เจินจูกลับมาถึงในห้อง โมโหจนลมหายใจติดขัด
นางม้วนผ้านวมบนเตียงอิฐจนกลายเป็ก้อน โถมตัวขึ้นไปกดทับอย่างดุเดือด
แทบอยากจะให้ที่ทับอยู่ใต้ร่างของนางเป็หลัวจิ่งยิ่งนัก
เสี่ยวเฮยตื่นขึ้นมาเห็นเ้านายสาวกำลังคลั่ง มันจึงเบะปากแมวราวกับดูถูก
เจินจูได้กลิ้งทับตบตีระบายอารมณ์เต็มที่พักหนึ่งแล้ว ในที่สุดความโมโหก็ลดลงไปได้สักหน่อย
นางลุกขึ้นนั่งและจัดทรงผมให้เข้าที่ คิดย้อนกลับไปถึงบทสนทนาของฮูหยินชราสกุลเถากับฮูหยินกั๋วกงอย่างละเอียด
สกุลถังไม่ยอมรับเื่การแต่งงาน กำลังกระตือรือร้นมองหาว่าที่สามีให้ถังชิงอวี่ แม้ฮูหยินชราสกุลเถาจะผูกติดกับเื่สัญญาปากเปล่า แต่ถูกฮูหยินกั๋วกงโน้มน้าวจนคิดขึ้นได้ ดูท่าว่าหากสองสกุลไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น การแต่งงานก็คงเป็ที่ตกลงแน่นอนแล้ว
หากเป็เช่นนี้ หลัวจิ่ง เ้าหมอนั่นก็ไม่นับว่ามีการหมั้น ชิๆ เขาคิดไว้แบบนี้อยู่แล้วใช่หรือไม่ ขอเพียงถังชิงอวี่แต่งกับคนอื่น เื่สัญญาหมั้นหมายปากเปล่าอะไรนี่ ก็ไม่จำเป็ต้องให้ความสนใจ
เหอะ น่าเสียดาย เขาต้องผิดหวังเสียแล้ว เพราะยังมีฮูหยินชราของสกุลเถาที่ปากมากคอยกระทุ้งเื่นี้ออกมาอยู่
อืม... นางควรลงโทษเขาอย่างไรดีนะ?
เจินจูมุ่ยปากขมวดคิ้วยกมือลูบใต้คาง เริ่มยุ่งอยู่กับความคิดกลัดกลุ้ม
ตลอดจนกระทั่งทานอาหารเย็นเสร็จสิ้น นางก็ยังคิดไม่ออก
“ท่านพี่ ท่านขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลาทำไมกัน? เหมือนท่านยายสูงวัยยิ่งนัก”
ผิงอันทนมองต่อไปไม่ได้ พลางตีหน้านิ่งขรึม ถามนางอย่างจริงจัง
“…”
ท่านยายสูงวัย? เจินจูลูบใบหน้าเล็กเรียบลื่นของตน มีท่านยายสูงวัยที่ไหนกันจะงดงามเพียงนี้? นางยิ้มอย่างหลงตัวเอง
“กำลังคิดเื่อะไรอยู่นิดหน่อยแล้วคิดไม่ออกน่ะ”
“เป็เื่สำคัญมากเลยหรือ?”
