บทที่ 6 : การตลาดนำการผลิต (และพ่อค้าแซ่บหน้าอู่)
เช้าวันอาทิตย์ ณ ตลาดนัดริมน้ำ
เสียงจอแจของผู้คนผสมกับเสียงเพลงลูกทุ่งจากลำโพงงานวัด ดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ
กลิ่นไก่ย่าง หมูปิ้ง และกลิ่นผักสด ตลบอบอวลเป็เอกลักษณ์ของ ‘กาดเช้า’ (ตลาดเช้า)
ฉันยืนเท้าเอวมองแผงขายของเล็กๆ ที่ปูด้วยเสื่อน้ำมันลายตารางหมากรุก บนแผงมีถุงพลาสติกบรรจุวัตถุดิบสีดำคล้ำวางเรียงรายอยู่ประมาณ 20 ถุง
“มันจะขายออกเหรอขวัญ?”
แม่ถามเสียงอ่อย พลางจัดชายเสื้อหม้อฮ่อมให้เรียบร้อย “ลำไยอบแห้งสีดำ ปี๋แบบนี้ ปกติเขาคัดทิ้งทำปุ๋ยกันนะลูก ไม่มีใครกินหรอก มันไม่สวย”
ใช่ค่ะ... สินค้าล็อตแรกของฉันคือ ‘ลำไยตกเกรด’ ที่ค้างสต็อกอยู่ในโกดัง
มันคือลำไยที่อบนานเกินไปจนสีเข้มคล้ำ ไม่เป็สีทองสวยงามตามท้องตลาด พ่อกับแม่กะจะเอาไปทิ้งทำปุ๋ยหมัก แต่สายตาอันเฉียบคม (บวกกับงก) ของฉัน ดันไปเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่
[Item Analysis : ลำไยอบแห้ง (Over-dried)]
Appearance: Grade C (สีคล้ำ ไม่น่ากิน)
Taste: Grade A+ (หวานจัด, เนื้อหนึบเหมือนเยลลี่)
Special Trait: กลิ่นหอมควันไฟ (Smokey Aroma)
ในยุค 90s คนบ้าเห่อของสวยงาม ลำไยต้องสีทองอร่ามเท่านั้นถึงจะราคาดี แต่ในยุค 2024 เทรนด์ ‘Craft’ และ ‘Homemade’ มาแรงแซงโค้ง
ของดำๆ นี่แหละ... ของดี!
“เชื่อมือขวัญเถอะแม่” ฉันขยับแว่น “วันนี้เราไม่ได้มาขายลำไยอบแห้ง... แต่เรามาขาย ‘ทอฟฟี่ผลไม้’ ต่างหาก!”
ฉันหยิบกระดาษลังที่เขียนด้วยปากกาเคมีสีแดงตัวโตๆ ขึ้นมาตั้ง
[ ทอฟฟี่ลำไยโบราณ (สูตรคุณยาย) ] หวาน หอม หนึบ! เคี้ยวเพลินเหมือนกินเยลลี่ ไร้น้ำตาล! หวานธรรมชาติ 100% ถุงละ 20 บาท (3 ถุง 50!)
“แล้วนั่น...” ฉันหันไปมอง ‘ผู้ช่วย’ ร่างั์ที่ยืนกอดอกทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่หลังแผง
พี่ดินในชุดเสื้อยืดสีขาว (ที่ดูดีจนน่าหมั่นไส้) กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ วันนี้เขาโดนฉันลาก... เอ้ย! ไหว้วานให้มาช่วยขนของ แลกกับผัดกะเพราถาดใหญ่เมื่อวาน
“ทำหน้าให้มันรับแขกหน่อยสิคะพี่ช่าง” ฉันกระซิบ “ยืนทำหน้าดุเหมือนจะทวงหนี้ ใครจะกล้าเข้า”
พี่ดินถอนหายใจ “ผมเป็ช่างซ่อมเครื่องจักร ไม่ใช่พ่อค้าขายของ... แล้วนี่มันขายไม่ออกหรอก ดำขนาดนี้”
“พนันกันไหมล่ะ?” ฉันยักคิ้ว “ถ้าขวัญขายหมดภายในเที่ยง พี่ต้องมาช่วยขวัญเดินท่อระบบน้ำในสวนฟรี 1 วัน”
พี่ดินหรี่ตามอง “แล้วถ้าขายไม่หมด?”
“ขวัญจะยอมเป็ลูกมือ ขัดสนิมอะไหล่ให้พี่ 1 อาทิตย์เต็ม!”
“ดีล” พี่ดินรับคำท้าทันที แววตาเ้าเล่ห์ปรากฏขึ้น (กะจะใช้งานฉันเยี่ยงทาสสินะ!)
...
1 ชั่วโมงผ่านไป... เงียบกริบ
ผู้คนเดินผ่านไปมา มองลำไยดำๆ ของเราแล้วก็เดินผ่านไป บางคนหยิบดูแล้วก็วาง
“ดำจัง... เสียหรือเปล่าเนี่ย?” ป้าคนหนึ่งบ่นพึมพำ
ฉันเริ่มเหงื่อตก สถานการณ์ไม่ดีแล้ว ทฤษฎี Marketing 4P (Product, Price, Place, Promotion) ของฉันกำลังพ่ายแพ้ต่อ Perception (การรับรู้) ของคนยุคนี้
ต้องใช้ไม้ตาย!
