เพียงแค่สามกระบี่จางหลงก็โดนเสวียนเทียนตบเข้าหนึ่งฝ่ามือ
แต่เดิมจางหลงก็ถอยไปจนเกือบจะถึงสุดขอบเวทีประลองแล้วโดนเสวียนเทียนตบหนึ่งฝ่ามือลอยไป กลับไปตกกลางเวทีอีกครั้งหนึ่ง
ศิษย์นอกไม่น้อยตาเบิกค้าง มืออุดปากเกือบจะหลุดเสียงใออกมา จางหลงเป็หนึ่งในสามสุดยอดของศิษย์สำนักนอกแต่บนเวทีประลองกลับถูกเสวียนเทียนตบอย่างจังหนึ่งฝ่ามือต่อหน้าทุกคนผลเช่นนี้ทำให้คนยากจะทำใจยอมรับได้ มันยิ่งกว่าจางหลงโดนเสวียนเทียนแทงหนึ่งกระบี่เสียอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิษย์นอกที่ติดตามจางหลงดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ในใจของพวกเขาจางหลงเป็ผู้ที่ไร้คู่ต่อกรในบรรดาศิษย์นอก ต่อให้เผชิญหน้ากับศิษย์พี่หยางพวกเขาล้วนเชื่อมั่นในตัวจางหลงว่าไม่มีทางพ่ายแพ้เป็แน่
แต่ต่อให้พวกเขาไม่เชื่อความจริงที่เสวียนเทียนตบจางหลงหนึ่งฝ่ามือก็ทำให้ตัวตนสูงส่งยิ่งใหญ่ของจางหลงในใจของพวกเขาแทบจะร่วงหล่นลงมา
ฝ่ามือแรกไม่ใช่จุดจบ เป็แค่จุดเริ่มต้น!
จางหลงเพิ่งจะตกลงบนพื้นเวทีประลองเสวียนเทียนก็เหมือนสลาตันพัดเข้ามา ท่วงท่ากระบี่ราวกับวายุคลั่งคนก็ราวกับวายุคลั่ง เป็ ‘ท่าวายุคลั่ง’ อีกหนึ่งกระบวนท่า
วายุคลั่งรอบด้าน แสงกระบี่ของเสวียนเทียนจากสี่ด้านแปดทิศ ฟันเข้าไปหาจางหลง
ป้าบ!
เสียงทึบตันดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งจางหลงป้องกันเงากระบี่ของเสวียนเทียนไว้ได้ แต่ฝ่ามือของเสวียนเทียนลี้ลับยิ่งกว่าลี้ลับ อีกฝ่ามือหนึ่งก็ประทับลงบนหน้าของจางหลง
รอยฝ่ามือแดงเถือกอีกรอยหนึ่งปรากฏขึ้น ใบหน้าของจางหลงหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ล้วนนาบรอยฝ่ามือแดงเถือกหนึ่งรอย
ฝ่ามือนี้เทียบกับฝ่ามือแรกตบมาหนักกว่ามากตบจนจางหลงพ่นเืสดออกมา ฟันสองสามซี่ก็ถ่มออกมากับเืด้วย
ฝ่ามือที่หนึ่งเสวียนเทียนตบขึ้นฟ้าดังนั้นจางหลงจึงโดนตบลอยออกไป ฝ่ามือนี้เสวียนเทียนตบจากบนลงล่าง เท้าของจางหลงซวนเซร่างกายเอนมาข้างหน้า
ศีรษะที่โดนเสวียนเทียนตบมาหนักๆ หนึ่งฝ่ามือกระเทือนอย่างรุนแรงทำให้สมองของจางหลงหยุดทำงานไปชั่วขณะ อาการวูบ่สั้นๆ กินเวลาชั่วพริบตาก็หายไป
แต่เวลาชั่วพริบตา สำหรับเสวียนเทียนก็เพียงพอให้ลงมือหนึ่งครั้งแล้วเสวียนเทียนตั้งฝ่ามือราวกับกระบี่ เหวี่ยงฟันลงมาตรงหลังคอของจางหลง