“อื้ม… ก็ไม่นับว่าสำคัญมาก”
“ในเมื่อไม่สำคัญ เช่นนั้นก็อย่าเพิ่งคิดเลย ปล่อยไว้ก่อนวันอื่นค่อยคิด ท่านเอาแต่ขมวดคิ้วหน้าตาขี้เหร่ยิ่งนัก”
ผิงอันกล่าวตรงไปตรงมา
“พรืด” เจินจูหัวเราะพร้อมกับบีบใบหน้าเล็กของเขา “ได้ พี่จะไม่คิดถึงมัน (เขา) [1] แล้วจะเมินมัน (เขา) ไปก่อน”
ใช่... จะเมินเขาไปก่อน หึๆ ถ้าสารภาพโทษหนักจะเป็เบา หากปฏิเสธจะลงโทษสถานหนัก ดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร
...ประสิทธิภาพในการทำงานของฮูหยินหลิวรวดเร็วอย่างมาก
ถุงมือหนังแกะสองคู่ ด้านในเพิ่มผ้าฝ้ายบางหนึ่งชั้น ้าเย็บขนกระต่ายสีเทาหนึ่งรอบ ทั้งรักษาความอบอุ่นทั้งสวยงาม เกือบเหมือนถุงมือที่ผลิตจากเครื่องจักรยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
เจินจูหยิบขึ้นมาลองพลางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ชมออกไปตามตรงว่าฮูหยินหลิวฝีมือไม่ธรรมดา
“ไอ๊หยา ดูท่านกล่าวเข้าสิเ้าคะ โชคดีที่ได้ตัวอย่างที่ท่านทำ ห้องเย็บปักของพวกข้าถึงทำถุงมือที่เหมาะสมออกมาได้ แม่นาง ถุงมือชนิดนี้หากข้าจะทำมอบให้นายท่านกั๋วกงได้หรือไม่เ้าคะ?” อย่างไรเสียก็เป็คนเขาทำตัวอย่างออกมาได้ ฮูหยินหลิวจึงยิ้มและถามด้วยเสียงเอาใจ
“ได้สิ” เจินจูพยักหน้า
เดิมทีก็ไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดแต่แรก ในยุคที่สตรีเหล่านี้ล้วนมีฝีมือในงานเย็บปักถักร้อย ขอแค่มองให้มากหน่อยก็เย็บชิ้นงานจำพวกนี้ออกมาได้อยู่แล้ว และเจินจูก็ไม่เคยคิดที่จะอาศัยการหาเงินจากการขายถุงมือด้วย
ฮูหยินหลิวดีใจเป็อย่างมาก หลังกล่าวขอบคุณอยู่พักหนึ่งก็คิดจะบอกลากลับไปห้องเย็บปัก
เจินจูรีบเรียกนางหยุดไว้ ในเมื่อจะเริ่มพัฒนาถุงมือขึ้นมา เช่นนั้นก็ต้องนำมาปรับและเพิ่มประสิทธิภาพของถุงมือแต่ละแบบขึ้นด้วย
ถุงมือผ้าหยาบ เวลาที่ทำงานใช้แรงมากสามารถนำมาใช้ได้ งานที่ใช้แรงหนัก เช่น ขุดเหมือง ขุดคลอง ย้ายอิฐ สร้างบ้าน...
ถุงมือผ้าฝ้ายแท้ สำหรับการทำงานทั่วไปก็สามารถใช้ได้ เช่น กวาดพื้น ยกของ ตัดกิ่งไม้และอื่นๆ
ถุงมือกันน้ำสำหรับงานในครัวหรืองานบ้านอย่างล้างจาน ซักผ้า เช็ดโต๊ะ... แน่นอนว่าสิ่งนี้อาจมีความยากอยู่สักหน่อย อย่างไรเสียหากจะให้กันน้ำได้ก็จำเป็ต้องใช้ส่วนประกอบอื่นและฝีมือเล็กน้อย
