จากนั้น ซวนหนี่ก็สะบัดมือไปทางกลุ่มอสูรเื้ั ท่ามกลางฝูงอสูรดุร้ายที่ล้วนมีร่างใหญ่โตจนบดบังแสงอาทิตย์ ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า
"ข้าบ่มเพาะพลังมาหมื่นปี ผู้ใดกล้ารับคำท้าของข้า?"
เกือบจะพร้อมกันนั้นเอง ฝั่งตระกูลหลินก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความเดือดดาล
"ข้าบ่มเพาะพลังมาสามหมื่นปี! ผู้ใดกล้าต่อสู้กับข้า!"
สองเสียงนั้นกังวานก้องทั่วทั้งฟ้า ดุจคำประกาศท้าทายที่สะท้อนก้องไปทั่วสนามรบ
จากกองทัพของอสูร เงาร่างหนึ่งก้าวออกมา ทุกย่างก้าวของมันทำให้ความว่างเปล่าสั่นไหวคล้ายคลื่นน้ำยามหยาดฝนร่วงหล่น
อสูรดุร้ายตนนั้นไม่ได้มีร่างสูงใหญ่นัก และยังคงอยู่ในร่างมนุษย์ ทว่าทั่วร่างกลับถูกปกคลุมด้วยหมอกโลหิต วงแหวนสีแดงเข้มหมุนวนอยู่รอบตัวมัน รัศมีมืดมิดเ่าั้แฝงไปด้วยพลังอันน่าสะพรึง
ในวงแหวนสีเืนั้นคล้ายมีของเหลวสีแดงดำไหลเวียนอยู่ และภายในนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนของดวงิญญามากมาย เป็หลักฐานในการสังหารอันโเี้ ิญญาของผู้ที่ตกตายด้วยน้ำมือมันล้วนถูกหลอมรวมอยู่ในวงแหวนนี้
ขณะเดียวกัน สายตาของทุกผู้คนก็หันไปมองยังฝ่ายตระกูลหลิน
และบุคคลที่เอ่ยท้าทายนั้นก็คือหนึ่งในผู้าุโของตระกูลหลิน หลินเถียนหย่า!
"ข้าจะรับคำท้านี้เอง!"
หลินเถียนหย่าก้าวออกมาจากกลุ่มคนของตระกูลหลิน ร่างของเขาผอมบาง ผิวเหลืองซีด เส้นผมขาวโพลน ทว่าทุกย่างก้าวของเขากลับหนักแน่นราวขุนเขา!
ร่างของหลินเถียนหย่าไม่มีรัศมีเปล่งประกายหรือพลังกระบี่อันเฉียบคม เขาดูธรรมดาไม่ต่างจากชายชราทั่วไปในโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเขายังดูอ่อนแอ แผ่นหลังโค้งงอ และยังคงไอออกมาเป็ระยะ
เมื่อเห็นชายชราผู้นี้ก้าวออกมา บรรดาศิษย์ของตระกูลหลินต่างกำหมัดแน่น!
พวกเขารู้สึกไร้ค่าจริงๆ แม้จะอยู่ที่นี่เพื่อหยุดยั้งคลื่นอสูรปีศาจ แต่พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย ยังต้องให้เหล่าผู้าุโออกหน้าสู้แทนอีก!
หลินเถียนหย่าเงยหน้า ดวงตาหรี่ลงมองไปเบื้องหน้า
เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้นี้ได้ และไม่อาจถอยหนี นั่นเพราะยังมีศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลหลินที่กำลังหลบหนี เขาต้องสู้เพื่อซื้อเวลาให้พวกเขา!
ขณะเดียวกัน บรรดาตระกูลและขุมอำนาจที่เฝ้ามองการต่อสู้จากที่ห่างไกล เมื่อเห็นชายชราผู้นี้ก็กระซิบกระซาบกันขึ้นมา
"หลินเถียนหย่า… ไม่คาดคิดเลยว่าผู้าุโคนแรกที่ตระกูลหลินส่งออกมาจะเป็เขา! ข้านึกว่าเขาตายไปนานแล้วเสียอีก ไม่คิดเลยว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่!"
