เสียงโห่ร้องให้กำลังใจดังขึ้นอีกครั้ง ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกไปท้า ส่วนเถ่าแก่ได้แต่ปาดเหงื่อพลางยื่นตั๋วจำนวนหนึ่งให้เขา
ชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากสุนัขรับแผ่นตั๋วมา และเริ่มทายปริศนาโคมไฟที่แขวนเรียงรายแถวหนึ่ง ทายได้ใบแล้วใบเล่า เขาใช้เวลาคิดเพียงครู่เดียว ก่อนจะยื่นตั๋วใบใหม่ให้เถ้าแก่
“เลื่อมใสศรัทธา”
“โต๊ะ”
“นกนางแอ่น”
“ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก”
……
“เขาทายปริศนาโคมไฟของเราไปแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าเขาตอบเร็วขึ้น ิเยี่ยก็กระทืบเท้าอย่างเป็กังวล ชายหนุ่มได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมอง ไม่รู้กำลังมองเถ้าแก่หรือมองพวกเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ “ผู้ใดดวลชนะ ก็สามารถทายปริศนาโคมไฟได้มิใช่หรือ? แล้วถ้าผู้ใดทายถูก โคมไฟก็ต้องเป็ผู้นั้นมิใช่หรือ? เหตุใดถึงบอกว่าโคมไฟพวกนี้เป็ของพวกเ้าเล่า?”
ิหยวนกำลังจะเอ่ยทักทาย หมายจะเกลี้ยกล่อมให้เขาหยุดทายปริศนาโคมไฟ ทว่าเว่ยเสี่ยนกลับเอ่ยเสียงเย็น “แล้วอย่างไร”
องครักษ์รอบกายชักดาบออกมาล้อมชายหนุ่มผู้นั้นไว้ด้วยท่าทางคุกคามข่มขู่ ทว่าเขากลับยืนนิ่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่พอเขาขยับเท้าออกเดิน บรรดาองครักษ์ที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่ก็ก้าวตาม และหนึ่งในนั้นก็ยกดาบพาดคอเขาไว้ ชายผู้นั้นจึงยกมือข้างหนึ่งเป็การยอมแพ้พร้อมก้าวถอย ส่วนมืออีกข้างถือโคมไฟสุดปราณีตพลางแกว่งมันไปมาเบาๆ แถมยังเอ่ยเสียงยียวน “ก็ไม่อย่างไรหรอก โลกก็เป็เช่นนี้ ผู้ใดมีอำนาจบาตรใหญ่อยากทำสิ่งใดก็ไม่ต้องมีเหตุผล”
“เ้า!” เว่ยเสี่ยนกระชากหน้ากากออก “วันนี้ข้าต้องสั่งสอนเ้าให้ได้”
ิหยวนเหนื่อยใจ เที่ยวงานโคมไฟอยู่ดีๆ เขาก็ป่าวประกาศจะว่าจะฆ่าคนอีกแล้ว เป็อย่างที่หม่านหรงบอกไว้ไม่มีผิด ท่านผู้นี้สามารถสังหารผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล
ิหยวนก้าวไปข้างหน้า คารวะครึ่งพิธี แล้วผายมือไปทางเว่ยชงพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็มิตร “คุณชาย ไม่ใช่เราที่้าโคมไฟ แต่เป็เด็กที่้า ข้าเห็นว่าท่านเองก็ได้ไปตั้งมากแล้ว พอจะได้แบ่งให้เราได้หรือไม่ขอรับ? ขายโคมไฟที่ท่านทายได้ให้เรา หรือจะขายตั๋วที่ท่านมีให้เราก็ได้ขอรับ”
ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสุนัขเหลือบมองเว่ยชงที่นั่งอยู่บนรถเข็น อารมณ์คุกกรุ่นก็พลันสงบลง ใจเขาอยากถอยให้ แต่มันยอมไม่ได้ “แต่ข้าสัญญากับใครบางคนไว้แล้วว่าจะทายปริศนาโคมไฟนี้ไปให้นาง”
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้มหน้าลงนับตั๋วในมือ บางทีถ้าเขาแบ่งตั๋วให้ อย่างน้อยก็คงได้โคมไฟไปคนละอัน
เถ้าแก่ร้านโคมไฟใจนเหงื่อตก แต่ตอนนี้เห็นสถานการณ์คลี่คลายแล้วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก การต่อสู้ระหว่างเทพเ้านำความหายนะมาสู่ปลาในบ่อ ธุรกิจเล็กๆ ของพวกเขาจะต้องย่อยยับแน่ หากได้รับผลกระทบแม้เพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจจะล้มละลายและต้องหาทางหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีอื่น
เขาเป็คนฉลาด เมื่อพายุสงบ เขาจึงคว้าโอกาสทำให้บรรยากาศกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง รีบเข้ามาทักทายถ่ามไถ่ด้วยรอยยิ้ม “คุณชายทุกท่านไม่ต้องนับแล้วขอรับ ข้าน้อยกลัวเข้าเนื้อ ปริศนาโคมไฟนี้จึงมีเพียงสิบเก้าข้อเท่านั้น ทุกท่านมาที่นี้เพื่อความสนุกสนานเบิกบานใจ มิสู้เอาอย่างนี้ ปริศนาที่เหลือมอบให้ผู้น้อย สองท่านแข่งขันกันทาย ให้ข้าน้อยเป็ผู้อ่าน ผู้ใดตอบได้ก่อนชนะ ผู้ใดทายได้ครบสิบข้อก่อนจะมีสิทธิเลือกโคมไฟปักดิ้นทองหนึ่งใบ ส่วนอีกคนเลือกโคมไฟใบเล็กได้หนึ่งใบ คุณชายทุกท่านเห็นด้วยหรือไม่?”