ถุงมือตัดนิ้ว สะดวกสบายต่อการเขียนตัวอักษร วาดรูป ปักผ้า... หรืองานที่ใช้ฝีมือล้วนสามารถใช้ได้
สุดท้ายก็คือถุงมือรักษาความอบอุ่น สามารถทำได้จากผ้าฝ้าย ผ้าไหม หนัง ติดขนสัตว์ หรือไม่ติดขนสัตว์ก็ได้ เติมใยฝ้ายหรือจะไม่เติมก็ล้วนทำได้ทั้งสิ้น
ฮูหยินหลิวฟังจนดวงตาผุดแสงแวววาว สายตาที่มองมาทางเจินจูเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
แม่นางผู้นี้เฉลียวฉลาดเกินไปแล้วจริงๆ แม้งานเย็บปักถักร้อยจะไม่ได้เื่ แต่แนวความคิดกลับมากมายนัก
ฮูหยินหลิวรีบขอคำชี้แนะรายละเอียดจากนางทันที
ผ่านไปอยู่นาน ฮูหยินหลิวจึงออกจากลานอันหวาไปด้วยความตื่นเต้นดีใจเต็มไปทั่วใบหน้า
เยว่อิงคอยประสมโรงอยู่ด้านข้างพวกนางโดยตลอด นางสนใจในหัวข้อสนทนาที่เกี่ยวกับถุงมือเป็อย่างยิ่ง จนกระทั่งฮูหยินหลิวจากไปแล้ว นางพลิกถุงมือที่ทำขึ้นใหม่ดูอีกครั้ง สายตาที่มองแม่นางหูเริ่มเปลี่ยนไปในมุมมองที่แตกต่างจากเดิม
กระทั่งนางกลับมาลานฮ่าวอู๋เพื่อรายงาน คำที่ออกจากปากของนางก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
“แม่นางหูเฉลียวฉลาดมากจริงๆ เ้าค่ะ ครุ่นคิดประโยชน์ใช้สอยแต่ละอย่างของถุงมือออกมามากมาย แม้งานเย็บปักของนางเองจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่วิธีที่คิดออกมาล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้นเ้าค่ะ”
ฮูหยินกั๋วกงเถาซื่อหยิบถุงมือขึ้นพิจารณา นี่เป็ถุงมือสตรีที่ห้องเย็บปักเร่งทำออกมาใหม่ ้าหนึ่งวงกลมเย็บขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวสะอาดติดอยู่
นางลองยื่นนิ้วมือเข้าไป ััด้านในอ่อนนุ่ม ระหว่างที่กำมือก็ไม่สิ้นเปลืองแรงเลยสักนิด ไม่นานมือด้านในก็ััได้ถึงความอบอุ่นขึ้นมาก ไม่เลวจริงด้วย สวมไว้ขณะออกไปด้านนอกต่อให้ไม่มีเตาทองเหลืองอุ่นมือก็ไม่เป็ไรแล้ว
เยว่อิงเห็นบนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ จึงรีบเล่าบทสนทนาเมื่อครู่ของแม่นางหูกับฮูหยินหลิวขึ้นหนึ่งรอบ
เถาซื่อฟังจบไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น “เ้าบอกว่า นี่เป็แม่นางหูคิดออกมาเองทั้งหมดหรือ?”
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่างานเย็บปักของนางไม่เท่าไร แต่กลับมีความคิดออกมาได้มากมายเพียงนี้ เด็กสาวผู้นี้ช่างโดดเด่นเป็พิเศษจริงๆ