ท่ามกลางขุมอำนาจและตระกูลที่จับตาดูศึกนี้ มีผู้าุโท่านหนึ่งที่จ้องมองหลินเถียนหย่าด้วยสีหน้าซับซ้อน ราวกับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
ต้องรู้ว่า… เขากับหลินเถียนหย่านั้นอยู่ในยุคเดียวกัน
ยุคนั้นคือยุคที่เหล่าอัจฉริยะพากันผงาดขึ้นทั่วทุกแห่งหน มีอัจฉริยะไร้เทียมทานปรากฏขึ้นไม่ขาดสาย
แต่ในบรรดาอัจฉริยะมากมาย หลินเถียนหย่ากลับมิได้โดดเด่นที่สุด ในตอนแรกแทบไม่มีผู้ใดให้ความสนใจในตัวเขา จนกระทั่งมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
ในปีนั้น ทางทิศตะวันออกของอาณาจักรฉีซาน ได้ปรากฏ 'แดนต้องห้าม' แห่งหนึ่งขึ้นกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ ตำนานเล่าขานกันว่าในแดนนั้นมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ สมบัติล้ำค่า และแม้แต่เคล็ดวิชาบ่มเพาะพลัง ทำให้บรรดาตระกูลใหญ่ทั่วทั้งอาณาจักรฉีซานพากันส่งศิษย์ของตนเข้าไป แม้แต่ตระกูลจากอาณาจักรข้างเคียงก็เข้าร่วม
ทว่าผลลัพธ์ของการสำรวจแดนต้องห้ามในครั้งนั้นคือ… การล้มตายของผู้คนนับไม่ถ้วน!
ในท้ายที่สุด กลับมีเพียงบุคคลเดียวที่รอดชีวิตออกมา
แดนต้องห้ามแห่งนั้น แท้จริงแล้วคือสถานที่ที่ยอดฝีมือโบราณทิ้งไว้เพื่อค้นหาผู้สืบทอด มันเต็มไปด้วยค่ายกลสังหารและผนึกนับพัน การจะผ่านมันไปได้ไม่ใช่เื่ง่าย
และผู้ที่ออกมาจากแดนนั้นเป็คนสุดท้าย…
กลับมิใช่อัจฉริยะไร้เทียมทานที่ผู้คนคาดการณ์ไว้ แต่เป็บุคคลที่ไม่มีผู้ใดรู้จักมาก่อน
หลินเถียนหย่า!
ในเวลาเดียวกัน หลินเทียนหยานำร่างไร้ิญญาหลายร้อยร่างกลับมา
"เขาทำให้ผู้คนมากมายต้องตาย แต่กลับ้าให้ข้าดูดซับเืของอัจฉริยะเหล่านี้เพื่อเสริมพลังให้ตนเอง! นี่มันคือหนทางของมาร! หลินเทียนหยาเช่นข้าจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร!"
หลินเทียนหยาได้ทำลายมรดกของผู้ฝึกตนโบราณผู้นั้นไปโดยตรง และสร้างหัวใจของผู้แข็งแกร่งขึ้นมาเอง เปิดเส้นทางอันรุ่งโรจน์ของตนเองสู่เต๋า
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเทียนหยาปรากฏตัวอีกครั้ง พลังบ่มเพาะและพลังสายเืของเขากลับไม่อยู่ในสภาพสูงสุด ดูเหมือนว่าแม้แต่อัจฉริยะเช่นเขาก็ยังต้องเผชิญกับปัญหามากมายบนเส้นทางการบ่มเพาะ
"เทียนหยา… ร่างกายของเ้า..." หลินเป่ามีสีหน้าลังเลและซับซ้อน
"ไม่ใช่ว่าข้าสู้ไม่ได้!" หลินเทียนหยากล่าวเสียงดัง จากนั้นจึงกล่าวเป็นัยว่า "วันนั้น ข้าได้พบกับลมปราณม่วงและเสียงแห่งมหาเต๋า สิ่งเ่าั้ช่วยให้ข้าก้าวหน้าและรักษาาแซ่อนเร้นไปบางส่วน ข้าเกรงว่าโชควาสนาในวันนั้นถูกลิขิตไว้ให้ข้าได้สู้ในวันนี้!"
