เงินที่เย่เฟิงให้ไปไม่มากมายนัก แต่มันเป็โอกาสที่จะช่วยเหลือนักเลงพวกนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ขอบคุณในความเมตตาครั้งนี้ แต่อย่างที่เย่เฟิงบอก เื่รางวัลภายหลังจบเื่จะทำให้พวกเขาทุ่มเทสุดความสามารถ เย่เฟิงให้เงินพวกนี้ เนื่องจากให้พวกเขาไปรักษาตัว
ขณะเย่เฟิงกำลังสั่งการ ทันใดนั้นเองก็ััถึงเสียงบางอย่างที่ห่างไปไม่ไกลจนอดหน้าถอดสีไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น ทำไมจ้าวอี้เปยถึงสร้างร่างขึ้นมา? แสดงว่าต้องเกิดเื่แล้ว เื่นี้ทำให้เย่เฟิงไม่คิดสุงสิงกับนักเลงอีกต่อไป เพียงออกคำสั่งไม่กี่คำก่อนทิ้งธนบัตรใบละหนึ่งร้อยให้อีกสิบใบ จากนั้นสะกิดเท้าวิ่งไปยังทางของจ้าวอี้เปย
หากมีคนแปลกถิ่นเข้ามาในเมือง เ้าหัวล้านจะต้องไปตรวจสอบประวัติของอีกฝ่าย ถ้าเป็บุคคลน่าสงสัยก็จะโทรรายงานเย่เฟิงทันที! นี่เป็เพียงเื่ง่ายๆ เขาเชื่อว่าพวกนักเลงเ้าถิ่นจะสามารถทำได้
ชายหนุ่มโยนเื่เ้าหัวล้านทิ้งไป หยิบมือถือออกมาจากแหวนมิติ ก่อนใส่เข้ากระเป๋ากางเกงข้างหลัง พุ่งตรงไปยังตำแหน่งจ้าวอี้เปย
“แกคือซือถูฉางเตาสินะ!”
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากหน้าโรงแรม ซึ่งก็คือเสียงของจ้าวอี้เปย
มีเพียงตอนสร้างร่างกายเท่านั้นที่ผู้ฝึกิญญาจะสามารถพูดเหมือนคนธรรมดาได้ มิเช่นนั้นจะทำได้แค่สื่อสารด้วยพลังิญญาซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถรับรู้ได้ มีเพียงจิตหยั่งรู้ของผู้ฝึกวิถีเซียนที่จะได้ยิน แต่ตอนนี้เสียงของจ้าวอี้เปยดังลั่นไปทั้งโรงแรม
ซือถูฉางเตา?
เย่เฟิงพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินชื่อนี้ ภายในใจก็เย็นะเื ชายคนนี้คือต้นเหตุการตายของภรรยาเตาปาหรือพี่สาวของจ้าวอี้เปยไม่ใช่หรือ?
ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่!
“ใครกัน?”
น้ำเสียงเย้ยหยันดังออกมาจากในโรงแรม
เมื่อเย่เฟิงมาถึงก็ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจทันที ฝ่ายตรงข้ามเป็ชายผอมสูงคนหนึ่งที่สะพายห่อผ้าด้านหลัง ข้างในคงเป็กระบี่
มันคือซือถูฉางเตางั้นหรือ?
เวลานี้ซือถูฉางเตามาพร้อมกับศิษย์จากวิหารดาบ์หลายคนอยู่ในห้องรับแขกของโรงแรม ส่วนจ้าวอี้เปยขณะสำรวจสถานที่และพบซือถูฉางเตาก็สร้างร่างกายขึ้นมาทันที หลังจากร่างกายเป็รูปร่างมากขึ้นจึงถีบประตูโรงแรมเข้าไป
ภายในห้องรับแขกมีชายสี่คนท่าทางร้ายกาจซึ่งรวมถึงซือถูฉางเตาด้วย สีหน้าแต่ละคนมีกลิ่นอายสังหาร ท่าทางราวกับฆาตกรผู้สังหารคนมามากมาย
เมื่อจ้าวอี้เปยถีบประตูเข้ามา ทั้งสี่คนก็เหลือบมอง ใบหน้าแต่ละคนเผยความโเี้ แต่ซือถูฉางเตาเพียงแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
ใครบางคนยังกล้าพุ่งเข้ามาหาเื่ แม้รู้ว่าเป็คนของวิหารดาบ์?