“ชิมฟรีจ้า! ชิมฟรี!”
ฉันะโเรียกลูกค้า พร้อมกับจิ้มลำไยใส่ถาดเดินแจก
“ลองชิมดูนะคะป้า สีไม่สวยแต่อร่อยเหมือนทอฟฟี่เลย เคี้ยวหนึบๆ ไม่หวานแสบคอเหมือนแบบสีทองนะจ๊ะ!”
ป้าคนเดิมลังเล แต่พอเห็นคำว่า ‘ฟรี’ ก็ยอมหยิบเข้าปาก
เคี้ยว... เคี้ยว...
ตาป้าลุกวาว!
“เอ้อ! มันหนึบจริงด้วยแฮะ หอมกลิ่นควันไฟเหมือนลำไยสมัยก่อนเลย”
“ใช่ไหมคะ! นี่เป็สูตรลับการอบแบบโบราณค่ะ หาทานยากมาก!” (แถสีข้างถลอก แต่มันคือ Storytelling!)
พอมีคนเริ่มมุง ‘ไทยมุง’ ก็เริ่มทำงาน
แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ อยู่ที่...
“พี่ดิน!” ฉันหันไปสะกิดคนตัวโต “ช่วยหน่อยสิ ถือถาดแจกให้หน่อย ขวัญจะตักใส่ถุง”
พี่ดินทำหน้าเหมือนโดนบังคับกินยาขม แต่ก็ยอมรับถาดไปยืนหน้าร้าน
ภาพชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้ม ผิวสีแทนดูสุขภาพดี (สไตล์พระเอกมิวสิควิดีโอ RS ยุค 90) ยืนถือถาดลำไย ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่แถวนั้นเริ่มชะลอฝีเท้า
“อุ๊ย... พ่อค้าหล่อจัง” “นั่นช่างดินอู่ข้างวัดนี่นา ตัวจริงหล่อกว่าที่ลืออีกนะเนี่ย”
สาวๆ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทำทีขอชิม (แต่ตามองหน้าพ่อค้า)
“พี่คะ... ลำไยนี้หวานไหมคะ?” น้องคนหนึ่งถามเสียงหวานหยด
พี่ดินกระแอมเบาๆ แล้วตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำตามสไตล์
“หวานครับ... ลองดู”
กรี๊ดดดด! (เสียงกรีดร้องในใจของสาวๆ และของฉันด้วย)
แค่คำว่า ‘หวานครับ’ คำเดียว ถุงลำไยในมือฉันก็ถูกกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว!
“เอา 3 ถุงค่ะ!” “หนูเอา 5 ถุงค่ะพี่ดิน!” “ป้าเอาด้วยลูกดิน ห่อมาเลย!”
ความวุ่นวายบังเกิด! ฉันตักลำไยใส่ถุงมือเป็ระวิง รับเงินทอนเงินแทบไม่ทัน ส่วนพี่ดินยืนเป็ Token หรือเสาโทเท็มเรียกลูกค้า แค่ยืนเฉยๆ ส่งยิ้มมุมปากนิดๆ ของก็ระบายออกราวกับแจกฟรี
เวลา 11:30 น.
ถุงพลาสติกใบสุดท้ายถูกขายออกไป
ฉันทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกอย่างหมดแรง แต่มือยังกำกระเป๋าหน้าท้องที่ตุงไปด้วยธนบัตรใบละ 20 และ 50 บาทแน่น
[Mission Complete: First Cash Flow] Revenue: 2,500 บาท Profit: 100% (เพราะต้นทุนคือของที่จะทิ้ง)
“หมดเกลี้ยง...” แม่พึมพำอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “ลำไยดำๆ เนี่ยนะ?”
“บอกแล้วไงแม่ ของแบบนี้มันอยู่ที่ ‘สตอรี่’ กับ ‘หน้าตา’” ฉันยิ้มกริ่ม หันไปมองพี่ดินที่กำลังยกแผงเก็บ
“พี่ดินนน~” ฉันลากเสียงยาว “จำสัญญาได้ไหมจ๊ะ? พรุ่งนี้เตรียมตัวเดินท่อน้ำได้เลย!”
พี่ดินชะงัก หันมามองฉันแล้วส่ายหัวเบาๆ แต่แววตาไม่ได้ดูหงุดหงิดเหมือนตอนแรก
“รู้แล้วน่า... ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำหรอก”
เขาเดินเข้ามาใกล้ ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นให้ฉัน
“เช็ดหน้าซะ มอมแมมอย่างกับลูกแมว... แล้วก็...”
“คะ?”
“ผัดกะเพราเมื่อวานอร่อยดี วันนี้ขอเบิ้ลนะ... ถือว่าเป็ค่าตัวพรีเซนเตอร์”
ฉันรับผ้าเช็ดหน้ามา อึ้งไปสามวิ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
“ได้เลยค่า! เดี๋ยวจัด ‘กะเพราถาด’ ไซส์พิเศษแถมไข่ดาวสองฟองให้เลย!”
ฉันมองแผ่นหลังกว้างของเขาที่เดินแบกของนำไปที่รถ
ได้เงินทุนหมุนเวียน ได้แรงงานฟรี (อีกแล้ว) แถมความสัมพันธ์ก็ดูเหมือนจะขยับขึ้นอีกนิด...
การตลาดนำการผลิต... และนำมาซึ่งความรักหรือเปล่านะ? ฮิ้ววว!