สีหน้าของชายหนุ่มถูกซ่อนไว้หลังหน้ากาก แต่เขาเอ่ยตอบรับด้วยน้ำเสียงขบขัน “ไม่มีปัญหา”
ิหยวนเองก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มพร้อมผายมือเชิญ
เถ้าแก่รวบรวมโคมไฟที่เหลืออยู่ และตั๋วที่เหลืออยู่ในมือทั้งสองฝ่าย
เมื่อมีการแข่งขัน ผู้คนรอบๆ ต่างเข้ามามุงดูด้วยความสนุกสนาน เถ้าแก่โค้งอย่างสุภาพก่อนเริ่มอ่านคำปริศนา “เก้าสิบเก้า ปริศนาหนึ่งพยางค์”
ิหยวนรู้คำตอบแล้ว แต่กลับถูกอีกคนตัดหน้าไปเสียก่อน ชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ความมั่นใจของเขาเริ่มสั่นคลอน “คำตอบคือคำว่าขาว”
“ถูกต้อง โคมไฟของท่านขอรับ” เถ้าแก่ส่งโคมไฟอันเล็กให้ คนข้างกายเขาจึงรับมันมาถือไว้
“ข้อต่อไป พิจารณาตนทุกวันสามเวลา สมุนไพรชนิดหนึ่ง”
ข้อนี้ิหยวนถนัดนัก “ฝางจี่”
“คุณชายปราดเปรื่องยิ่งนัก” เถ้าแก่ปลดโคมไฟที่แขวนอยู่พลางเอ่ยชื่นชม ตั้งใจจะส่งให้เว่ยชงกับมือ “คุณชายน้อยถือระวังนะขอรับ”
ทว่ายังส่งไม่ถึงมือเด็กน้อย คนผู้หนึ่งก็เข้ามาขวางพร้อมคว้าโคมมามอบให้ผู้เป็นายน้อยเอง
“เถาหลิงสุดแสนโปรดปราน หว่านเมล็ดเพาะปลูกด้วยมือตน ถึงยามสารทบุปผาอื่นร่วงหล่น มีเพียงเ้างามเด่นริมรั้วตำหนักบูรพา คือพืชชนิดหนึ่ง…”
“ดอกเบญจมาศ” ฟังคำถามยังไม่ทันจบ ิหยวนก็ตอบแล้ว
“หว่านเมล็ดพันธุ์ ชื่อของสัตว์ชนิดหนึ่ง”
“นกกาเหว่า” คราวนี้เป็ฝ่ายตรงข้ามตอบก่อน
ทั้งสองผลัดกันตอบอยู่อย่างนั้น บางคำถามเถ้าแก่ยังถามไม่จบ พวกเขาก็แย่งกันตอบเสียแล้ว สองฝ่ายสูสีกันจนเถ้าแก่ไม่สามารถตัดสินใจให้ผู้ใดเป็ฝ่ายชนะ จึงหันไปขอความเห็นผู้ชมรอบๆ ยิ่งคนมารวมตัวกันมากเท่าไรก็ยิ่งมีเสียงะโโต้เถียงกันอย่างครึกครื้น
เนื่องจากิหยวนสวมหน้ากากแมวและชายหนุ่มตรงข้ามสวมหน้ากากสุนัข พวกเขาจึงถูกเรียกว่า “คุณชายแมว” และ “คุณชายหมา” ผู้คนเริ่มแบ่งฝ่ายออกเป็สองฝั่ง หากิหยวนตอบได้ ฝ่ายนี้ก็จะโห่ร้องให้กำลังใจ ฝ่ายนั้นก็จะะโคร่ำครวญ หากฝ่ายนี้กระทืบเท้าขัดใจ ฝ่ายนั้นก็จะปรบมือดีใจ แม้แต่เว่ยชงยังะโตามท่าทางตื่นเต้น
จนมาถึงคำถามสุดท้าย ทว่าทั้งสองฝ่ายต่างมีคนละเก้าคะแนน คำปริศนาสุดท้ายจะเป็คำถามตัดสินว่าโคมไฟปักดิ้นทองจะตกเป็ของผู้ใด
“คำถามสุดท้าย โปรดตั้งใจฟัง” เถ้าแก่ทิ้งจังหวะครู่หนึ่ง กวาดตามองรอบๆ จงใจเอ่ยช้าๆ เพื่อให้ทุกคนลุ้นระทึก “คำถามนี้ช่างเหมาะสมกับระดับความรู้ของทั้งสองท่านยิ่ง ปริศนาขึ้นต้นด้วย บุตรธิดาเปรียบเสมือนเหล้าองุ่น ลงท้ายด้วยหนึ่งประโยคจากคัมภีร์ซือจิง”