จางหลงเพิ่งฟื้นจากอาการวูบ พลังที่รุนแรงยิ่งกว่าสายหนึ่งก็ส่งมาจากด้านหลังศีรษะสมองตกอยู่ในสภาวะสับสนอีกครั้ง
ถูกฝ่ามือกระบี่ของเสวียนเทียนฟันเข้าที่หลังคอครั้งนี้จางหลงพลันล้มลงไปเร็วกว่าเดิม หมอบอยู่บนเวทีประลองด้วยท่าสุนัขป่าหมอบดมกองมูล
เสวียนเทียนเก็บกระบี่เข้าฝัก พร้อมกันนั้นขาก็เตะทีหนึ่งเตะร่างของจางหลงให้พลิกกลับมา เสวียนเทียนก้าวพรวดไปข้างหน้า สองเข่าคุกเข่าลงไปทับสองแขนของจางหลงแน่นิ่งสนิทอยู่ใต้เข่า
ร่างก็นั่งลงไปทับอยู่บนร่างของจางหลง
จางหลงเพิ่งฟื้นกลับมาจากอาการสมองมึนงงยังไม่ทันรู้สึกถึงความเ็ปรุนแรงบริเวณศีรษะร่างกายก็โดนเสวียนเทียนตรึงไว้เสียแล้ว
จางหลงตื่นใ งอเข่าแล้วกระทุ้งเข่ากระแทกเข้าที่แผ่นหลังของเสวียนเทียน ดังตึงขึ้นมาครั้งหนึ่ง
แต่ร่างกายของเสวียนเทียนเหมือนกับหยั่งรากลงกับพื้นเข่าของจางหลงกระแทกเสวียนเทียนให้ขยับไม่ได้แม้แต่นิด
มือซ้ายของเสวียนเทียนถือกระบี่มือขวาที่ว่างห้านิ้วเรียงชิดเป็ฝ่ามือ ตบลงไปบนใบหน้าของจางหลงราวกับลมพายุ
เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ...!
ตบฝ่ามือ ตบหลังมือ ตบงัดหงาย...!
ได้ยินเสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังก้องระลอกหนึ่งฝ่ามือของเสวียนเทียนราวกับสายฟ้า ชั่วดีดนิ้วมือ อย่างน้อยก็ตบไปสิบฝ่ามือตบทั้งแรงและหนักไปที่ใบหน้าของจางหลงหน้าของจางลงพริบตาก็ปูดบวมแทบจะกลายเป็ศีรษะหมูหัวใหญ่
จางหลงตีเข่าหนักๆ โจมตีเสวียนเทียนไปหลายครั้งแต่ไม่อาจทำให้ร่างของเสวียนเทียนขยับไปได้แม้แต่น้อย
หลังฝ่ามือของเสวียนเทียนตบรัวลงมาจางหลงไม่นานก็หมดแรงต่อต้านไป เหลือเพียงแต่เสียงโหยหวนน่าอดสู เืกบปากถ่มฟันซี่แล้วซี่เล่าออกมา
สำนักนอกทั้งหมด ทั้งผู้าุโและลูกศิษย์ไม่มีใครไม่ตื่นตะลึง
การแข่งขันของศิษย์สำนักกระบี่์ทั้งสองสู้กันมาจนถึงสุดท้ายกลับไม่มีาแจากกระบี่สักที่ แต่หน้าโดนตบกระหน่ำไม่หยุด
ตบหน้า ตบสักชั่วโมงครึ่งก็ตบไม่ตายอาการาเ็ที่ได้รับก็ไม่หนักหนาเท่ากับกระบี่แทงเข้าลำตัวสักทีหนึ่ง แต่ความอับอายที่ได้รับชนะแผลจากกระบี่ไปไกล
เสวียนเทียนกับจางหลงสู้กันมาจนถึงจุดนี้ใครก็ล้วนมองออกว่าระหว่างทั้งคู่ต้องมีความแค้นล้ำลึก ไม่อย่างนั้น หากเสวียนเทียนจะเอาชนะจางหลงแค่โจมตีจางหลงตกเวทีไป หรือแทงกระบี่หนึ่งให้าเ็หรือไม่ก็ตรึงจางหลงไว้ไม่ให้ขยับ หนึ่งกระบี่ประชิดลำคอก็สามารถเอาชนะได้แล้ว
