ใบหน้าของนางแซ่หลี่กับสองพี่น้องตระกูลซูหมองลงไปทันตา คาดไม่ถึงว่าซูเฟยซื่อจะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ไม่คิดว่าจะกล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย เห็นได้ชัดว่าคิดแบ่งส่วนกับซูจิ้งเถียนคนละครึ่ง
ตอนนี้ได้แต่ดูว่าซ่งหลิงซิวชอบคนตรงไปตรงมาหรือสาวน้อยขี้อายกันแน่
“บุรุษดีไม่พูดถึงความกล้าหาญของวันเวลาในปีนั้น ข้าไม่ได้จับดาบมานานแล้ว” ซ่งหลิงซิวกล่าวยิ้มๆ
“ฝ่าาไม่ทรงพิโรธแต่ทรงเปี่ยมอานุภาพ ต่อให้ไม่ทรงจับดาบ แผ่นดินยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซ่งเรา ก็มิมีใครบังอาจกล้าล่วงเกินเพคะ”
ซูเฟยซื่อกล่าวด้วยความเคารพ ทว่าในใจนางกลับนึกดูถูก
ความสำเร็จของซ่งหลิงซิวล้วนเป็นางกับตระกูลกู้ต่อสู้สุดชีวิตจึงได้มา คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าออกตัวว่าในครานั้นเป็ผลงานของตนอย่างไม่กระดากปาก และไม่กลัวให้คนอื่นหัวเราะเยาะด้วย
“ฮ่าๆ ๆ คุณหนูสามวาจาคมคายนัก บ่าวไพร่มานี่ โปรดพระราชทานจี้หยกชิ้นหนึ่งแก่นาง”
สิ้นวาจาของซ่งหลิงซิว นางแซ่หลี่กับซูจิ้งเถียนก็ยิ่งร้อนใจ นี่อะไร? ซูเฟยซื่อได้รับพระราชทานรางวัลด้วย?
ถ้าเช่นนั้นการพระราชทานรางวัลที่ซูจิ้งเถียนเพิ่งได้รับ จะนับว่าเป็อะไรได้อีก!
นางแซ่หลี่คิดเอ่ยปาก ก็ถูกซูจิ้งโหยวใช้สายตาห้ามปราม
นางก็เคยคิดมาแต่เนิ่นๆ ว่า ซูเฟยซื่อต้องออกมาก่อกวน ทุกอย่างล้วนตระเตรียมพร้อมสรรพ ก็ปล่อยให้ซูเฟยซื่อโดดเด่นอีกครั้งเถิด ถึงอย่างไรนางก็ไม่ถือสาเอาความกับคนที่กำลังจะตายอยู่แล้ว
“ขอบพระทัยฝ่าาเพคะ” ซูเฟยซื่อรับจี้หยกไว้กำลังจะกลับไปยังที่นั่ง จู่ๆ นอกสวนบุปผชาติก็มีเสียงอึกทึกดังมาระลอกหนึ่งอย่างไม่เหมาะกาลเทศะ
นางขมวดคิ้วย่น รีบหันไปดู
เพียงเห็นจู่ๆ มีคนชุดดำหลายคนปรากฏขึ้นในจวนอัครมหาเสนาบดี นอกจากนี้ทหารองครักษ์ที่ซ่งหลิงซิวนำมากำลังปะทะกับพวกเขา
มาแล้ว ในดวงตาซูจิ้งโหยวมีแววยิ้มเยาะผ่านไป
วันนี้นางพาซ่งหลิงซิวมายังจวนอัครมหาเสนาบดี ไม่ใช่แค่อยากให้ซ่งหลิงซิวได้เห็นซูจิ้งเถียน แต่คิดอยากยืมมือสังหารฝ่าา
หลังจากที่พระสนมหวินเข้ามาในพระราชวัง ตำแหน่งของนางอาจกล่าวได้ว่าตกฮวบพันจ้าง ได้แต่เสี่ยงใช้เส้นทางวิกฤติ จึงสามารถกู้คืนสถานการณ์
ในเวลานี้ อยู่ๆ มือสังหารชุดดำคนหนึ่งเงื้อกระบี่ยาวแทงซ่งหลิงซิวทันที
ซูเฟยซื่อใมาก ถึงแม้ว่านางคิดอยากให้ซ่งหลิงซิวตาย แต่ไม่ใช่ตายในเวลานี้เด็ดขาด
ถ้าซ่งหลิงซิวตายในจวนอัครมหาเสนาบดี จวนอัครมหาเสนาบดีต้องถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้องกับเื่นี้แน่ๆ
นั่นเป็สิ่งที่หวังอยากจะให้เกิดขึ้น เพียงแต่หากไม่ใช่เพราะฝีมือนางที่จัดการเื่ทุกอย่างเอง เช่นนั้นยังจะนับว่าเป็การแก้แค้นของนางอีกหรือ หากไม่อาจล้างแค้นให้กับตระกูล เกรงว่านางคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ไม่ผิด ซ่งหลิงซิวงยังตายไม่ได้
คิดถึงตรงนี้ ซูเฟยซื่อพลันวิ่งถลันไปยังทิศทางของซ่งหลิงซิว
กระบี่ยาวของมือสังหารแทงโดนไหล่นางพอดี กัดฟันทนความ เ็ปใช้ร่างตรึงคมกระบี่ไว้ รีบปกป้องซ่งหลิงซิวไว้ใต้ร่าง
ซูจิ้งโหยวที่เคลื่อนไหวช้ากว่าก้าวหนึ่ง เห็นฉากนี้ ดวงตาทั้งคู่พลันส่องประกายอำมหิต
สมควรตาย นี่เดิมเป็สิ่งที่นางควรทำ แต่กลับถูกซูเฟยซื่อชิงโอกาสไปก่อน
วันนี้นางช่วยฝ่าาไม่สำเร็จ จะเอาอะไรมากู้คืนตำแหน่ง? หรือว่านางต้องเบิกตาดูพระสนมหวินเหยียบมาถึงศีรษะของนาง!