“ในเมื่อรู้ว่าฉันคือซือถูฉางเตา แสดงว่าแกเป็คนในยุทธจักรสินะ”
ใบหน้าซือถูฉางเตาแต้มรอยยิ้มชั่วร้าย มือทั้งสองหยาบกร้านจากการจับดาบ เหนือขึ้นไปข้างขมับมีไฝสามเม็ดเรียงกัน “เมื่อเป็เช่นนั้น สหายตัวน้อยอย่าบอกนะว่า้ามาร้องหาความตาย?”
จ้าวอี้เปยที่สร้างร่างกายขึ้นมายืนอยู่หน้าทางเข้า ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ชายผู้โเี้ตรงหน้านี้ เมื่อสิบปีที่แล้วเขาเมาเหล้า จากนั้นบุกไปสำนักงานใหญ่ของแก๊งพวกเขาก่อนสังหารพี่สาวของจ้าวอี้เปย!
ในเวลานั้นเขาจดจำได้อย่างชัดเจน พี่สาวของเขาวิ่งหนีออกมาจากห้องอย่างหวาดกลัว เธอหวังไปหาพี่เตาปาที่กำลังหารือธุรกิจกันอยู่ ท้ายที่สุดวิ่งไปได้เพียงครึ่งทาง ซือถูฉางเตาพุ่งมาจากด้านข้างก่อนฟันเธอขาดครึ่ง แม้ตายแล้วจ้าวอี้เปยก็ไม่มีวันลืม ไฝสามเม็ดเรียงกันข้างขมับของซือถูฉางเตา
“ในที่สุดก็เจอแกเสียที”
น้ำเสียงของจ้าวอี้เปยทุ้มลึก เมื่อได้เจอศัตรูที่เฝ้ารอมานานนับสิบปี ในใจของเขารู้สึกแตกต่างจากอดีตนัก
ถ้าเป็ในอดีต เขาคงทำได้แค่โกรธเกรี้ยวพร้อมกับหวาดกลัวเท่านั้น นอกจากนี้ซือถูฉางเตายังเป็ฆาตกรชั่วร้าย การตวัดดาบเป็เื่ง่ายดาย จำเป็ต้องรู้ว่าจ้าวอี้เปยเป็เพียงเด็กน้อยในแก๊งอสรพิษ์เท่านั้น ต่อให้เป็เตาปามาเจอซือถูฉางเตา เกรงว่าก็คงทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
จ้าวอี้เปยตอนนี้ติดตามเย่เฟิง แม้กระทั่งตายไปแล้วหนึ่งครั้ง และกลายมาเป็ผู้ฝึกิญญาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับซือถูฉางเตาและผู้ฝึกวรยุทธ์คนอื่น ผู้ฝึกิญญาย่อมแข็งแกร่งกว่ามาก และตอนนี้เขาก็มีวรยุทธ์ถึงสิบปีแล้ว ความสามารถการต่อสู้เทียบเท่าได้กับผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มีระดับพลังยี่สิบถึงสามสิบปีได้เลย ที่สำคัญเขาจะไม่ตาย ไม่ว่าจะเป็ปืน กระบี่ หรือยาพิษ ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้ผู้ฝึกิญญา พูดง่ายๆ ว่าการเผชิญหน้ากับซือถูฉางเตาตอนนี้ จ้าวอี้เปยไม่จำเป็ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
ผู้ฝึกิญญาไม่ได้มีร่างกาย คนธรรมดาเป็ไปได้หรือที่จะทำอะไรเขาได้?