แต่เสวียนเทียนกลับตรึงจางหลงไว้แล้วตบหน้าจางหลงรัวดังราวกับประทัดไม่ปล่อยให้จางหลงได้มีโอกาสแม้แต่จะพูดยอมแพ้ ตบจนจางหลงร้องโหยหวนไม่อาจส่งเสียงพูดออกมาได้
ศิษย์สำนักนอกที่ติดตามจางหลงเห็นลูกพี่ใหญ่ถูกเสวียนเทียนตบยับราวกับตีสุนัขตัวหนึ่งเริ่มแรกในใจรู้สึกโกรธแค้น แต่เมื่อจางหลงไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย ผ่านไปไม่นานความโกรธในใจก็เปลี่ยนเป็ความอับอายรู้เพียงว่าติดตามลูกพี่ใหญ่อย่างจางหลงเป็เื่น่าขายหน้าอย่างแท้จริง
ส่วนศิษย์นอกที่สนับสนุนเสวียนเทียนเริ่มแรกตกตะลึง หลังจากตะลึงไปชั่วครู่ สิ่งที่ตามมาก็คือเสียงร้องให้กำลังใจที่ดังะเืฟ้าะเืดินเพราะถึงแม้ว่าเสวียนเทียนจะยังตบหน้าจางหลงไม่จบ แต่ทุกคนก็รู้แล้วว่า การต่อสู้ครั้งนี้เสวียนเทียนชนะแล้ว
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
......
......
ในใจของเสวียนเทียนปลอดโปร่งเป็ที่สุดทุกฝ่ามือที่ตบจางหลงครั้งหนึ่ง ความคิดในใจของเขาก็ปลอดโปร่งขึ้นมาส่วนหนึ่ง ไฟโทสะลึกลงไปในใจสลายไปหมดแล้วสิ่งที่เข้ามาแทนคือความสาแก่ใจและความตื่นเต้นยินดีเหลือประมาณเงากระบี่เลือนรางลึกลงไปในดวงตาสองข้างหายไปไม่เห็นนานแล้วไม่มีใครสักคนเห็นว่าเงากระบี่เลือนรางนั้นเคยปรากฏขึ้นมา
เสวียนเทียนตบจางหลงไปถึงหลายสิบฝ่ามือตบจนหน้าของจางหลงกลายเป็ศีรษะหมู หมดสติไป ไฟโทสะในใจสลายจนหมดสิ้น สาแก่ใจแล้วถึงหยุดโจมตี
ระหว่างการแข่งขันมีเพียงยามที่เกิดอันตรายถึงชีวิตเท่านั้นผู้าุโและผู้ดูแลสำนักนอกถึงจะยื่นมือเข้าขวาง แต่เสวียนเทียนตบจางหลงสิบกว่าฝ่ามืออย่างไรก็ไม่อันตรายถึงชีวิตผู้าุโกับผู้ดูแลสำนักนอกบนเวทีผู้ชมจึงไม่อาจเข้ามาห้ามได้ แน่นอนว่าหากเสวียนเทียนไม่หยุดมือยังคงตบต่อไปไม่หยุด ตบนานเข้าจนจางหลงอาจถูกตบจนตายผู้าุโกับผู้ดูแลบนเวทีผู้ชมย่อมต้องเข้ามาห้าม
เสวียนเทียนย่อมไม่มีความคิดจะทำร้ายจางหลงให้ตายบนเวทีประลองหลังลุกขึ้นก็เตะเข้าทีหนึ่ง ร่างของจางหลงพลันลอยไปไกล ตกลงไปจากเวที
รอบที่เก้าคู่ที่สอง เสวียนเทียนกับจางหลงเสวียนเทียนชนะ เข้าสู่รอบที่สิบ รอบชิงชนะเลิศ ชิงที่หนึ่งกับหยางติ่งจวิน
จางหลงถูกเสวียนเทียนเล่นงานจนสลบไม่ได้สติบรรดาศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบมองเสวียนเทียน ไม่มีสีหน้าดูถูกอีกแล้ว ดวงตาฉายแวววาดกลัว
ด้านล่างเวทีประลอง จางหลงได้หนิวจื้อเกากับจางหู่ประคองเขาค่อยๆ ได้สติฟื้นขึ้นมา คิดถึงตอนที่อยู่บนเวทีประลอง ถูกเสวียนเทียนตบหน้ามากขนาดนั้นต่อหน้าต่อตาผู้คนถูกเล่นงานจนมีสภาพเช่นนี้ ความเชื่อมั่นในใจของจางหลงถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ทั้งร่างสูญเสียปราณอันแหลมคมไปหมดสิ้นน้ำตาไหลออกมาราวกับตาน้ำ เขาร้องไห้ออกมา
ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ไป หากจางหลงไม่อาจก้าวข้ามความพ่ายแพ้ทางใจนี้ได้ชีวิตนี้เส้นทางการฝึกยุทธ์ของเขาคงหยุดอยู่ที่พลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบแล้ว กำจัดปีศาจในใจไม่ได้ย่อมไม่อาจก้าวสู้ชั้นเบิกนภาได้
เสวียนเทียนลงจากเวทีประลองผู้าุโสำนักนอกบนเวทีผู้ชมประกาศผลการต่อสู้คู่นี้ตามไล่หลังมา จางหลงแพ้ประลองชิงอันดับสามและสี่กับไป๋จั่นเฮ่อเสวียนเทียนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศชิงอันดับหนึ่งกับหยางติ่งจวิน
จางหลงถูกเล่นงานจนมีสภาพเช่นนี้ผู้าุโสำนักนอกไม่ตำหนิเสวียนเทียนสักครึ่งคำแม้ว่าจางหลงจะถูกทำร้ายจิตใจจากการต่อสู้ครั้งนี้อย่างสาหัส แทบจะทำให้เขาใจสลายแต่สำนักก็ไม่อาจลงโทษผู้ชนะเพราะผู้แพ้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เสวียนเทียนยังเป็คนที่ท่านเ้าสำนักสนใจต่อให้บนเวทีประลองจะเล่นงานจางหลงจนพิการเกรงว่าผู้าุโและเ้าตำหนักประจำสำนักนอกก็ไม่อาจลงโทษใดๆ ได้
การแข่งขันรอบที่เก้าผลออกมาผิดไปจากที่คนส่วนใหญ่คิดสิ่งที่เกิดระหว่างการแข่งขันยิ่งเหนือไปจากความคาดคิดของทุกคนชื่อเสียงของเสวียนเทียนพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งขึ้นไปถึงจุดที่ไม่แตกต่างอะไรกับหยางติ่งจวิน
การแข่งขันรอบที่สิบเป็การแข่งรอบชิงชนะเลิศเป็รอบสุดท้ายของการแข่งขันจัดอันดับ เป็ศึกของผู้อยู่บนจุดสุดยอดตำแหน่งอันดับหนึ่งของศิษย์สำนักนอกจะตกเป็ของหยางติ่งจวินผู้ที่ศิษย์นอกแทบทุกคนยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งคนนี้หรือจะเป็ของเสวียนเทียนผู้มีพลังวัตรเพียงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดแต่เป็ม้ามืดที่โดดเด่นขึ้นมาในการแข่งขันจัดอันดับครั้งนี้ปริศนานี้กำลังจะถูกเฉลยแล้ว
