทับด้วยตราทาส ดังนั้นเขาไม่มีคุณสมบัติไปพบหน้าหลินเฟิงอีกแล้ว!!! เขาแค้น! แค้นไอ้เดรัจฉานต้วนเทียนหลาง แค้นไอ้พวกสารเลวในลานประลองเชลยนี่!!!
วันที่นิกายหยุนไห่ถูกทำลาย มีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่รอดชีวิตมาได้ เขากับพั่วจวินต่างก็เป็ผู้รอดชีวิต แต่ถ้าตอนนั้นหานหมานรู้ว่าเขาจะต้องมีสภาพแบบตอนนี้ เขาคงยอมตายไปพร้อมนิกายหยุนไห่แล้ว!!!
ผู้รอดชีวิตทุกคนถูกพามาที่เมืองหลวงและถูกประทับตราทาส แล้วส่งมาขายในลานประลองเชลยแห่งนี้
่เวลาที่อยู่ที่นี่ เป็่เวลาที่อยู่ไม่สู้ตายจริงๆ เขาถูกรังแก ถูกเฆี่ยนตีและถูกทำให้กลายเป็สัตว์อสูร!!! พวกมันบังคับให้เขาต้องต่อสู้บนลานประลองเชลย หากแพ้ก็ถูกฆ่า เพื่อให้มีชีวิตรอด เขาต้องฆ่าคนไปมาก ราวกับเป็เครื่องจักรที่รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น
แน่นอนว่าคนซื่อตรงอย่างเขามีหรือจะทนรับได้?! หานหมานเคยขัดขืนพวกมัน แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ตัวเองเสียเปรียบเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วหานหมานก็ถูกรุมทรมานจนกลายเป็สัตว์อสูร… อสูรหาน!
ทันใดนั้นเมื่อเห็นหลินเฟิงเดินมาหา สีหน้าของหานหมานก็พลันเปลี่ยนไป มันเต็มไปด้วยความขมขื่น ดวงตาของเขาค่อยๆ แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาแห่งความทุกข์ไหลอาบสองแก้ม
“หลินเฟิงพี่น้องข้า!”
หานหมานก้มหน้าลงอย่างเ็ป เขาไม่กล้าให้หลินเฟิงเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ เขากลายเป็ทาสไปแล้ว และไม่อยากให้หลินเฟิงต้องมาเผชิญกับอันตราย เพื่อปกป้องเขา!
หานหมานรู้ดีว่าหลินเฟิงเป็คนแบบไหน ในอดีต เพื่อรักษาเขาแล้ว หลินเฟิงถึงกับไปที่ผาเทียนเชี้ยนเพื่อนำเม็ดยาล้ำค่ามาให้เขา รวมทั้งเผชิญหน้ากับศัตรูบนลานประลองเป็ตายเพื่อช่วยชีวิตเขา ตอนนี้ก็เช่นกัน หลินเฟิงคงไม่สนว่าพวกมันเป็ใคร และไม่สนว่าพวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน เพื่อช่วยเขาแล้ว หลินเฟิงไม่ลังเลที่จะสู้!!!
“พี่น้องข้า เ้าคงทรมานมาก”
ดวงตาที่ไร้ความปรานีก็พลันฉายแววอบอุ่นขึ้นมา เพียงแค่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หานหมานก็ตัวสั่นขึ้นมา เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มที่ถูกประทับตราทาสเอาไว้
มีพี่น้องแบบนี้ ชีวิตยัง้าอะไรอีก!
มีพี่น้องแบบนี้ แม้ตายในวันนี้ก็ไม่เสียใจ!!!