แต่ซูเฟยซื่อก็ได้สำแดงรัศมีในพิธีชุมนุมแข่งม้าให้ประจักษ์แก่สายตา เมื่อครู่เพิ่งพูดความชื่นชอบที่นางมีต่อซ่งหลิงซิวออกมาตรงๆ แล้ว ประกอบกับคุณูปการที่ได้ช่วยฝ่าาไว้ ถ้าซ่งหลิงซิว้ารับซูเฟยซื่อเป็พระสนม นั่นมิใช่ว่านางยกก้อนหินทุ่มเท้าตนเองแล้วหรือ?
“ทหาร อารักขาฝ่าา!” ซูเต๋อเหยียนใจนะโเสียงดัง ในจวนอัครมหาเสนาบดีพลันสับสนอลหม่าน
เห็นแบบนี้ องครักษ์ลึกลับที่อวี้เสวียนจีซ่อนไว้ตามมุมต่างๆ ในจวนอัครมหาเสนาบดีรีบส่งข่าวกลับไปทันที ขอสัญญาณจากอวี้เสวียนจีว่าควรจัดการอย่างไร
ไม่คิดว่าอวี้เสวียนจีได้รับข่าว เพียงถามประโยคหนึ่ง คุณหนูสามจวนอัครมหาเสนาบดีได้รับาเ็ไหม? เมื่อได้รับคำตอบ เขาก็รีบนำพลม้ากลุ่มใหญ่เร่งมายังจวนอัครมหาเสนาบดีแล้ว
ยามรักษาการณ์ของจวนอัครมหาเสนาบดีถูกท่าทีฮึกเหิมของเขาทำให้ะเืสะท้าน กระทั่งรั้งยังมิกล้า
ไหล่ซูเฟยซื่อได้รับาเ็ ถ้าเปลี่ยนเป็ชาติก่อนยังสามารถยืนหยัดสักพัก แต่ร่างเรือนนี้ในปัจจุบันไม่อาจเทียบได้กับชาติที่แล้ว ความเ็ปมิวายส่งผ่านออกมาจากาแ กระตุ้นเส้นประสาทจนนางเกือบหมดสติ
ซูจิ้งโหยวที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลับกัดฟันอย่างดุร้าย
ไม่ได้ จะปล่อยให้ซูเฟยซื่อบังร่างของซ่งหลิงซิวตลอดไม่ได้แน่ ถ้านางบังเอิญเป็ลมในอ้อมแขนของซ่งหลิงซิวแล้ว นั่นคงก็ยากที่จะจัดการ
คิดถึงตรงนี้ จึงรีบรุดวิ่งไปข้างหน้าคิดดึงซูเฟยซื่อออกมา
ทว่ามือของนางยังไม่ทันได้ััอีกฝ่าย จู่ๆ ก็ถูกพลังที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุกระแสหนึ่งกระแทกจนปลิว
“พระสนมไม่เห็นหรือว่านางได้รับาเ็?” เสียงเ็าทำให้ซูจิ้งโหยวกระทั่งเ็ปไม่ทันได้ะโก็ตัวสั่นเทิ้ม
นางหันไปดู เพียงเห็นอวี้เสวียนจียืนอยู่ในสวนบุปผชาติทั่วร่างเย็นะเื แต่ทุกคนที่เขานำมาล้วนเป็ยอดฝีมือ ไม่นานมือสังหารก็ถูกฆ่าตายไปกว่าครึ่ง
อวี้เสวียนจี? ปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?
