ลั่วจิ่งเฉินแสดงท่าทีว่าจะไปวัดเฉิงเอินกับพวกเขา วัดเฉิงเอินคือวัดชั้นดีสำหรับการกราบไหว้ในละแวกนี้ เพียงแต่ทุกคนมีห่วงในใจจึงไม่ได้ใส่ใจความคึกคักที่เกิดขึ้นรอบด้านมากนัก
ลั่วจิ่งเฉินร่างกายยังไม่หายดีสมบูรณ์นัก ผ่านไปชั่วครู่ก็รู้สึกร่างกายเริ่มหนัก จึงเรียกหลวงจีนคนหนึ่งมาและ้าหาห้องรับรองพักผ่อนชั่วครู่
ระหว่างทางลั่วจิ่งเฉินติดตามหลวงจีนเดินวนหลายรอบกว่าจะไปถึงด้านหลัง เพียงแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เกือบสะดุดล้ม พอมองดูบนพื้นก็เห็นว่าเป็ห้องใต้ดิน
“นี่คือ?”
หลวงจีนเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ย “นี่คือห้องใต้ดินของวัด ยามปกติไว้ใช้เก็บของ มีคนเกือบล้มเพราะสะดุดห่วงประตูนี้ไม่รู้เท่าใด ตอนเช้าเ้าอาวาสยังบอกว่าจะทำพื้นที่ตรงนี้ให้ราบ แต่เนื่องจากปีใหม่ไม่เหมาะแก่การเคลื่อนย้ายดิน จึงได้ปล่อยไว้”
พูดจบ เหมือนจะพิสูจน์สิ่งที่ตนเองพูดว่าคือความจริง หลวงจีนจึงแกล้งเปิดประตูห้องใต้ดินให้ดูด้านใน
“เอ๊ะ เหตุใดจึงมีกลิ่นเปรี้ยว เดาว่าของข้างในคงเสียแล้ว” หลวงจีนรูปนั้นพูดขณะชี้ไปทางห้องรับรอง “ด้านหน้าก็คือสถานที่พักผ่อน อาตมาต้องไปรายงานเื่ห้องใต้ดินกับเ้าอาวาสก่อน คงไม่ส่งโยมแล้ว”
ลั่วจิ่งเฉินให้เขากลับไปจัดการงานของตน ส่วนตัวเขากลับจับจ้องประตูห้องใต้ดินและสงสัยอยู่นาน
เมื่อครู่ตอนเขาเข้าใกล้ห้องใต้ดิน ไม่ได้กลิ่นเปรี้ยวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามคือได้กลิ่นหอมของนมที่คุ้นเคย เพียงแต่กลิ่นค่อนข้างจาง เขาไม่แน่ใจว่าตนเองได้กลิ่นผิดหรือไม่
เมื่อเห็นว่ารอบทิศไม่มีผู้ใด เขาจึงโน้มตัวไปเปิดประตูห้องใต้ดิน เพียงแต่ด้วยเหตุผลเื่ขา จึงไม่กล้าออกแรงมากนัก นานสักพักกว่าจะเปิดมุมหนึ่งขึ้นมาได้ เขาเดินลงไปอย่างระมัดระวัง เบื้องล่างนั้นมีผักและไหแตกไม่กี่ใบวางกระจัดกระจาย เพียงแต่ตอนที่เขาลงมารู้สึกว่าด้านล่างพื้นมีเสียงก้อง ไม่มั่นคงเหมือนเวลาเหยียบบนพื้นดิน
ลั่วจิ่งเฉินหาอยู่รอบหนึ่ง แต่ก็ไม่พบจุดที่ผิดปกติ จึงคิดจะกลับขึ้นไป้า
......
“คนผู้นั้นเห็นความผิดปกติหรือไม่?”
จู่ๆ ้าก็มีเสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้น
ถัดจากนั้นก็ได้ยินเสียงหลวงจีนคนที่แยกกับตนเมื่อสักครู่เอ่ยตอบ
“อาจารย์วางใจได้ ข้าได้อธิบายตามคำบอกเล่าของท่านก่อนหน้านี้แล้ว ชัดเจนว่าเขาเชื่อ เพียงแต่เหตุใดเราจึงไม่ปิดตายห้องใต้ดินนี้ไปเลย ขืนปล่อยไว้เช่นนี้อาจจะเป็เื่ได้นะขอรับ”
ชัดเจนว่าหลวงจีนมีอารมณ์เล็กน้อย ในน้ำเสียงค่อนข้างเป็กังวลกับห้องใต้ดินนี้ นี่ทำให้ลั่วจิ่งเฉินที่หลบอยู่ห้องใต้ดินไม่กล้าส่งเสียงชั่วขณะ
“เ้าจะเข้าใจอะไร ที่ข้าทำเช่นนี้ก็ย่อมมีเหตุผล ต่อไปจำไว้ว่าอย่าให้แขกที่มากราบไหว้เดินมาทางเส้นนี้อีก”
“เช่นนี้ไฉนอาจารย์จึงไม่ปิดกั้นเส้นทางนี้ ทางนี้อยู่ใกล้ห้องรับรอง หากไม่ให้ผู้ที่มากราบไหว้เดินผ่าน คนย่อมต้องเกิดความสงสัยเป็แน่”
หลวงจีนน้อยโต้ตอบกลับ
“เื่นี้อาจารย์มีแผนในใจอยู่แล้ว” ชัดเจนว่าเ้าอาวาสไม่อยากพูดมาก ทั้งสองอยู่ที่นี่แค่ครู่เดียวและจากไป ตอนนี้ลั่วจิ่งเฉินที่คิดจะกลับขึ้นไปเริ่มสังเกตห้องใต้ดินอย่างละเอียด
เขาใช้เท้ากระทืบเบาๆ และรู้สึกว่าเบื้องล่างคือพื้นที่โล่ง
......
ทางด้านชีเหนียงที่ยังสืบหาเบาะแสจากคนเฝ้ายามไม่เสร็จดีนั้น ก็ถูกหลานไฉ่เตี๋ยลากมาสถานที่เมื่อครู่
“เ้าดูสิ ข้างบนมีเสียงดังตุบๆ หรือว่าจะมีผี?”
หลานไฉ่เตี๋ยกอดชีเหนียงเอาไว้ หญิงสาวด้านหลังเองก็กอดกันกลม
ชีเหนียงรวบรวมความกล้าเดินขึ้น้าสองก้าว จากนั้นฟังเสียง้าอย่างละเอียด
ส่วนลั่วจิ่งเฉินที่อยู่้าก็ได้กลิ่นหอมของชานมอย่างเลือนรางอีกครั้ง เขาดอมดมกลิ่นนี้และพบว่ามันส่งกลิ่นมาจากด้านล่าง
หรือว่าด้านล่างจะมีห้องว่าง
พอเกิดความคิดนี้ ลั่วจิ่งเฉินก็รีบหาสิ่งที่คล้ายกับปุ่มเปิดปิด เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงยึดมั่นกับกลิ่นหอมนี้ แต่รู้สึกเพียงว่ากลิ่นนี้สำคัญอย่างมาก เขาลุกขึ้นมองไปรอบทิศ รอบข้างวุ่นวายเละเทะอย่างชัดเจน มีเพียงชั้นวางสินค้าด้านซ้ายข้างหน้าที่วางจานไว้ไม่กี่ใบ
เขาอดยื่นมือไปััไม่ได้ ได้ยินเพียงเสียงแกร๊กดังขึ้น ตำแหน่งด้านในสุดก็มีช่องขนาดใหญ่เปิดออก
เสียงดังสนั่นทำให้ชีเหนียงอดถอยหลังหนึ่งก้าวไม่ได้ รอจนฝุ่นหายฟุ้ง ชีเหนียงถึงมองเห็นคน้าชัดเจน
“จิ่งเฉิน!”
“ท่านแม่!”
ทั้งสองส่งเสียงพร้อมกัน ชีเหนียงรีบปีนขึ้นมา “เ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร? ไม่ถูกพวกเขาพบเข้าใช่หรือไม่?”