ิหยวนและอีกฝ่ายสบตากันผ่านหน้ากาก ิหยวนเกิดความไม่แน่ใจจึงเหลือบมองอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่พอเห็นว่าเขายังคงครุ่นคิด ไม่มีท่าทีรีบเร่งที่จะตอบ แต่จงใจจ้องมองเว่ยชงบนรถเข็น แม้ใบหน้าเขาจะถูกปิดบังด้วยหน้ากาก ทว่าิหยวนััได้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนกำลังยิ้ม
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจถอยให้ ิหยวนจึงน้อมรับไว้ด้วยการประสานมือคำนับอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนตอบ “คำตอบคือ ‘ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ผู้คนพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม' ใช่หรือไม่?”
“ขอแสดงความยินดีกับคุณชาย!” เถ้าแก่ยิ้มแย้มแจ่มใส ผู้คนรอบๆ ต่างส่งเสียงแสดงความยินดีที่ปะปนมาพร้อมกับเสียงคร่ำครวญด้วยความเสียดายต่อ “คุณชายหมา”
“เลือกใบที่้าได้เลยขอรับ”
เว่ยเสี่ยนก้มศีรษะลงถามเด็กน้อยผู้สูงศักดิ์ “ชงเก้อเอ๋อร์ ชอบอันไหน ลองเลือกดู”
แม้พัฒนาการของเว่ยชงจะช้า แต่เขาได้เลือกสิ่งที่เขาชอบไว้แล้ว และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะชี้มัน
“อันนี้หรือ?” ิหยวนมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ “หรือตั๊กแตนอันนั้น?”
“อืมๆ เอาๆ”
เถ้าแก่เ้าของร้านไม่รอช้า รีบปลดคมไฟลงมา นำไปแสดงต่อหน้าผู้ดูทุกคน ตามที่คาดไว้ ผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา
เว่ยชงถือโคมไฟใบสวยไว้ด้วยสีหน้าพึ่งพอใจเต็มเปี่ยม
เถ้าแก่หันไปบอกให้ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสุนัขเลือกโคมไฟทรงสี่เหลี่ยมได้หนึ่งอัน
เว่ยเสี่ยนที่เริ่มเบื่อหน่ายมองเว่ยชงพร้อมเอ่ยถาม “พอใจแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นเรากลับกันเลยดีหรือไม่?”
แต่เว่ยชงไม่สนใจเขา
เว่ยเสี่ยนจึงขยิบตาสั่งให้คนของเขาไปเจรจากับเถ้าแก่ที่กำลังวุ่นวายอยู่กับผู้คนที่มาทายปริศนาโคมไฟ และชี้ไปที่โคมไฟที่แขวนอยู่อีกอัน ิหยวนเกิดเห็นใจเถ้าแก่ร้านปริศนาโคมไฟ กลัวว่าคืนนี้เขาจะเดือดร้อน นอกจากจะไม่ได้กำไรแล้วยังจะขาดทุน
ิหยวนก้าวเข้าไปขอบคุณเขา คุณชายผู้นั้นถือโคมไฟสี่เหลี่ยมที่เขาได้รับพาดบ่าไว้ ประสานมือคารวะตอบพร้อมรอยยิ้ม
ิหยวนกำลังจะพูดบางอย่างกับคนผู้นั้น จู่ๆ เสียงะโด้วยความตื่นใดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “เร็วเข้า เร็ว! รีบไปหาน้ำมา…”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------