ซูจิ้งโหยวรู้สึกเพียงเสียงคำรามอึงอลในสมองของนางระลอกหนึ่ง
ถ้าอวี้เสวียนจีสอดมือในเื่นี้ ต้องสามารถสืบค้นได้ว่าเื้ัก็เป็นาง เมื่อถึงเวลาก็ไม่สวยแล้ว
เมื่อซูเฟยซื่อได้ยินเสียงของอวี้เสวียนจี จึงเงยหน้าขึ้นสบตาเ็าของเขาด้วยความยากลำบาก
ไม่มีความกลัว แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย
เขามาแล้ว ทุกครั้งที่นางเผชิญอันตราย เขามักจะปรากฏขึ้น
นี่เหมือนกับว่าระหว่างพวกเขาสองคนมีสัญญาบางอย่างต่อกัน
เมื่ออวี้เสวียนจีเห็นร่างนางทับอยู่บนร่างของซ่งหลิงซิว นัยตาหงส์พลันลึกลงไปหลายส่วน “ไม่ทราบว่าคุณหนูสามยังคิดนอนอยู่ในอ้อมอกของฝ่าาอีกนานเท่าใด?”
น้ำเสียงนี้... ทำไมรู้สึกเปรี้ยวนิดหน่อย? หรืออวี้เสวียนจีกำลังหึงนาง!
ซูเฟยซื่อคิดอยากหัวเราะ แต่การเคลื่อนไหวนี้ได้กระชากปากแผลเข้า ทำให้นางเ็ปจนขมวดคิ้วย่น
ในใจลอบด่า อวี้เสวียนจี ตาสุนัขของเ้าบอดไปแล้วหรือ ไม่เห็นหรือว่าข้าได้รับาเ็?
“รีบตามหมอหลวง” ดูเหมือนอวี้เสวียนจีจะโกรธจัดจนแม้แต่เสียงพูดก็กลายเป็เดือดดาล “คิดไม่ถึงว่ามีคนกล้าลอบสังหารฮ่องเต้ใต้จมูกของข้าอุปราช รอจนข้าสืบรู้ว่าใครอยู่เื้ั ข้าต้องถลกหนังกระชากเอ็นของมันแน่”
เมื่อซูจิ้งโหยวได้ยินคำพูดนี้ เพียงรู้สึกว่าโลกกำลังจะพินาศ ร่างบางสั่นเทา เกือบจะเป็ลมไป
หน้าที่หลักของตงฉางก็เป็การรักษาความปลอดภัยของซ่งหลิงซิวกับเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ในเมืองหลวง ดังนั้นการลอบสังหารซ่งหลิงซิวก็เท่ากับกำลังท้าทายอวี้เสวียนจี แต่ตอนนี้อวี้เสวียนจีได้ประกาศว่าจะถลกหนังกระชากเอ็นของคนที่อยู่เื้ัเื่นี้ ถ้าบังเอิญเขาสืบได้ว่าตัวการหลักที่อยู่เื้ัเป็นาง...
นางแทบไม่กล้าคิดถึงผลบั้นปลาย
หมอหลวงมาถึงโดยเร็ว ยังไม่ทันได้สนใจซูจิ้งโหยวที่ถูกอวี้เสวียนจีกระแทกปลิวไปด้านข้างก็ถูกนำตัวไปตรงหน้าซูเฟยซื่อ
หลังจากตรวจอย่างถี่ถ้วนรอบหนึ่ง จึงได้เอ่ยปาก “โชคดีที่ไม่าเ็ถึงอวัยวะสําคัญ แต่าแลึกมาก ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง”
หลังจากที่หมอหลวงช่วยซูเฟยซื่อพันแผลเสร็จ จึงได้ยกนางขึ้นจากร่างของซ่งหลิงซิว เห็นเช่นนี้ซูจิ้งโหยวรีบก้าวไปข้างหน้าด้วยน้ำตานอง “ฝ่าา พระองค์ไม่เป็ไรนะเพคะ?”
“จวนอัครมหาเสนาบดีบกพร่องในการอารักขา ยังขอให้ฝ่าาโปรดทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ” ซูเต๋อเหยียนรีบคุกเข่าลงด้วยในใจอกสั่นขวัญแขวน
“บกพร่องหรือ? ในความเห็นของข้าอุปราช จวนอัครมหาเสนาบดีมีคุณูปการช่วยอารักขา ฝ่าาวาสนาสาวงามไม่เบา แม้แต่ขณะถูกลอบสังหารยังมีสาวงามคุ้มกัน ให้ข้าอุปราชอิจฉา” ไม่รอให้ซ่งหลิงซิวเอ่ยปาก เสียงของอวี้เสวียนจีก็เนิบลอย
เขาเหลือบมองซูเฟยซื่อที่สีหน้าซีดขาวอยู่ด้านข้าง กล่าวอย่างมีความหมายล้อเลียนอยู่ลึกๆ
ซูเต๋อเหยียนอึ้งไปทันที เขาไม่ได้ฟังผิดหรือ? นี่อวี้เสวียนจีกำลังช่วยพูดให้จวนอัครมหาเสนาบดี? หรือดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว?