ทันทีที่จวินจิ่วเฉินโยนคำถามที่อาจารย์แพทย์เจี่ยนถูกสังหารออกมา จวินเย่าเฉิงที่นั่งอยู่ด้านข้างก็เกิดความตึงเครียด เขาแอบส่งสายตาเป็นัยไปให้องค์หญิงหวายหนิงเพราะกลัวว่าทันทีที่นางเศร้าโศกนางจะลืมเลือนเื่ราวที่ได้พูดคุยกันไว้ก่อนหน้านี้
บัดนี้ความสนใจขององค์หญิงหวายหนิงล้วนตกไปอยู่ที่ฉีอวี้ ดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก นางรอคอยให้ฉีอวี้เปิดเผยความในใจต่อนางมาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับในสถานการณ์เช่นนี้
ในที่สุดนางก็ไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้นแล้ว อย่างน้อยนางก็รอจนได้รับแล้ว
องค์หญิงหวายหนิงปาดน้ำตาบนใบหน้าออก ก่อนจะหันไปมองจวินจิ่วเฉินด้วยความแน่วแน่ “เป็ข้าเอง! ท่านพี่จิ้ง ข้าสั่งให้คนไปสังหารอาจารย์แพทย์เจี่ยน ่เวลาที่อยู่ในศาลพิจารณาคดีในวันนั้น หลังจากที่ข้าได้รับรู้ว่าลิ่วตันซางลู่มีพิษจึงได้สั่งให้คนรีบกลับไปในพระราชวังเพื่อไปซักถามอาจารย์แพทย์เจี่ยน อาจารย์แพทย์เจี่ยนไม่ยอมรับ ข้า ข้า…ท่านพี่ฟู่ฟางให้การไปที่นาง ข้าจึง…จึงสั่งให้คนสังหารนางแล้วสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาทุกคนล้วนคาดไม่ถึง
องค์หญิงหวายหนิงไม่ยอมรับผิดก็ช่าง สังหารอาจารย์แพทย์เจี่ยนก็ช่าง แต่นี่กลับสร้างหลักฐานเท็จโยนความผิดไปให้ตระกูลฉี
นี่มันจะเป็เ้าแผนการชั่วร้ายเกินไปแล้ว!
นางชอบฉีอวี้ไม่ใช่หรือ? คนที่นางชอบที่สุดน่าจะเป็ตัวนางเองมากกว่า?
ฉีอวี้เงียบสนิท ฝ่ามือภายใต้แขนเสื้อได้กำไว้แน่น แม่ทัพใหญ่ฉีก็อดไม่ได้ที่จะเค้นเสียงก่นด่าใส่องค์หญิงหวายหนิง เขาขาดเพียงแค่ถ่มน้ำลายใส่นางแล้ว
กูเฟยเยี่ยนมองด้วยความระแวง
่เวลาที่อาจารย์แพทย์เจี่ยนถูกสังหารตรงกับ่เวลาที่องค์หญิงหวายหนิงให้การรับสารภาพพอดี ใน่เวลาที่อยู่ภายในศาลพิจารณาคดี เซวียกงกงแห่งตำหนักขององค์หญิงหวายหนิงได้หลบหลีกออกไปกลางคันหลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่ว่าจากมันสมองกับอุปนิสัยขององค์หญิงหวายหนิงแล้ว ภายใต้สถานการณ์ในตอนนั้น นางจะยังตัดสินใจและกระทำในสิ่งที่เป็ประโยชน์ต่อตนเองได้อย่างสงบและรวดเร็วหรือ? ดูเหมือนว่าจะเป็ไปไม่ได้นะ!
กูเฟยเยี่ยนหันไปมองจวินเย่าเฉิงที่นั่งอยู่ด้านข้างจวินจิ่วเฉินด้วยความสงสัย แทนที่จะเชื่อว่าองค์หญิงหวายหนิงเป็ผู้สังหาร นางเต็มใจที่จะเชื่อว่าจวินเย่าเฉิงหน้าเนื้อใจเสือคือผู้ที่ทำการสังหารมากยิ่งกว่า เพราะว่าในตอนที่ฉีฟู่ฟางให้การไปที่อาจารย์แพทย์เจี่ยน จวินเย่าเฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย
จวินจิ่วเฉินไม่ได้ไล่ถามองค์หญิงหวายหนิงต่อ เขาขมวดคิ้วเบาๆ เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นจึงหันไปมองจวินเย่าเฉิง
จวินเย่าเฉิงกำลังจ้องมองไปที่จวินจิ่วเฉินพอดี ทันทีที่เห็นว่าจวินจิ่วเฉินหันมา เขาก็หันหน้าหนีโดยแสร้งทำเป็มองไม่เห็นและแสร้งทำท่าทีโกรธองค์หญิงหวายหนิงจนพูดไม่ออก สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ผ่านไปเป็เวลานานจวินจิ่วเฉินก็ยังคงไม่เอ่ยอะไรขึ้นมา จวินเย่าเฉิงก็ไม่อาจทราบได้ว่าจวินจิ่วเฉินยังมองมาที่เขาหรือไม่ จู่ๆ เขาจึงยกมือขึ้นมาทุบลงไปที่โต๊ะอย่างแรงพลันเอ่ยด้วยความโกรธ “หวายหนิง เ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ! ข้าเชื่อใจเ้าขนาดนี้ เ้า เ้าถึงกับ…เ้าถึงกับหลอกได้แม้กระทั่งข้า แม้กระทั่งหมู่เฟยกับฟู่หวง ทุกคนล้วนถูกเ้าหลอกกันหมด! เ้า เ้า เ้า…เ้าช่วยเหลือตนเองเอาแล้วกัน! ”
หลังจากที่เขาเอ่ยจบก็ลุกขึ้นด้วยท่าทีเดือดเป็ฟืนเป็ไฟ ก่อนจะก้าวเท้าพรวดพราดออกจากประตูไป
องค์หญิงหวายหนิงตะลึงงันเล็กน้อย ท่านพี่หมายความว่าอย่างไรกัน? ไม่ใช่คุยกันแล้วว่าจะช่วยนางอ้อนวอนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยและให้ความช่วยเหลือตระกูลฉีหรือ?
เขา…กลับหลบหนีไปแล้ว?
เขาหลอกลวง!
แม้ว่าองค์หญิงหวายหนิงจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจแสดงออกมาได้
นางทำได้เพียงร้องไห้อ้อนวอน “ท่านพี่จิ้งหวาง ข้าขอโทษท่าน ขอโทษตระกูลฉี ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ หากรู้ว่ายานั่นมีพิษ ข้า ข้า…ต่อให้ข้าตายข้าก็จะไม่มีทางสับเปลี่ยนเด็ดขาด! ท่านพี่จิ้งหวาง ท่านโปรดเห็นแก่ที่ข้าสารภาพออกมาทั้งหมด เห็นแก่ศักดิ์ศรีของฟู่หวง ให้โอกาสและไว้ชีวิตข้าในครั้งนี้เถอะ! และโปรดไว้ชีวิตท่านพี่ฟู่ฟาง ไว้ชีวิตตระกูลฉีด้วย! ข้าขอร้อง ข้าขอร้อง…ฮึกๆ…”
จวินจิ่วเฉินจงใจปิดปากเงียบและจงใจหันไปมองจวินเย่าเฉิงด้วย เขากำลังทำการหยั่งเชิง จากปฏิกิริยาตอบสนองของจวินเย่าเฉิงแล้ว ความสงสัยของเขาที่มีต่อจวินเย่าเฉิงได้เพิ่มขึ้นและไม่ลดลงเลย
แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าคนร้ายตัวจริงที่สังหารอาจารย์แพทย์เจี่ยนจะเป็องค์หญิงหวายหนิงหรือจวินเย่าเฉิงนั้นก็ไม่ได้สำคัญกับคดีนี้แล้ว
เขาขัดจังหวะเสียงร้องไห้ขององค์หญิงหวายหนิงโดยการถามน้ำเสียงเ็า “หวายหนิง เ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนเป็พวกเดียวกันกับอู๋กงกง? ”
การที่องค์หญิงหวายหนิงให้การรับสารภาพ เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือไม่้าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับอู๋กงกง นางปฏิเสธด้วยความประหม่า “อาจารย์แพทย์เจี่ยนหลอกลวงข้า หลอกใช้ข้า! นางจะบอกข้าได้อย่างไร? แน่นอนว่าข้าไม่รู้! ท่านพี่จิ้งหวาง อู๋กงกงจะต้องรู้ว่าคนร้ายตัวจริงเป็ใครอย่างแน่นอน เขารู้แน่ๆ ! ”
ในขณะนี้อู๋กงกงที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างเกิดความรู้สึกเสียใจในภายหลังเป็อย่างยิ่ง เขาตำหนิตนเองว่าในตอนที่ออกไปจากพระราชวังไม่ได้ไปจัดการอาจารย์แพทย์เจี่ยนให้เรียบร้อยเสียก่อน! หากว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนไม่ได้ถูกสังหารแต่นางฆ่าตัวตายเอง เช่นนั้นจวินจิ่วเฉินก็จะไม่พบช่องโหว่นี้ องค์หญิงหวายหนิงก็จะไม่ออกมามอบตัว!
สุดท้ายแล้วเขาก็ทำลายเื่ดีของนายท่านไปเสียได้ เขาทำภารกิจที่นายท่านมอบหมายให้ไม่สำเร็จ แล้วยังทำให้จวินจิ่วเฉินค้นพบการมีอยู่ของนายท่านอีก ต่อให้เขาตายก็ไม่เพียงพอต่อการรับผิดและขอโทษ!
ดูเหมือนว่าอู๋กงกงจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาทอประกายแสงแห่งความไร้เยื่อใย
จวินจิ่วเฉินมองอู๋กงกงจากระยะไกล และไม่ได้วางแผนที่จะไต่สวนต่อไป ในวันที่เขาจับอู๋กงกงมา เขาทำการโยนไปให้เฉิงอี้เฟยทันที เขาจึงยังไม่ทันได้ทรมานเลย!
สำหรับคนประเภทนี้ต่อให้ไต่สวนไปก็เสียแรงเปล่าๆ ทำได้เพียงการทรมานเท่านั้น เฉิงอี้เฟยไม่มีวิธีที่จะง้างปากของอู๋กงกงได้ เขาจึงอยากจะลองดูเสียหน่อย!
ดวงตาของจวินจิ่วเฉินทอประกายแสงแห่งความหนาวเหน็บ เขากำลังจะเอ่ยขึ้นมา ทว่าทันใดนั้นอู๋กงกงก็คว้ากระต่ายด้านข้างที่ตายไปแล้วโยนไปทางจวินจิ่วเฉิน ผู้คนบริเวณรอบข้างล้วนคาดไม่ถึง มีเพียงเฉิงอี้เฟยเท่านั้นที่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว เฉิงอี้เฟยรีบชักดาบออกมาฟันไปที่กระต่ายที่ตายไปแล้วตัวนั้น!