“เรียนฮูหยิน น่าจะเป็นางคิดออกมาเองเ้าค่ะ ท่านคงไม่เห็น ถุงมือที่นางเย็บเอง... พรืด” เยว่อิงอดหัวเราะขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ “รอยเย็บดูแย่อย่างมากจริงๆ เ้าค่ะ ดังนั้นนางถึงได้ไหว้วานให้ฮูหยินหลิวช่วยเย็บถุงมือสองคู่ บอกว่าคู่หนึ่งจะให้บิดาคู่หนึ่งจะให้ท่านลุงเ้าค่ะ”
“เอ๊ะ... คนในครอบครัวนาง เ้าสืบออกมาได้แล้วหรือ?” เถาซื่อเกิดความสนใจขึ้นทันที
“เ้าค่ะ ท่านปู่ท่านย่าของนางล้วนยังแข็งแรงดีอยู่ ใต้เข่ามีบุตรสาวหนึ่งบุตรชายสอง บิดาของแม่นางหูเป็บุตรชายคนเล็กสุด ผู้เป็ป้าของนางมีบุตรชายสองบุตรสาวหนึ่ง ท่านลุงของนางมีบุตรสาวสองบุตรชายสอง ส่วนครอบครัวนางบุตรสาวสองบุตรชายหนึ่ง คนในครอบครัวนับว่าล้นหลามนักเ้าค่ะ”
สิ่งที่เถาซื่อให้ความสนใจที่สุดคือปัญหาเื่ทายาท ตัวนางไม่สามารถผลิดอกใบออกผลให้สกุลเซียวได้ ทำได้เพียงตั้งความหวังไว้กับลูกสะใภ้เท่านั้น ดังนั้น ลูกสะใภ้ในอนาคตของนาง สิ่งอื่นล้วนไม่มีความสำคัญอะไรทั้งสิ้น ขอแค่ร่างกายแข็งแรงและการสืบเชื้อสายจากวงศ์ตระกูลต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก็พอ
คนในครอบครัวของสกุลหูนับได้ว่าล้นหลาม แม่นางหูหน้าตาใสสะอาด ดวงตามีชีวิตชีวา แก้มขาวบริสุทธิ์ทว่าโปร่งใสชุ่มชื้น มองแล้วไม่ใช่คนร่างกายอ่อนแอ ผนวกกับความเฉลียวฉลาดและความงดงามสดใส เหมาะกับจวิ้นเอ่อร์มากจริงๆ
ทั้งยังสามารถทำชาดอกไม้ขึ้นได้ สองวันมานี้ดื่มชาดอกกุหลาบหนึ่งถ้วยลงไปทุกวัน จิตใจของนางดีมากไม่น้อยเลย ไม่ใช่ความรู้สึกที่คิดไปเอง แล้วก็ไม่ใช่ความเพ้อฝันด้วยเช่นกัน นางรู้สึกได้ว่าเปลี่ยนกลับมาดีขึ้นจริงๆ
ท่านหมอหลวงได้ทำการตรวจสอบชาดอกไม้แล้ว ไม่พบว่ามีส่วนไหนที่ผิดปกติ ชาดอกไม้สำหรับทางใต้นั้นค่อนข้างแพร่หลายเป็อย่างมาก ส่วนทางเหนือมีคนที่ชื่นชอบไม่เท่าไร แต่สรรพคุณของชาดอกไม้ ท่านหมอหลวงให้การรับรองแล้วว่าสามารถดื่มบ่อยได้ เนื่องจากมีส่วนช่วยในการบำรุงรักษา
ปัญหาในตอนนี้คือ ชาดอกกุหลาบน้อยเกินไป หนึ่งกระปุกน้อยนิดเพียงนี้เอง นางเพิ่งดื่มไปไม่กี่ครั้ง จำนวนก็ลดน้อยลงไปมากแล้ว นางที่เ็ปใจ ทุกครั้งจึงล้วนนับจำนวนดอกออกมาแล้วถึงใส่ลงถ้วยชาได้