การต่อสู้คู่สุดท้ายของรอบเช้าคือการต่อสู้ชิงอันดับสามและสี่ระหว่างจางหลงกับไป๋จั่นเฮ่อ ไม่ต้องสงสัยจางหลงผู้สูญเสียความเชื่อมั่นในจิตใจไปหมดสิ้น ขนาดเวทีประลองก็ไม่ขึ้นยอมแพ้ให้แก่ไป๋จั่นเฮ่อ ในใจของเขาเกิดความหวาดกลัวต่อการขึ้นเวทีประลองต่อการต่อสู้กับคนอื่นไปเสียแล้ว
ท่าทีของจางหลงทำให้ศิษย์นอกที่ติดตามเขาสูญเสียความศรัทธาที่มีให้เขาไปหมดสิ้นพากันย้ายไปเข้าพรรคพวกของหยางติ่งจวินหรือไป๋จั่นเฮ่อ หรือไม่ก็เสวียนเทียน
หลังพักทานอาหารกลางวันก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ มีเวลาพักผ่อนหนึ่งชั่วยาม
เสวียนเทียนกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องทันใดนั้นหวงสือก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่งเข้ามา ปากรีบร้อนบอกว่า “พี่เทียนนี่เป็ข้อความที่หนิวจื้อเกาให้คนส่งต่อมา”
เสวียนเทียนรับกระดาษไปเปิดออกดู ในนั้นเขียนเพียงว่า“หวงเทียนไอ้คนเถื่อนต่างถิ่น ท่านพ่อของข้าแตะสุดขอบขั้นของชั้นเบิกนภาขั้นสามแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะบรรลุชั้นเบิกนภาขั้นสี่พวกเ้าตระกูลหวงคนเถื่อนต่างถิ่นทั้งหมด ทุกคนจะต้องตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย!”
“ทำอย่างไรดี พี่เทียน?”
เห็นได้ชัดว่าหวงสืออ่านข้อความแผ่นนั้นแล้วรีบร้อนกล่าวว่า “ตระกูลเราเกรงว่าจะมีภัยแล้ว”
เสวียนเทียนฉีกกระดาษข้อความเป็ชิ้นๆ ตอบว่า “ไม่ต้องร้อนใจไปพี่ไม่ได้กลับบ้านมาสี่ปีแล้ว รอการแข่งขันจัดอันดับจบลง พี่จะกลับไปที่อำเภอเป่ยโม่สักรอบพี่คว้าที่หนึ่งของสำนักนอกมาได้ย่อมได้รับรางวัลจากสำนักพี่จะซื้อโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็จำนวนหนึ่งกลับไป ขอเพียงท่านพ่อหรือท่านลุง หรือท่านตาคนใดคนหนึ่งรักษาอาการาเ็จนหายฟื้นฟูพลังวัตรได้ ตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลแห่งอำเภอเป่ยโม่ก็เป็แค่มดเท่านั้นไม่จำเป็ต้องกลัวพวกเขาหรอก”
หวงสือพยักหน้ารับ “น่าเสียดายพลังวัตรไม่ถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดไม่สามารถออกจากสำนักได้ ไม่อย่างนั้นข้าก็อยากกลับไปเยี่ยมตระกูลบ้างข้าจากบ้านมาสามปีได้แล้ว”
เสวียนเทียนตบไหล่หวงสือ ปลอบว่า “ฤทธิ์ของหญ้าฉีหวงน่าหวาดกลัวนัก ใช้เวลาไม่นานเ้าต้องลุขั้นเจ็ดได้แน่ ปีนี้พี่จะกลับไปก่อนปีหน้ารอพลังวัตรของเ้าทะลุขั้นแปด พี่จะสอนเพลงกระบี่ชุดหนึ่งให้เ้า เ้าคว้าอันดับดีๆในการแข่งขันจัดอันดับได้ก็กลับบ้านอย่างภาคภูมิได้แล้ว”