“ไม่นะ! มันมีพิษร้ายแรง! ”
กูเฟยเยี่ยนกรีดร้องด้วยความใทันที นางโผตัวเข้าหาจวินจิ่วเฉินแล้วผลักเขาออกโดยไม่คิดสักนิด และเกือบในเวลาเดียวกันกระต่ายที่ตายไปแล้วก็ถูกฟันขาดเป็สองท่อน เืสีดำกระเด็นสาดไปทั่วสารทิศ
์ทราบดีว่ากูเฟยเยี่ยนใช้แรงมากเพียงใดถึงกับผลักจวินจิ่วเฉินลงไปที่พื้นได้ นางยืนอยู่ด้านหน้าของเขาเพื่อใช้ร่างกายของตนเองกำบังแทนเขา เืสีดำที่กระเด็นไปทั่วสารทิศได้สาดลงมาบนแผ่นหลังของกูเฟยเยี่ยน ไม่นานเสื้อคลุมของนางก็ถูกกัดกร่อนจนเกิดเป็รูๆ อีกทั้งยังคงกัดกร่อนเข้าไปด้านในเรื่อยๆ ไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าหากเมื่อสักครู่นี้พิษร้ายแรงได้กระเด็นไปโดนใบหน้าของจวินจิ่วเฉิน มันจะเกิดผลลัพธ์เช่นไร!
ผู้คนต่างก็ตกตะลึงตาค้าง เฉิงอี้เฟยตะลึงงันเช่นกัน หมางจ้งรีบปรากฏตัวขึ้นมาคุมตัวอู๋กงกงไว้ในทันที!
อู๋กงกงเข้าใจความเป็พิษของเืดำกระต่ายเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง เมื่อมีผงยาลิ่วตันซางลู่เพิ่มเข้ามามันจะกลายเป็พิษระดับรุนแรง หลังจากที่กระต่ายตายไปแล้วพิษก็ยังคงมีอยู่ต่อไป นอกจากหลังใบหูของกระต่ายจะปรากฏถึงตุ่มพุพองน่าสะอิดสะเอียนแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปนานอวัยวะภายในทั้งห้าของกระต่ายก็ล้วนจะกลายเป็เืพิษด้วย
หากว่าไม่ผ่าท้องมันก็จะไม่เป็อะไร ทว่าหากผ่าท้องแล้วเืได้กระทบกับแสง ความเป็พิษก็จะทวีคูณกัดกร่อนเนื้อหนังมังสามากขึ้นอีก นางจำเป็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าออกทั้งหมด!
หญิงสาวไม่กล้ารอช้าแม้เพียงวินาทีเดียวจึงรีบเอ่ยด้วยความรีบร้อน “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย นู๋ปี้จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ด้านหลัง รบกวนท่านให้หญิงรับใช้นำ…”
กูเฟยเยี่ยนยังเอ่ยไม่จบ จวินจิ่วเฉินก็ตามไปลากแขนนาง พลางก้าวเท้าอย่างรีบร้อนไปด้านหลัง ใน่เวลานี้อู๋กงกงจึงฉวยโอกาสที่หมางจ้งใจลอย คว้าดาบของหมางจ้งมาปาดคอของตนเองอย่างรุนแรงเพื่อฆ่าตัวตาย!
เมื่ออู๋กงกงตายไปแล้วก็จะสืบเื่ราวของคนร้ายตัวจริงได้ยากขึ้น!
แต่อย่างไรก็ตามจวินจิ่วเฉินไม่ได้มองดูสักนิด เขากำลังร้อนใจกับพิษที่อยู่บนแผ่นหลังของกูเฟยเยี่ยน เขาพากูเฟยเยี่ยนไปที่ห้องด้านหลังแล้วปิดประตูโดยไม่รอช้าสักวินาทีเดียว จากนั้นจึงดึงเสื้อผ้าของกูเฟยเยี่ยนออกด้วยความรุนแรง เขาใช้แรงมากเกินไป ชั่วพริบตาเดียวเสื้อผ้าทั้งหมดของกูเฟยเยี่ยนก็ถูกดึงจนขาดเป็ชิ้นๆ โดยที่หลงเหลือเพียงแค่ชุดชั้นใน
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างฉับพลันไม่ทันได้ตั้งตัว กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงจนตาค้าง สมองเกิดความว่างเปล่า……