บนใบหน้าเถาซื่อประดับรอยยิ้มกว้างขึ้น เมื่อวานความหมายในคำพูดของผู้เป็มารดา นางย่อมฟังออก แต่นางไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย สตรีสูงศักดิ์มักหยิ่งผยองมาก และกว่าที่จวิ้นเอ่อร์ของนางจะชื่นชอบใครสักคนขึ้นได้ก็ไม่ง่าย นางในฐานะที่เป็มารดาจะถ่วงรั้งบุตรชายไว้ได้อย่างไร
กล่าวถึงอู๋ซื่อมารดาของนางขึ้น ใบหน้าของฮูหยินกั๋วกงชะงักลงทันที เมื่อเช้าอู๋ซื่อส่งสาวใช้คนสนิทมา และบอกว่าผู้าุโของสกุลเถาล้วนเห็นด้วยทั้งสองคน ให้นางเป็แม่สื่อให้หลานชายด้วยการไกล่เกลี่ยเื่กลับมาที
เฮ้อ ท่านแม่ของนางนี่ ไม่เห็นต้องผิดใจกับคนเขาอย่างรุนแรงเลย ลูกผู้พี่ของนางผู้นี้ ตลอดมากินอ่อนไม่กินแข็ง [2] อุปนิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไร
...หอกระสาเยี่ยมเยือน โรงเตี๊ยมที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของเมืองหลวง
อากาศเหน็บหนาว ทั้งยังผ่านเวลาทานอาหารไปแล้ว ยามนี้จึงมีแขกในหอไม่มากนัก
สตรีสูงศักดิ์รูปร่างสูงผอมเพรียวสวมผ้าคลุมหน้าสตรี ปรากฏกายขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ ด้านหลังตามมาด้วยสาวใช้ชุดสีม่วงหนึ่งคน
เสี่ยวเอ้อรีบฉีกใบหน้ายิ้มแย้มเดินเข้ามาต้อนรับ
สาวใช้ชุดสีม่วงกล่าวเสียงเบา ลูกจ้างจึงนำทางพวกนางเดินขึ้นไป้าอย่างกระตือรือร้น
หน้าห้องส่วนตัวอยู่ชิดด้านในของชั้นสาม มีองครักษ์ยืนอยู่ผู้หนึ่ง
“คุณหนูสี่สกุลโหยว คุณชายรออยู่ด้านในขอรับ” องครักษ์โค้งกายทำความเคารพ
ประตูห้องเปิดออก เงากายสูงสมส่วนของกู้ฉีปรากฏอยู่ในห้องส่วนตัว
“พี่ห้า!” หญิงสาวปลดผ้าคลุมหน้าออก บนใบหน้าผุดรอยยิ้มงดงามน่าหลงใหลขึ้น
“อวี่เวย”
กูฉียืนยิ้มรออยู่...
ใบหน้าของโหยวอวี่เวยเขินอายเล็กน้อย ั์ตาเต็มไปด้วยความชุ่มชื้นสดใส กู้ฉีให้ใครบางคนส่งคำพูดไปถ่ายทอดให้นาง นัดให้นางมาพบที่หอกระสาเยี่ยมเยือน หลังนางได้รับข่าวก็ดีใจมากเสียจนแทบนอนไม่หลับทั้งคืน
นี่เป็ครั้งแรกที่กู้ฉีนัดนางออกมาพบข้างนอกอย่างเป็ทางการเลยนะ
นับั้แ่ที่นางทราบข่าวว่าพวกนางทั้งสองกำลังจะหมั้นหมายกัน นางก็รู้สึกขัดเขินเกินกว่าจะไปจวนสกุลกู้อีก
ภายในโรงเตี๊ยมที่เจินจูหยุดพักครั้งก่อน พวกนางแค่มองกันสองสามหนอย่างรีบร้อน บทสนทนาล้วนไม่เกินสองประโยค
ในห้องส่วนตัว เมื่อเสี่ยวเอ้อรินน้ำชาเสร็จก็ออกไป ทั้งสองคนจึงนั่งลง กู้ฉีจิบชาไปอึกหนึ่งแล้วเอ่ยปากขึ้น
“่นี้ท่านปู่ของเ้าสบายดีหรือไม่?”