ลั่วจิ่งเฉินเห็นความห่วงใยจากใบหน้าของท่านแม่ แวบแรกที่นางเห็นตนเอง สิ่งที่นางเป็ห่วงมิใช่ความปลอดภัยของตน หากแต่ห่วงว่าเขาจะถูกใครพบเห็นหรือไม่ นี่ทำให้เขาไม่รู้จะบรรยายเช่นไร
มิน่ากลิ่นหอมนี้จึงทำให้เขาดึงดันเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็กลิ่นจากตัวของท่านแม่
“ข้าไม่เป็ไร เรารีบออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ขณะพูดชีเหนียงก็พยักหน้าต่อเนื่อง แต่หลังจากทั้งสองเปิดประตูห้องใต้ดิน กลับพบว่า้าห้องใต้ดินกลับมีหลวงจีนหลายรูปโผล่พรวดมา
“ข้าว่าแล้วว่าไม่มีเื่บังเอิญเช่นนี้ เป็ดั่งที่คาดจริงๆ!” เ้าอาวาสที่จากไปและกลับมาอีกครั้งยืนอยู่้า มองเห็นสองแม่ลูกที่ยื่นศีรษะขึ้นมาก็ยิ่งแน่ใจว่าความได้แตกเสียแล้ว
ในเมื่อถูกพบแล้ว ชีเหนียงกับลั่วจิ่งเฉินก็ออกมาจากห้องใต้ดิน หญิงสาวด้านล่างก็พากันกรูออกมา หลานไฉ่เตี๋ยนับว่าหลักแหลม พอรู้ว่าถูกคนจับได้ก็แอบหาโอกาสหลบหนีตลอด
หญิงสาวที่ถูกจับไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นหลวงจีนที่นี่ ในภาพความทรงจำของพวกนาง หลวงจีนคือตัวแทนของพระโพธิสัตว์ที่คอยช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ พวกนางรีบคุกเข่ากับพื้นและวิงวอนให้ช่วยเหลือตนเอง
“ท่านไต้ซือ ่พวกข้าด้วย เราถูกคนร้ายลักพาตัวมาที่นี่ ขอท่านไต้ซือได้โปรดช่วยให้ความเป็ธรรมกับเราด้วย”
“ท่านไต้ซือ ช่วยเราด้วย ช่วยเราด้วย!”
สำหรับหญิงสาวที่ถึงตอนนี้ยังไม่พบความผิดปกติ ลั่วชีเหนียงเองก็จนใจไม่รู้จะพูดอย่างไร
นางเอ่ยถามลั่วจิ่งเฉินเสียงค่อย “ใครมากับเ้าบ้าง?”
“มีท่านตากับยายโจว” พูดจบก็รู้สึกตื่นกลัว เขาบอกไว้ว่าจะมาพักที่ห้องรับรอง ประเดี๋ยวก็จะไปหาพวกเขา ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งก้านธูปแล้ว หากพวกเขารอไม่ไหวและมาตามหาตนเอง เช่นนั้นไม่เท่ากับเข้ามาติดร่างแหเองหรอกหรือ
ได้ยินว่าจ้าวจือชิงไม่ได้ตามมา ไม่รู้เพราะเหตุใดชีเหนียงถึงสลดเล็กน้อย เห็นทีคงต้องพึ่งตนเองจึงจะดี
ชีเหนียงพาจิ่งเฉินถอยหลังไปสองก้าว หลานไฉ่เตี๋ยที่คุกเข่ากับหญิงสาวเ่าั้แอบขยับไปทางนางสองก้าวอย่างเงียบเชียบ
เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นตรงขา จากนั้นก็เห็นรอยยิ้มเอาใจของหลานไฉ่เตี๋ย ผู้หญิงคนนี้มีไหวพริบจริงๆ
หากมีแค่ตนเอง นางจะต้องหลุดพ้นจากหลวงจีนเหล่านี้แน่ แต่ตอนนี้ขาของจิ่งเฉินยังไม่เหมาะแก่การเคลื่อนไหวมากมายนัก นางจำต้องคิดหาทางอื่น หวังว่าหลานไฉ่เตี๋ยผู้นี้จะเป็คนดี
“หากเ้า้าให้ข้าช่วย ก็ต้องให้ความร่วมมือกับข้า”
ชีเหนียงพูดกับนางอย่างเรียบง่าย แล้วเริ่มพูดเื่เกี่ยวกับเ้าอาวาสออกมา
“พวกเ้าเลิกขอร้องเขาได้แล้ว พวกเ้าไม่คิดว่าแปลกหรือ ทั้งที่เราถูกลักพาตัวมา แต่สถานที่หลบซ่อนกลับเป็ใต้ดินในวัดแห่งนี้ กระทั่งห้องเก็บของใต้ดินก็ปกปิดไว้ เื่เช่นนี้หากไม่มีการร่วมมือจากคนในคน เดาว่าพวกโจรลักพาตัวก็ไม่มีทางพาคนเข้ามาได้อย่างโจ่งแจ้ง”
เพียงคำพูดเดียวของชีเหนียงก็ทำให้หญิงสาวที่ขอความช่วยเหลือเบิกตาโตอย่างหวาดกลัว
เ้าอาวาสแสร้งทำเป็พูด “อมิตาพุทธ ข้าแด่พระโพธิสัตว์ ที่สีกากล่าวมาคืออะไร อาตมาไม่ทราบเื่”
“เหตุใดพวกเ้าจึงปรากฏตัวที่วัดของเรา ควรอธิบายสักหน่อยหรือไม่?”
วิธีการโต้กลับของเ้าอาวาสทำให้ชีเหนียงประเมินเขาสูงขึ้นอีก ใครบอกว่าหลวงจีนล้วนเป็คนดี
-----