แน่นอนว่าขีดจำกัดของผู้ฝึกิญญาก็เป็เื่สำคัญ ถ้าไม่ใช่ความช่วยเหลือของเย่เฟิง จ้าวอี้เปยรู้ว่าเขาคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไม่จำเป็ต้องพูดถึงสองปีให้หลังนี้เลย และมันเป็เพียงโลกนี้เท่านั้น หากกลับไปยังโลกเทวะ ผู้ฝึกวิถีเซียนแทบทุกคนรู้จักวิธีที่จะจัดการกับผู้ฝึกิญญา
“ฮ่าๆ เจอฉันแล้วยังไงเล่า?”
ซือถูฉางเตาหัวเราะพลางยืนขึ้น ร่างผอมแห้งมีความสูงถึงสองเมตร เขาสูงกว่าเฉินเจี้ยนสยงจากคำหนักไท่จี๋เสียอีก!
เขาเป็ศิษย์คนสำคัญของวิหารดาบ์ เมื่อสิบปีก่อนซือถูฉางเตามีระดับวรยุทธ์สิบปี หลังสิบปีผ่านไปทางวิหารดาบ์ดูแลฝึกฝนอย่างดี จนตอนนี้เขามีวรยุทธ์ถึงสี่สิบปี แถมยังสามารถใช้กำลังภายในออกมานอกร่างกายได้อีกด้วย ตอนนี้เขามีอายุไม่ถึงห้าสิบปี เทียบได้กับสุดยอดฝีมือในยุทธจักร เด็กน้อยเบื้องหน้าอายุไม่ถึงสิบเก้าปี จะเป็คู่มือให้เขาได้อย่างไร?
ไม่จำเป็ต้องพูดถึงเื่ที่เขามีพรรคพวกอีกสามคนที่มีวรยุทธ์ระดับใกล้เคียงกันเลย
แน่นอนว่าซือถูฉางเตาไม่ใช่คนปัญญาอ่อน เขาวิตกว่าเื้ัของจ้าวอี้เปยจะมีคนหนุนหลังอยู่หรือไม่ ดังนั้นสายตาอันโเี้จึงพยายามตรวจสอบด้านนอก เตรียมพร้อมหลบหลีกได้ทุกเมื่อ เพียงไม่นาน เขาก็เห็นชายหนุ่มเสื้อดำตามที่คาดเดาเอาไว้ ขณะก้าวเข้าห้องรับแขก และยืนอย่างมั่นคงข้างเด็กน้อยคนนั้น
“เย่เฟิง?”
ซือถูฉางเตาโพล่งชื่อเย่เฟิงออกมา เพียงเหลือบมองก็จดจำได้ ก่อนที่หน้าของเขาจะเปลี่ยนสี มันคือเย่เฟิงจริงๆ เขาได้ยินมาว่าพวกสวะทั้งหลายถูกเย่เฟิงจัดการไปจนหมดสิ้น แม้กระทั่งตัดแขนหลงโม่หรานก็ได้ เป็ไปได้หรือที่จะเก่งกาจเหนือธรรมชาติ? แต่ตอนนี้พอมองแล้วก็ดูไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก เป็แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบปีเท่านั้น ด้วยความสามารถและอายุเท่านี้ ความแข็งแกร่งจะมีเท่าไรกันเชียว? ประสบการณ์และข่าวลือภายยุทธจักร มันมักจะเกินจริงอยู่เสมอ ความคิดนี้ทำให้ซือถูฉางเตาโล่งใจในทันที แม้ในใจรู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมา
หากเขาเอาชนะเย่เฟิงได้ แสดงว่าเขาแข็งแกร่งกว่าหลงโม่หรานไม่ใช่หรอกหรือ?