รอยยิ้มบนใบหน้าโหยวอวี่เวยชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนไปอ่อนแรงลงเล็กน้อย “ร่างกายยังพอได้ แค่จิตใจแย่ไปหน่อย”
โหยวเสวี่ยชิงยังคงไม่ได้สติ ความกดดันในบ้านมากมายยิ่งนัก ทางฮองเฮากับไท่จื่อเฟยนั้น ร้องะโจะจับโหยวเสวี่ยชิงใส่กรงหมูและทิ้งลงบึง ป้าสะใภ้รองใกลัวจนคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงบุตรสาวของนางทั้งคืนทั้งวัน ไม่กล้าห่างออกมาแม้แต่ครึ่งก้าว
ใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวถูกปกคลุมด้วยความสลดหนึ่งชั้น กู้ฉีมองนางด้วยความสงสาร เื่ของโหยวเสวี่ยชิงส่งผลกระทบอย่างมากต่อจวนของท่านโหวเหวินชาง แม้ว่าความสงสัยที่โหยวเสวี่ยชิงจะเป็ฆาตกรได้ถูกตัดออกไป แต่องค์ไท่จื่อสิ้นพระชนม์ขณะแอบคบชู้กับนาง จึงเกี่ยวพันชื่อเสียงของจวนท่านโหวเหวินชางเข้าไปด้วยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“เ้าไม่ต้องเป็กังวล ไม่เป็กระไรหรอก รอให้ข่าวลือผ่านไปก็จะดีขึ้นแล้ว” เขาคลายกังวลให้นาง
รอยยิ้มของโหยวอวี่เวยผลิบานขึ้นมาอย่างสว่างไสว “อื้ม พี่ห้า ข้าจะไม่กังวลใจ ท่านพ่อข้าบอกแล้วว่า รอให้เื่ผ่านไปจะให้ท่านลุงรองพาลูกผู้พี่ไปทางใต้ และจะไม่กลับมาอีกเลย”
กู้ฉีพยักหน้า นี่ก็ยังพอนับได้ว่าเป็วิธีที่ดีวิธีหนึ่ง ภายในเมืองหลวงนี้ โหยวเสวี่ยชิงคงอยู่ต่อไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“เ้าไปเยี่ยมน้องสาวเจินจูมา พวกนางสบายดีหรือไม่?”
เขาถามออกมาได้เถรตรงอย่างมาก โหยวอวี่เวยกะพริบตา หยุดไปพักหนึ่งแล้วจึงตอบ “ค่อนข้างดีเลยล่ะ ฮูหยินกั๋วกงมีน้ำใจไมตรีอย่างมาก น้องสาวเจินจูบอกว่าผ่านไปอีกไม่กี่วันก็เตรียมจะเดินทางกลับแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราไปส่งพวกนางด้วยกันเถอะ”
กู้ฉีพยักหน้า สีหน้าหนักใจเล็กน้อย
ข่าวที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาสืบได้ จากทางผู้ตรวจการจวนศาลาว่าการเมืองหลวง แม้วันนั้นหิมะจะไม่ได้ตกลงมา แต่กองหิมะทับถมจากไม่กี่วันก่อนกลับยังไม่ละลาย บนสันกำแพงในเขตที่พักที่เกิดเื่ขึ้น ได้พบรอยเท้าเล็กๆ ไม่น้อย การตัดสินขั้นต้นคือเป็รอยเท้าของแมวและหนู
ภายในจวนเฉิงเอินโหวเลี้ยงแมวไว้สามตัว แต่ตามที่กล่าวกัน ในวันที่จัดงานเลี้ยงนั้น มีแเื่มามากมาย พวกมันจึงถูกขังอยู่ภายในกรงสัตว์ เช่นนั้นรอยเท้าบนสันกำแพงมาจากที่ใดกัน
ผู้ตรวจการแห่งจวนศาลาว่าการกับแม่ทัพเก้าประตู ล้วนเป็บุคคลที่เคยผ่านประสบการณ์ลำบากและอันตรายมาก่อน เื่ราวที่แปลกและมหัศจรรย์ในยุทธภพก็รู้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน การใช้สัตว์วางยาฆ่าคนย่อมมีอัตราความเป็ไปได้อย่างมาก ทั้งทิศทางที่รอยเท้าหายไปอยู่ด้านนอกประตูคฤหาสน์อีกด้วย ที่นั่นในตอนนั้นมีรถม้าของสตรีจากครอบครัวขุนนางแต่ละจวนหยุดอยู่
“อวี่เวย ครั้งก่อนที่คนของจวนศาลาว่าการเมืองหลวงไปสอบสวนเ้า ได้สร้างความลำบากให้เ้าหรือไม่?”
เชิงอรรถ
[1] มัน (เขา) ในภาษาจีน คำว่ามันและเขาออกเสียงเหมือนกัน
[2] กินอ่อนไม่กินแข็ง หมายถึง ชอบให้ใช้ไม้อ่อน ชอบให้พูดดีๆ เพราะๆ ถึงจะยอมให้