เมื่อมองดูหลินเทียนหยาที่ดูไม่ยี่หระตรงหน้า เหล่าผู้าุโในตระกูลหลินต่างรู้สึกปวดใจราวกับถูกมีดกรีด
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ผู้าุโที่รู้จักหลินเทียนหยาดีเหล่านี้จะไม่รู้ได้อย่างไร? าแซ่อนเร้นในร่างของหลินเทียนหยานั้นยังไม่หายดีเลย เขาเคยพบกับอุปสรรคมหาศาลในการบ่มเพาะ!
เหตุผลที่หลินเทียนหยายอมต่อสู้ในตอนนี้ อาจเป็เพราะเขารู้ว่าโอกาสชนะของตระกูลหลินในศึกนี้ช่างริบหรี่ ดังนั้นเขาจึง้าใช้ชีวิตของตนเพื่อช่วยให้ตระกูลหลินมีโอกาสรอดและถ่วงเวลาไว้ เพื่อรักษาสายเืของตระกูลหลินให้คงอยู่!
"เข้ามาเลย!"
ในขณะนั้น ร่างของหลินเทียนหยาส่องแสงสว่างจ้าถึงแสนจั้ง พลังปราณหมุนเวียนอยู่ในร่างของเขา แต่ใบหน้าของเขากลับแดงก่ำผิดปกติอย่างยิ่ง
"ในเมื่อเ้าคิดว่าตนเองมีชีวิตยืนยาวเกินไป เช่นนั้นข้าจะทำให้ความปรารถนาของเ้าสำเร็จเอง"
จากกองทัพอสูรอันไร้ขอบเขต ร่างอสูรที่มีรัศมีสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมารอบตัวเดินก้าวออกมา แม้ฝีเท้าของเขาจะดูผ่อนคลาย แต่ทุกย่างก้าวกลับส่งแรงสั่นะเืเข้าสู่ความว่างเปล่า คล้ายกับมีค้อนั์กระแทกลงไปในจิติญญา!
เหล่าศิษย์ตระกูลหลินที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าต่างกระอักเืออกมาทันที เพียงเพราะแรงสั่นะเืจากเสียงฝีเท้านั้น
แรงสั่นะเืเ่าั้กำลังแผ่ขยายไปถึงหลินเสวียนและเสวียนอวี่ แต่ก่อนที่มันจะกระทบพวกเขา มันกลับถูกสกัดกั้นโดยคลื่นพลังอีกสายหนึ่ง
นี่คือคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากเนตรหยินหยางและเนตรศักดิ์สิทธิ์ของหลินเสวียน
ในขณะนี้ หลินเสวียนได้เปิดใช้งานเนตรหยินหยางและเนตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดวงตาของเขาเมื่อกระพริบตา มันเปล่งประกายราวกับมีแสงหมื่นพันพุ่งผ่าน ราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นจุดเริ่มต้นของโลกและการต้นกำเกิดของความโกลาหลได้
ส่วนปราณม่วงและเสียงแห่งมหาเต๋าที่ปรากฏก่อนหน้านี้ ได้ถูกหลินเสวียนดูดซับไปแล้ว ขณะเดียวกันก็คอยจับตามองสถานการณ์บนสนามรบ
หลินเสวียนเองก็รู้จักกับหลินเทียนหยาเป็อย่างดีเพราะเขาเคย อุ้มเขา และหยอกล้อเขา!
เมื่อเห็นหลินเทียนหยาก้าวออกไป หลินเสวียนอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าอย่าไป และให้ระวังตัว
เพราะเมื่อหลินเสวียนใช้เนตรหยินหยางของเขามองทะลุชั้นหมอกปีศาจและไอพิษ เขาเห็นสัตว์อสูรและอสูรปีศาจมากมายเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นหลินเทียนหยาก้าวออกไป
ชัดเจนว่าสัตว์อสูรและอสูรปีศาจเ่าั้มั่นใจว่าพวกมันจะเป็ฝ่ายชนะศึกนี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลินเสวียนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย ร่างกายของเขาก็ไม่สามารถขยับได้ และเขาไม่อาจเตือนผู้าุโหลินเทียนหยาได้
จากนั้น การต่อสู้อันดุเดือดก็ปะทุขึ้นในทันที!
หลินเทียนหยาปะทะกับอสูรร้ายร่างมนุษย์ในชั่วพริบตา สายลมอันเย็นะเืคำรามกึกก้อง แสงสีโลหิตสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า ปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนเผยให้เห็นถึงความโหดร้ายของศึกครั้งนี้!
